“คารวะใต้เท้าทั้งสามขอบพระคุณท่านอาวุโสที่ช่วยชีวิต” หญิงสาวเผ่ามารที่บินมาถึงหานลี่คนแรก ไม่กล้าเข้าใกล้นัก หยุดอยู่ห่างไปเจ็ดแปดจั้งแล้วรีบเอ่ยพร้อมกับทำความเคารพ
นางสัมผัสไปลางๆ ว่ากลิ่นอายของหานลี่และพวกทั้งสามล้วนลึกล้ำยากจะคาดเดา ยามนั้นจึงยิ่งรู้สึกเคารพนับถือ
“พวกเจ้าเป็นใคร ที่นี่คือเมืองอะไร” หานลี่เอ่ยถามสั้นๆ ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ชนรุ่นหลังและพวกเป็นแขกเด็ดผลึกของภูเขาเมฆาโกลาหล เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ทางเหนือคือเมืองน้ำเต้าดำ หากท่านอาวุโสอยากไป ชนรุ่นหลังยินดีจะนำทางให้” หญิงสาวเผ่ามารตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด
“เมืองน้ำเต้าดำ ไม่เคยได้ยินมาก่อนไม่ต้องนำทางหรอก แต่มอบแผนที่ของเขตนี้ให้ข้าสักม้วนเถิด” หานลี่ออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ
“ชนรุ่นหลังมีแผนที่รายละเอียดของเขตแดนนี้อยู่ม้วนหนึ่งพอดี ท่านอาวุโสต้องการย่อมเป็นเกียรติของชนรุ่นหลังยิ่ง” หญิงสาวเผ่ามารหยิบแผ่นหินสีดำออกมาจากเรือนร่างแล้วส่งให้ด้วยมือทั้งสองมือ
หานลี่พยักหน้าใช้มือหนึ่งกวักเรียก เสียง “สวบ” ดังขึ้น แผ่นดินตกลงในมือ หลังจากกวาดจิตสัมผัสไป ใบหน้าก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา ยามนี้เผ่ามารคนอื่นๆ ก็บินมาอยู่ข้างกายหญิงสาว แต่ล้วนยืนประสานมืออยู่ด้านข้าง ไม่กล้าหายใจแรง
“เยี่ยม ยามนี้ผู้ใดบอกข้าได้ว่าแมลงพิษที่พวกเจ้าเรียกมันเรื่องอันใดกัน จำได้ว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นฝูงแมลงชนิดนี้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน กลิ่นอายของพวกมันไม่เหมือนกับแมลงมารทั่วๆ ไป” หานลี่เก็บแผ่นหิน กวาดสายตาไปบนเรือนร่างของเผ่ามารเหล่านั้นแล้วเอ่ยถาม
“อ่า ท่านอาวุโสไม่รู้จักแมลงพิษ” หญิงสาวเผ่ามารได้ยินแล้วพลันตกตะลึง ใบหน้าอดที่จะเผยสีหน้าลังเลออกมาไม่ได้เผ่ามารตนอื่นๆ ล้วนเกิดเสียงอื้ออึงขึ้น หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่ง ผู้ใดก็ไม่กล้าเอ่ยปากง่ายๆ
“ข้าไม่ได้ออกมาสองสามร้อยปีแล้ว ไม่รู้จักแมลงพิษเหล่านี้มันแปลกด้วยหรือ?” หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พลางเอ่ยถามอย่างไม่คิดเช่นนั้น
“ที่แท้ก็เป็นท่านอาวุโสที่กักตนบำเพ็ญเพียร มิน่าล่ะถึงไม่รู้จักฝูงแมลงพิษ ความจริงแล้วแมลงชั่วร้ายเหล่านี้ก็เพิ่งปรากฏตัวแค่เกือบร้อยปีที่ผ่านมาเท่านั้น ว่ากันว่าพวกมันคือแมลงมารธรรมดาๆ ของแดนมาร แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงทยอยกันกลายพันธุ์ แล้วกลายเป็นสิ่งที่มีรูปร่างอัปลักษณ์เช่นนี้ ยามนี้ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนเต็มไปด้วยการทำลายล้างของแมลงพิษ และยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่าดินแดนที่มีฝูงแมลงพิษมากเกินไป จะเกิดเรื่องอย่างเมืองถูกแมลงปิดล้อมและการสังหารหมู่ ยามนี้ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ผันผวนไม่แน่นอน ทุกคนต่างหวาดกลัว” หญิงสาวเผ่ามารขบคิดอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยอธิบายอย่างรวดเร็ว
“สังหารหมู่ หึๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เกิดความวุ่นวาย สามบรรพชนแรกเริ่มและบรรพชนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ลงมือสังหารแมลงพิษเหล่านี้ แม้ว่าฝูงแมลงพิษเหล่านี้จะร้ายกาจกว่าแมลงมารทั่วไปมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสู้ไม่ได้” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดก็เอ่ยอย่างแช่มช้า
“ชนรุ่นหลังพลังยุทธ์ต่ำต้อย จึงรู้เรื่องของบรรพชนแรกเริ่มและเหล่าใต้เท้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ไม่มากนัก ชนรุ่นหลังรู้แค่ว่าตั้งแต่ที่แมลงพิษปรากฏตัว นอกจากบางครั้งก็ได้ยินว่าจุดที่แมลงพิษเหล่านี้ชุกชุมมากเกินไป บรรพชนศักดิ์สิทธิ์สองสามตนก็จะออกหน้าสังหารฝูงแมลงพิษเหล่านี้ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่อื่น และใต้เท้าบรรพชนแรกเริ่มสามคนก็ดูเหมือนว่าจะหายตัวไปพร้อมกัน” หลังจากที่หญิงสาวเผ่ามารลังเลเล็กน้อย ถึงได้ตอบกลับอย่างระมัดระวัง
“ระดับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ล้วนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น” หานลี่ได้ยินพลันแววตาเปล่งประกาย ซักถามอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“เวลาที่แน่นอน ชนรุ่นหลังก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ห่างจากที่แมลงพิษเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น” หญิงสาวเผ่ามารตอบกลับอย่างนอบน้อม
“เยี่ยมมาก ข้าพอใจกับคำตอบของเจ้า พวกเจ้าไปได้แล้ว” หานลี่ได้ยินก็ไม่สงสัยใดๆ อีก แล้วออกคำสั่งอย่างราบเรียบ
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นชนรุ่นหลังและพวกก็ขอตัวลาก่อน”
หญิงสาวเผ่ามารรู้สึกผ่อนคลายลง ปากก็ตอบรับอย่างนอบน้อม และถอยหลังไปสองสามก้าวถึงได้หันกายหนีไป
เผ่ามารตนอื่นๆ คารวะอย่างร้อนรนแล้วรีบตามลงไปเช่นกัน
ชั่วพริบตาบรรยากาศรอบๆ ก็เหลือเพียงหานลี่และพวกทั้งสามคน
“พี่หาน ดูแล้วแดนมารรวมทั้งสิ่งมีชีวิตระดับมหายานของแดนวิญญาณของพวกเรา คงพบความยุ่งยากแล้ว มิเช่นนั้นสถานการณ์ของแดนมารคงไม่แย่เช่นนี้” อิ๋นเย่ว์รอให้เผ่ามารจากไปไกลก็ถอนหายใจขณะเอ่ย
“อืม ยามนี้สถานการณ์ของแดนมารไม่ค่อยดีจริงๆ แต่สถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมเป็นอย่างไรนั้น พวกเรายังต้องสืบหาให้ละเอียด เมืองน้ำเต้าดำน่าจะจอมมารเผ่ามารนั่งบัญชาการอยู่ จากฐานะจอมมารของพวกเขาน่าจะรู้ข่าวของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งระดับมหายานจากแดนวิญญาณของพวกเราแน่” หานลี่เอ่ยเช่นนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“พี่หานพูดมีเหตุผล เช่นนั้นพวกเราก็ไปที่เมืองน้ำเต้าดำกันเถิด” อิ๋นเย่ว์ได้ยินก็ฉีกยิ้มเบิกบาน
“หึๆ ก่อนจะไปเมืองนั้นยังมีอีกเรื่องต้องทำ” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ฉับพลันนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ รัศมีลำแสงสีเทาม้วนวนออกมา
หลังจากที่ลำแสงเบื้องหน้าหม่นแสงลง บนพื้นก็มีแมลงยักษ์สีเทาขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้น
นั่นก็คือแมลงพิษสองหัวตัวนั้นที่ถูกหานลี่จับได้ก่อนหน้านี้!
แมลงตัวนี้มีกลิ่นอายไม่อ่อนแอ น่าจะมีพลังยุทธ์ระดับเทพแปลงขั้นปลาย เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งไม่ต่ำต้อยในฝูงแมลง
เมื่อแมลงตัวนี้ปรากฏตัว ก็สบายปีกทั้งสองข้างทันที คิดจะบินหนีไป
แต่ครู่ต่อมากลิ่นอายน่ากลัวบนเรือนร่างของหานลี่ก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
แมลงยักษ์สองหัวรู้สึกเพียงว่าบรรยากาศรอบด้านตึงแน่น ร่างทั้งร่างถูกพลังไร้รูปร่างกดเอาไว้บนพื้นดินอีกครั้ง
แมลงยักษ์สองหัวดีดดิ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ร่างกายกลับไม่อาจขยับได้ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมาเท่านั้น
อิ๋นเย่ว์เห็นแมลงยักษ์ ใบหน้าถึงได้เผยสีหน้าถึงบางอ้อออกมา
หานลี่แววตาเปล่งประกายเล็กน้อย สะบัดแขนเสื้อ กางนิ้วทั้งห้าของฝ่ามือหนึ่งออกแล้วยื่นออกไป กดไปทางหัวของแมลงยักษ์
เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น
เส้นไหมผลึกห้าสายพุ่งออกมาจากปลายนิ้วเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปในหัวของแมลงยักษ์
แมลงยักษ์ที่เดิมทีดิ้นรนสุดชีวิตร่างกายสั่นเทา ชั่วขณะนั้นก็อ่อนปวกเปียกแน่นิ่งอยู่บนพื้น
แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่กลับหลับตาทั้งสองข้างลง ผิวมีลำแสงสีทองไหลวนโคจรไปมา
คาดไม่ถึงว่าเขาจะสำแดงเคล็ดวิชาค้นวิญญาณกับแมลงยักษ์
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา หานลี่เบิกตาทั้งสองข้าง เส้นไหมผลึกระหว่างนิ้วม้วนวนชักกลับมาจากหัวของแมลงยักษ์ กลายเป็นลำแสงผลึกหายวับไปกลางอากาศ
เสียง “ปัง” ดังขึ้น
หัวแมลงยักษ์เดี๋ยวขยายใหญ่เดี๋ยวหดเล็กลง คาดไม่ถึงว่าจะระเบิดออก
หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ลูกบอลเพลิงบินออกมา กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงห่อหุ้มซากแมลงเอาไว้ ยามนั้นพลันกลายเป็นเถ้าถ่าน
“พี่หาน เจ้าได้ข่าวอันใดมา” อิ๋นเย่ว์ทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มี แมลงประหลาดเหล่านี้ไม่มีสติสัมปชัญญะมีเพียงสัญชาตญาณง่ายๆ เท่านั้น ข้าเสียแรงเปล่าจริงๆ” หานลี่มีสีหน้าแปลกประหลาด แต่ก็สั่นศีรษะขณะเอ่ย
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ก็ไม่นับว่าแปลกอันใด แม้ว่าแมลงพิษเหล่านี้จะกลายพันธุ์จนโหดร้าย แต่สติสัมปชัญญะกลับไม่อาจกำเนิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่สำหรับข้าแล้วกลับไม่นับว่าเป็นข่าวที่แย่นัก” หลังจากที่อิ๋นเย่ว์กลอกตาไปมา ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“อืม จริงด้วย! หากอาศัยเพียงสัญชาตญาณ ต่อให้แมลงพิษเหล่านี้มีจำนวนมากขนาดไหน ก็ไม่มีทางข่มขู่สิ่งมีชีวิตระดับมหายานได้ ไปกันเถิดยามนี้ต้องไปเมืองน้ำเต้าดำ คิดดูแล้วพวกเราคงได้ข่าวสารที่แท้จริงจากที่นั่น” หานลี่ตอบกลับพร้อมกับฉีกยิ้มน้อยๆ
ดังนั้นทั้งสามคนจึงกลายเป็นลำแสงหลีกหนี เปลี่ยนทิศทางพุ่งไปทางเหนือ
วันต่อมาหานลี่และพวกทั้งสามก็เข้ามาในที่ราบสูงที่เต็มไปด้วยโคลนสีดำ พอบินไปด้านหน้าอีกสองสามชั่วยาม เมืองสีดำสนิทขนาดสามสี่ร้อยลี้ก็ปรากฏขึ้นไกลๆ
บนแผนที่ก็คือเมืองน้ำเต้าดำที่หญิงสาวเผ่ามารเอ่ยถึง
ทว่าเมืองเผ่ามารในยามนี้มีเสียงรบราฆ่าฟันดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะถูกทะเลแมลงสีเทาที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตาอีกฝูงปกคลุมไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
จำนวนของแมลงพิษในทะเลแมลงผืนนี้ สายตาที่กวาดผ่านไปทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยเงาแมลงสีเทาทับซ้อนกันเต็มไปหมด
จำนวนแมลงพิษในเมฆแมลงที่หานลี่พบก่อนหน้านี้นับว่ามีจำนวนที่น่าตกตะลึง แต่เทียบกับทะเลแมลงตรงหน้า กลับเห็นได้ชัดว่าแตกต่างราวกับฟ้ากับเหว ไม่อาจเทียบกันได้เลยสักนิด
และเมืองน้ำเต้าดำในยามนี้ถูกม่านลำแสงสีดำอ่อนชั้นหนึ่งราวกับชามยักษ์ที่ถูกคว่ำลง
บนม่านลำแสงไม่ว่าอากาศสูงหรือบนกำแพงเมืองก็ถูกแมลงพิษสีเทาหมอบอยู่ด้านบนเป็นชั้นๆ
แมลงประหลาดจำนวนมาก บ้างก็ขยับกรงเล็บแหลมคม บ้างก็เผยเขี้ยวแหลมคมออกมา ล้วนโจมตีไปที่ม่านลำแสงสีดำอย่างบ้าคลั่ง
บนหัวเมืองและกลางอากาศในม่านลำแสงมีเงาร่างเผ่ามารหนาแน่นเช่นกัน พวกเขาบ้างก็กระตุ้นอาวุธมารระดับที่แตกต่างกัน บ้างก็กระตุ้นเคล็ดวิชามาร สังหารแมลงพิษที่เข้ามาในม่านลำแสงอย่างไร้สติ
แมลงพิษที่ทำกำลังทำการโจมตี เห็นได้ชัดว่าระดับไม่สูงนัก ไม่อาจต้านทานการโจมตีใดๆ ของเผ่ามารได้ ไม่ระเบิดตัวเองกลายเป็นฝนโลหิต ก็ถูกสับเป็นชิ้นๆ แล้วร่วงลงมาจากอากาศ
ในเมืองน้ำเต้าดำมีลูกธนูหนาแน่นบินออกมาราวกับเม็ดฝน ทำให้แมลงพิษจำนวนไม่น้อยทยอยกันโดนธนูยิงจนตาย
ใจกลางของเมืองดำมีหอคอยสูงนับร้อยพันหอปรากฏขึ้นลางๆ ด้านบนมีสายฟ้าไหลวนโคจรไปมาไม่หยุด เสียงร้องดังขึ้นไม่หยุด ทุกวินาทีพลันมีประจุไฟฟ้าสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพ่นออกมาจากด้านบน แล้วกลายเป็นสายฟ้าสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงออกมาด้านนอกม่านลำแสง ชั่วพริบตาแมลงพิษจำนวนนับไม่ถ้วนก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
ดูจากภายนอกแล้วเผ่ามารในเมืองมีเขตอาคมคุ้มกันอยู่ ขอแค่โจมตีเต็มกำลังก็ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่หานลี่คือผู้ใด แววตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบก็มองเห็นสถานการณ์ที่แท้จริงของในเมือง จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยตามจิตสำนึก
ยามนี้ม่านลำแสงสีดำบนหัวเมืองก็หม่นแสงลงกว่าเมื่อครู่ส่วนหนึ่ง และเผ่ามารที่ยังคงโจมตีอย่างบ้าคลั่งบนหัวเมืองก็หน้าซีดขาว หอบหายใจถี่ ท่าทางใช้พลังปราณเกินขีดจำกัดแล้ว
ฉับพลันนั้นเสียงกรีดร้องในเมืองก็หยุดลง สายฟ้าสีดำบนหอคอยนับร้อยหอหายวับไปอย่างเงียบเชียบ และหยุดโจมตี