หานลี่กำลังขบคิดในใจเงียบๆ เป่าฮวาอยู่ตรงใจกลางห้องโถง ฉับพลันนั้นคิ้วดำขลับก็เลิกขึ้นแล้วเอ่ยขึ้น
“สหายทุกท่านโปรดระวัง พวกมันมาแล้ว”
เป่าฮวาไม่ได้เอ่ยว่าสิ่งใด แต่บรรพชนระดับมหายานคนอื่นๆ ที่เดิมมีสีหน้าเยือกเย็นพลันเคร่งขรึมขึ้น บรรพชนบางคนกวาดจิตสัมผัสออกไปนอกสำเภายักษ์โดยไม่ปริปาก
หานลี่ใจหายวาบเช่นกัน
เห็นเพียงทะเลแมลงรอบด้านมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ฉับพลันนั้นก็แมลงประหลาดสีแดงสดราวกับลูกบอลเพลิงก็ปรากฏตัวขึ้นทีละตัวๆ
แมลงพิษเหล่านี้มีขนาดไม่นับว่าใหญ่หนัก แค่สองสามจั้งเท่านั้น แต่ทั่วเรือนกายมีลวดลายสีทองอ่อนเป็นสายๆ ในเวลาเดียวกันดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นสีเขียวมรกต มีรัศมีลำแสงห้าสีไหลวนโคจรไปมาลางๆ
เมื่อแมลงพิษเหล่านี้ปรากฏตัว สิ่งมีชีวิตระดับมหายานสองสามคนที่ยืนอยู่ตรงหัวสำเภายักษ์พลันหน้าเปลี่ยนสีทันที พลางร่ายอาคมกระตุ้นสมบัติอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด
ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสง ดาบลำแสง ลูกบอลเพลิงไอสีดำล้วนม้วนวนมา
เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรงแมลงพิษธรรมดาๆ ที่อยู่รอบด้านพลันกลายเป็นผุยผงในพริบตา
แต่หลังจากที่แมลงประหลาดสีแดงสดเหล่านั้นถูกการโจมตีปกคลุมอยู่ กลับกระพือปีกทั้งสองข้าง ร่างกายพลันเลือนรางทยอยกันสลายหายไปจากการโจมตี
ครู่ต่อมาแมลงพิษสีแดงสดเจ็ดแปดตัวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวรอบๆ ระดับมหายานสองสามคน ขาหลังพลันขยับอีกครั้ง แล้วพุ่งไปหาพวกเขา
ชั่วขณะนั้นบรรพชนระดับมหายานเหล่านั้นพลันตกตะลึง ไม่ก็ร่ายนิ้ว ลำแสงเจิดจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนสับลงมา ไม่ก็ผิวเปล่งแสงสว่างวาบ สมบัติอาคมป้องกันตัวสองสามชิ้นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แม้กระทั่งมีระดับมหายานจากแดนต่างๆ ร้องตะโกนออกมา มือหนึ่งยื่นมือออกไป คาดไม่ถึงว่าจะตะปบแมลงพิษที่อยู่ด้านหน้าเอาไว้
แต่ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการป้องกันตัวชนิดไหน แมลงพิษเหล่านี้แค่พลิ้วกายอีกครั้ง ก็ทำเหมือนมองไม่เห็นทุกอย่าง ราวกับไร้รูปร่างก็ไม่ปานมาปรากฏตัวที่ข้างกายของระดับมหายานเหล่านั้นแค่คืบ จากนั้นร่างกายก็มีเปลวเพลิงสีแดงลุกโชน แล้วทยอยกันเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา
บรรพชนระดับมหายานเหล่านี้ล้วนร้องอุทานออกมาว่า “แย่แล้ว” พร้อมกับหน้าถอดสี ทำได้เพียงอาศัยความแข็งแกร่งของกายเนื้อต้านทานการระเบิดตัวเอง
แต่ในยามนี้บรรยากาศรอบด้านพลันมีเสียงเยือกเย็นของเป่าฮวาดังขึ้น
“ไม่ต้องกลัว ให้ข้าจัดการก็พอแล้ว”
สิ้นเสียงเสาลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็ทะลวงออกมาจากห้องโถงห้องโดยสารของสำเภายักษ์ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันกลายเป็นลำแสงเส้นเล็กๆ สองสามสายโจมตีไปที่แมลงพิษสีแดงสดที่คิดจะระเบิดตัวเอง คาดไม่ถึงว่าจะโจมตีพวกมันจนกระเด็นลอยไปสิบกว่าจั้ง
หลังจากที่เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น ดวงอาทิตย์สีแดงสดสองสามดวงพลันปรากฏขึ้น จากนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะมีรอยบากปรากฏขึ้น ราวกับว่าสามารถฉีกห้วงเวลาได้ตลอดเวลาก็ไม่ปาน
อานุภาพของแมลงพิษเหล่านั้นที่ระเบิดตัวคาดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจเพียงนี้
บรรพชนระดับมหายานเหล่านี้เห็นทุกอย่าง ก็พลันตกตะลึง
แมลงพิษระเบิดตัวเองเหล่านั้นร้ายกาจสมคำร่ำลือ พวกเขาอยู่ใกล้แค่นี้หากรับการระเบิดตัวเองตรงๆ แม้ว่าจะไม่ถึงกับเพลี้ยงพล้ำไปในทันที แต่ก็อาจจะบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
ยามนี้กลางอากาศเหนือสำเภายักษ์พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาลวงตาบุปผายักษ์สีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบ เป่าฮวาปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
บรรพชนระดับมหายานที่อยู่ด้านหน้าสำเภายักษ์เหล่านั้นยังไม่ทันได้พุ่งไปหาเป่าฮวา ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังขึ้น แมลงพิษสีแดงสดปรากฏขึ้นอีกสิบกว่าตัว
แมลงพิษเหล่านี้เคลื่อนย้ายตัวไปเช่นกัน ปรากฏตัวขึ้นห่างจากเป่าฮวาไปสองสามฉื่อ ล้อมนางเอาไว้อย่างแน่นหนา และทันใดนั้นก็ระเบิดตัวเองพร้อมกับเปลวเพลิงโชติช่วง คิดจะโจมตีเป่าฮวาศัตรูผู้นี้ให้ตายไป
แต่เป่าฮวากลับแค่นเสียงอย่างเย็นชา ผิวมีดวงดาราสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพ่นออกมา แค่เลือนรางก็กลายเป็นทางช้างเผือกที่ไร้ขอบเขต ม้วนแมลงพิษเหล่านั้นเข้ามาไว้ข้างใน
เสียงระเบิดตัวเอง “ปังๆ” ดังขึ้น ดวงอาทิตย์สองสามดวงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปราวกับกลุ่มควันท่ามกลางทางช้างเผือก ไม่ได้ทำอันตรายรอบด้านเลยสักนิด
ดวงดาราจำนวนมากในทางช้างเผือกม้วนวนรวมตัวกัน กลายเป็นธงความยาวสองสามจั้งด้ามหนึ่ง ผิวมีลวดลายสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ นั่นก็คือธงดาราคล้อย!
ส่วนลำแสงหลีกหนีในสำเภายักษ์กลับมีอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด มีบรรพชนระดับมหายานอีกสิบกว่าคนที่ไม่วางใจ บินออกมาจากห้องโถงห้องโดยสาร
สายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งหม่นแสงลงแล้วสลายหายไป ปรากฏเป็นเงาร่างสีเขียวสายหนึ่ง นั่นก็คือหานลี่
หานลี่เอามือกอดอก อยากดูการกระทำของเป่าฮวา คิดจะดูว่านางจะรับมือกับแมลงพิษเหล่านั้นอย่างไร
ก่อนหน้านี้ที่แมลงพิษสีแดงเหล่านั้นระเบิดตัวเองล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าทำให้ฝูงแมลงทั้งหมดโกรธแล้ว หลังจากผ่านไปชั่วครู่แมลงพิษในทะเลแมลงก็เกิดความวุ่นวายขึ้น มีลำแสงสีแดงสดจำนวนมากกว่าเดิมปรากฏตัวขึ้นเต็มไปหมด ท่าทางมีเกือบพันตัว
และเมื่อแมลงพิษระเบิดตัวเองจำนวนมากขนาดนั้นปรากฏขึ้น แม้แต่เป่าฮวาเองก็อดที่จะมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้ คลี่ธงในมือออกอีกครั้งโดยไม่พูดจา ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นเงาลวงตาทางช้างเผือก และบดบังสำเภายักษ์รวมทั้งหานลี่และพวกเอาไว้ ในเวลาเดียวกันนิ้วเรียวก็ชี้ไปที่กระจกบานเล็กที่อยู่กลางอากาศ
กระจกขนาดเท่าฝ่ามือส่งเสียงอึกทึกขึ้น พลิ้วไหวกลางอากาศแล้วกลายเป็นจันทราทรงกลดเย็นยะเยือก ด้านในมีรัศมีลำแสงสีทองม้วนวนออกมา พ่นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป ทะลวงผ่านแมลงพิษสีแดงสดเหล่านั้นอย่างแม่นยำไม่ผิดพลาด
ชั่วขณะนั้นแมลงพิษสีแดงสดนับร้อยตัวก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญ ล้วนระเบิดตัวเองออกพร้อมกับเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบอยู่ที่เดิม เปลวเพลิงสีแดงม้วนแมลงพิษธรรมดาๆ รอบด้านไปจำนวนมากแล้วกลายเป็นผุยผง
แต่แมลงพิษระเบิดตัวเองที่เหลือกลับกระพือปีกทั้งสองข้าง ทยอยกันเลือนรางแล้วเคลื่อนย้ายตัวหายไป
เป่าฮวาแววตาเปล่งประกาย กลับกระตุ้นอาคมในใจ
เงาลวงตาทางช้างเผือกที่เดิมดูนิ่งสบพลันเดือดพล่าน ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนขยับเขยื้อน ระลอกคลื่นหายไปจากกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้ระฆังลูกนั้น บรรยากาศรอบๆ สำเภายักษ์เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ แมลงพิษสีแดงสดเหล่านั้นถูกทยอยบีบให้ปรากฏตัวขึ้น ในเวลาเดียวกันก็เคลื่อนไหวช้าลง ราวกับว่าอากาศเปลี่ยนเป็นเหนียวหนืดก็ไม่ปาน
มุมปากของเป่าฮวาเผยรอยยิ้มเย็นชา รวบรวมพลังปราณที่ลึกล้ำยากจะคาดเดาในร่าง พลางบรรจุไปในจันทราทรงกลด
ครู่ต่อมาผิวของจันทราทรงกลดมีลำแสงเจิดจ้าสว่างวาบขึ้น พ่นลำแสงสีทองออกมา ทุกสายล้วนทำให้แมลงพิษสีแดงสดที่ถูกกักอยู่ในทางช้างเผือกเองระเบิดตัวออก แต่ก็ทำให้ตัวของจันทราทรงกลดหม่นแสงลงส่วนหนึ่ง
หลังจากที่ลำแสงสีทองพ่นออกมาราวกับพายุฝน สังหารแมลงพิษสีแดงสดกว่าครึ่งไปจนเกลี้ยง แต่ก็ทำให้ลำแสงสุดท้ายของจันทราทรงกลดสลายหายไป และสุดท้ายก็ส่งเสียงไพเราะกลายเป็นกระจกบานเล็กแล้วร่อนลงมา
เงาร่างมนุษย์เปล่งแสงสว่างวาบในทางช้างเผือก เป่าฮวาพุ่งออกมา คว้ากระจกบานเล็กเข้ามาอยู่ในมือ กวาดสายตาไปยังแมลงพิษไม่สมบูรณ์ที่อยู่กลางทางช้างเผือก แล้วร่ายอาคมบางอย่าง
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
เงาลวงตาทางช้างเผือกม้วนวนกลับตาลปัตร ดวงดาราสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังใจกลางของทางช้างเผือก แล้วปริแตกออก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นพายุหมุนสีเงินและสั่นเทาอย่างรุนแรง ด้านในมีลวดลายสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน เปล่งแสงสว่างวาบๆ เผยความลึกลับอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา!
“พายุห้วงเวลา”
บรรพชนระดับมหายานคนหนึ่งเห็นฉากนี้ ทันใดนั้นก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกับหน้าเปลี่ยนสี
บรรพชนระดับมหายานคนอื่นๆ ก็หน้าเปลี่ยนสี
หานลี่มุมปากกระตุกเล็กน้อย กลับเผยสีหน้าขบคิดออกมา
ครู่ต่อมาแมลงพิษสีแดงสดที่ถูกม้วนเข้าไปในพายุหมุนสีเงินก็หมุนคว้างล้วนถูกรอยแยกสีขาวเหล่านั้นกลืนกิน แล้วสลายหายไปอย่างไร้เงา
เมื่อเห็นฉากนี้เป่าฮวาถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ มือหนึ่งกวักไปด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นพายุหมุนสีเงินพลันสลายออก ธงสีเงินปรากฏขึ้น และเคลื่อนไหวจมหายเข้าไปในมือของเป่าฮวา
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ที่น่าตกตะลึงนี้ ทำให้ธงดาราคล้อยด้ามนี้สูญเสียสติปัญญาไปไม่น้อย
ถึงอย่างไรเสียอิทธิฤทธิ์ระเบิดห้วงเวลาเช่นนี้ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ลอกเลียนแบบทั่วๆ ไปก็ไม่อาจมีได้ ธงดาราคล้อยสำแดงได้ จะต้องใช้เคล็ดลับวิชาทำลายตัวเองบางชนิดถึงจะทำได้
เป่าฮวาเก็บสมบัติสองชิ้น ไม่ได้รั้งรออยู่กลางอากาศ แค่เอ่ยกับระดับมหายานคนอื่นๆ หนึ่งประโยค “กวาดแมลงระเบิดตัวเองไปหมดแล้วเหล่าสหายไม่ต้องกังวล” แล้วขยับกายร่อนลงมาในสำเภายักษ์
หานลี่และระดับมหายานคนอื่นๆ พลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วบินกลับมาในสำเภายักษ์ด้วยสีหน้าหลากหลาย
เป่าฮวาที่กลับเข้ามาในสำเภายักษ์นั่งสมาธิลงตรงมุมห้องโถง ท่าทางไม่อยากพูดมาก
ระดับมหายานคนอื่นๆ กลับซุบซิบนินทากัน เห็นได้ชัดว่ากำลังถกกันถึงฉากการสำแดงพลังของเป่า
ฮวาเมื่อครู่ หานลี่กลับนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
และเมื่อไม่มีแมลงพิษระเบิดตัวเองและแมลงยักษ์ระดับสูงเหล่านั้นคอยขัดขวาง กองทัพก็บินไปข้างหน้าโดยไร้ซึ่งการขัดขวางใดๆ อีก
ครึ่งวันต่อมาไม่รอให้ฝูงแมลงที่อื่นมาสนับสนุน ในที่สุดพวกเขาก็ฝ่าวงล้อมทะเลแมลง และมองเห็นจุดผนึกอยู่ไกลๆ
ทว่ายอดฝีมือเผ่ามารในยามนี้ผ่านการรบราฆ่าฟันก็ได้รับบาดเจ็บไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงเผ่ามารกว่าหมื่นตัวที่กรูกันติดตามสำเภายักษ์ไปยังจุดผนึกในรวดเดียว
จนถึงยามนี้ในที่สุดหานลี่และพวกก็ออกไปจากสำเภายักษ์ ผู้แข็งแกร่งจากแดนอื่นที่ไม่เคยมาที่นี่ย่อมพิจารณารอบด้านด้วยความประหลาดใจ
เห็นเพียงตรงขอบของจุดผนึก คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเนินเขารกร้าง และยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งก็มองเห็นหอคอยสองสามหลังระหว่างเนินเขา ทว่ายามนี้กลับเงียบสงัด เงาลวงตาคนสายหนึ่งหายวับไป
ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดก็คือฝูงแมลงที่เดิมไล่ตามอยู่ด้านหลังไม่วางตาไล่ตามมาถึงเนินเขา กลับหยุดชะงักอยู่ด้านนอกยอดเขาราวกับคลื่นน้ำปะทะเขื่อน ดูเหมือนว่าในเนินเขาจะมีสิ่งที่พวกมันหวาดกลัวยิ่ง ทำให้เขามองเบิกตามองฃกองทัพเผ่ามารที่อยู่ไกลออกไป แต่กลับไม่กล้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว
“นี่คือพลังของผนึกโบราณ มีพลังควบคุมแมลงพิษเหล่านี้ดังคาด หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ให้คนอื่นอยู่ประลองกับฝูงแมลงเหล่านี้ชั่วคราวเถิด พวกเราก็ไปยังส่วนลึกของจุดผนึกเลย” ผู้เฒ่าถงหยากลับ
ผู้เฒ่าถงหยากลับมองไปยังใจกลางของเนินเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
“สหายถงหยาพูดถูก พวกเราต้องรีบแล้ว ทำตามแผนเดิม สหายเชว่ พี่เฟิง เจ้าสองคนพาลูกศิษย์อยู่ที่นี่ รับหน้าที่ซ่อมแซมเขตอาคมที่เสียหายรอบนอก เขตอาคมเหล่านี้เชื่อมโยงกับผนึกโบราณ หากซ่อมแซมได้ ย่อมช่วยฟื้นฟูพลังผนึกโบราณได้ไม่น้อย” เป่าฮวาได้ยินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย