เซี่ยเหลียนบรรพชนลี่ว์สืออดที่จะมองหน้ากันไม่ได้
“สหายเซี่ยเหลียน พวกเราจะทำอย่างไรดี? ต้องตามไปหรือไม่?” บรรพชนลี่ว์สือเอ่ยอย่างไม่สบายใจ
“พี่หานพูดมีเหตุผล ในเมื่อเกิดเรื่องแล้ว เฝ้าอยู่ที่นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ชาญฉลาด ไปดูว่าเกิดเรื่องอันใดแล้วค่อยว่ากันเถิด” เซี่ยเหลี่ยนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็ว แล้วกัดฟันสีเงินขณะเอ่ย
จากนั้นหญิงสาวพลันสะบัดแขนเสื้อ แผ่นหลังมีเงาเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นเงาลวงตาบินออกไป
บรรพชนลี่ว์สือเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวมีหมอกสีเขียวหมุนวน แล้วพุ่งไปกลางอากาศ
ยามนี้หานลี่พานักพรตเซี่ยไล่ไปตามทางเดินแคบๆ ตรงไปยังทิศทางที่มีแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงที่สุด
แม้ว่าจะมีพลังผนึกโบราณกดอยู่ เขตอาคมห้ามเหาะเหินก็ยังคงอยู่ แต่หานลี่และระดับมหายานก็ไม่เสียดายพลังปราณ สำแดงเต็มกำลังความเร็วย่อมไม่เชื่องช้า
หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปตามทางเดิมซ้ายและขวา ผลคืออดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ทางเดิมที่ดูเหมือนเรียบลื่น ด้านในกลับมีรอยบางๆ เรียงรายอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มความเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
เกรงว่าวังธรณีแห่งนี้คงไม่อาจต้านทานได้อีกนานนัก
หานลี่รู้สึกจิตใจหนักอึ้งแล้วตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ยามนี้ด้านหน้าพลันมีแรงสั่นสะเทือนรุนแรงดังมาก ราวกับว่าทั้งวังธรณีจะพังทลายลงมาได้ตลอดเวลาก็ไม่ปาน
ฉับพลันนั้นเบื้องหน้าพลันมีทางแยกปรากฏขึ้น หานลี่หักเลี้ยวอย่างไม่ต้องขบคิด ลำแสงหลีกหนีจมหายเข้าไปในทางเดินใหม่
แต่เบื้องหน้าพลันมีพายุทมิฬปรากฏขึ้น เงาสีดำสองกลุ่มปะทะเข้ามา กลับเป็นแมลงหน้าคนตัวสีดำสนิทสองตัว
ราวกับแมลงเหี้ยมสองตัวนี้รออยู่ที่ทางเข้าของทางเดินใหม่ตั้งนานแล้วอย่างไรอย่างนั้น
แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา แขนมีเงากระบี่สีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ ในมือมีกระบี่ยาวสีดำเขียวขนาดสามฉื่อเพิ่มขึ้นมาเล่มหนึ่ง แค่สะบัดก็สับไปที่แมลงสองตัวที่กระโจนเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม
เสียง “ปัง” ดังขึ้น พลังปราณฟ้าดินที่อยู่รอบด้านพวยพุ่งไปกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันพลังกฎเกณฑ์มหาศาลก็มาประชิดที่ทางเดิน
แมลงหน้าคนสองตัวสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นแปลกประหลาดรอบด้าน ร่างก็เป็นเหน็บชาไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้ จากนั้นเบื้องหน้าก็มีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วพยันรู้สึกเย็นเยียบไม่มีสติอันใดอีก
หานลี่พลิ้วกาย เงาร่างกลับเลือนรางมาปรากฏด้านหลังแมลงหน้าคนสองตัว สะบัดข้อมือ กระบี่ยาวสีเขียวดำเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ยามนี้แมลงหน้าคนสองตัวถึงได้ส่งเสียง “ฟู่ๆ” ออกมา คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะแยกออกเป็นสองส่วนตั้งแต่เอวลงไป และกลายเป็นเปลวเพลิงกลายเป็นผุยผง
เพราะว่าไม่ยอมถูกพัวพัน หานลี่ไม่ได้แม้กระทั่งให้นักพรตเซี่ยลงมือช่วยเหลือ แต่เอากระบี่สวรรค์ทมิฬออกมาสังหารแมลงหน้าคนสองตัวนี้เอง
จากพลังยุทธ์ของเขาในยามนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ร่างนิพพานก็สามารถใช้พลังส่วนหนึ่งของสมบัติสวรรค์ทมิฬได้แล้ว เมื่อต่อกรกับแมลงหน้าคนสองตัวที่ไม่ได้อยู่แม้กระทั่งระดับมหายานย่อมไม่ได้เสียแรงอันใด
นักพรตเซี่ยเห็นทุกอย่างก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ลำแสงหลีกหนีก็เปล่งแสงสว่างวาบไล่ตามหานลี่ไปติดๆ โดยมิได้ปริปาก
และหลังจากที่กำจัดแมลงหน้าคนสองตัวได้ ทั้งสองก็ไม่ได้พบกับแมลงเหี้ยมใดๆ ในทางเดินอีก
ทว่าหลังจากผ่านไปไม่นานทัศนียภาพเบื้องหน้าก็กว้างขวางขึ้น พวกเขาปรากฏตัวขึ้นที่ปากทางเดิน ภายในถ้ำใต้ดินที่กว้างใหญ่อย่างไร้ที่เปรียบ
พื้นถ้ำนี้ถูกปูด้วยทรายสีเงินอ่อน ส่วนยอดกลับมีหินแหลมคมราวกับหินงอกหินย้อย แต่ห่างจากปากทางเข้าไม่ไกลนัก กลับมีไอหมอกสีเทาขาวหมุนวน ในเวลาเดียวกันกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็โชยมาจากด้านใน
ตรงหน้าทะเลหมอกเงาร่างคนสองสามคนกำลังลอยอยู่ตรงหน้า ด้านหลังคนหนึ่งมีเงาลวงตาดอกไม้สีชมพูขนาดยักษ์หมุนคว้างไปมาไม่หยุด นั่นก็คือเป่าฮวา
ใบหน้างดงามของสตรีผู้นี้จ้องเขม็งไปที่หมอกสีเทาขาวด้วยความเย็นชา แต่แววตากลับแฝงแววตกตะลึงเอาไว้
ในทะเลหมอกฝั่งตรงข้ามมีใบหน้าลอยอยู่หมอกสีเทาขาวลางๆ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย ดูเหมือนว่ากำลังถ่ายทอดเสียงอันใดกับสตรีผู้นั้น
ด้านหลังเป่าฮวาจระเข้ดำกำลังยืนระแวดระวังอยู่ตรงนั้น คนที่เหลือก็เป็นระดับมหายานจากแดนอื่นที่ไม่คุ้นหน้าคร่าตา
ยามนี้ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ทุกคนรีบหันไปมองด้วยความตกตะลึง แต่เมื่อเห็นหานลี่และนักพรตเซี่ย ก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง
“อันใด สหายคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วยหรือ? เกิดอันใดขึ้นที่นี่กันแน่?” หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปที่หมอกสีเทาเล็กน้อย ทันใดนั้นลำแสงหลีกหนีก็หยุดชะงักแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ที่แท้ก็สหายหานและนักพรตเซี่ย พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ยามนี้สหายเป่าฮวากำลังเชื่อมโยงกับวิญญาณของผนึกโบราณ เพื่อสืบหาความจริง ส่วนสหายคนอื่นๆ? ทั้งสองท่านเป็นผู้ที่มาถึงที่นี่คนแรก!” ชายชราสวมมงกุฎสีทอง หน้าตาโบราณตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“วิญญาณผนึกโบราณ คือสิ่งนี้หรือ?” หานลี่แววตาเปล่งประกาย ชั่วพริบตาก็ตกอยู่บนใบหน้าของม่านหมอกยักษ์ แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ในยามนั้นเองเป่าฮวาดูเหมือนจะสนทนากับใบหน้าในม่านหมอกเสร็จแล้ว
ใบหน้ายักษ์หมุนวน แล้วหายวับไปจากทะเลหมอก
“สหายหาน สหายเซี่ย พวกเจ้ามาแล้ว พอดีเลย จะได้ช่วยข้าอีกแรง” เป่าฮวาหันกายมาเอ่ยกับหานลี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“สหายเป่าฮวาดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ได้บอกผู้แซ่หานว่าที่นี่มันเกิดอันใดขึ้น หมอกทางนั้นมันคืออันใด?” หานลี่แววตาเปล่งประกายพลางกวาดตามองไปยังส่วนลึกของทะเลหมอก แล้วกลับเอ่ยถาม
“นั่นคือพลังผนึกโบราณที่สูญเสียการควบคุม! ไม่ว่าจะผนึกที่กดมารดาแมลงไว้ หรือว่าพลังส่วนที่กักพวกหยวนเหยี่ยนไว้ ล้วนหลั่งไหลออกมากว่าครึ่งแล้ว ยามนี้ไม่เพียงทำให้มารดาแมลงตัวนั้นใกล้ตื่น สหายที่ติดอยู่ในผนึกก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากที่แมลงตัวนี้ตื่นขึ้นมา เรื่องแรกที่จะทำก็คือสังหารหยวนเหยี่ยนและพวก ส่วนการสั่นสะเทือนนั้นก็มาจากการที่ผนึกโบราณใกล้จะพังทลายลง การสูญเสียพลังจำนวนมากเช่นนี้ ผนึกโบราณก็ไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้นานนัก เกรงว่าวังธรณีใกล้จะพังทลายลงแล้ว”
เป่าฮวาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะตอบกลับ
“อันใด ผนึกสูญเสียการควบคุม จะเป็นไปได้อย่างไร! พวกเรายังไม่ทันทำอันใดเลย หรือว่าพวกที่ซ่อมแซมเขตอาคมมีกลุ่มใดทำผิดพลาด!” ชายร่างใหญ่หน้าแดงเป็นลูกพุทราจีนเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง
“สหายเป่าฮวา เมื่อครู่ที่ติดต่อกับวิญญาณของผนึกโบราณ ไม่ได้ถามให้ละเอียดหรือ? มันคือจิตวิญญาณของผนึก น่าจะรู้เรื่องราวอย่างละเอียดถึงจะถูก” ชายชราหน้าตาโบราณผู้นั้นเองก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยถาม
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เช่นกัน
“ข้าย่อมถามแล้ว แต่วิญญาณผนึกก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แค่สัมผัสได้ว่าพลังของมันถูกสิ่งใดสักอย่างดึงไป ทว่ามันตอบรับข้าแล้วว่าจะยอมเคลื่อนย้ายจุดที่มารดาแมลงหลับสนิทให้ ให้พวกเราถือโอกาสที่มันยังไม่ตื่นทำร้ายมันให้ได้รับบาดเจ็บหนักแล้วค่อยว่ากัน เช่นนั้นไม่เพียงจะสามารถถ่วงเวลามันได้ชั่วคราว ยังทำให้สหายคนอื่นๆ ได้เวลาไปช่วยสหายที่ติดอยู่ด้วย ดูแล้วแผนของคนคงสู้แผนของพระเจ้าไม่ได้ พวกเราก็ทำได้เพียงต้องล้มเลิกแผนเดิม” เป่าฮวาหัวเราะอย่างขมขื่นขณะเอ่ย
“อันใด จะให้พวกเราไปต่อกรกับมารดาแมลง สหายเป่าฮวาไม่ได้กำลังล้อเล่นหรือ” ฮูหยินสวมชุดคลุมยาวสีดำที่อยู่คนสุดท้ายกลับร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
ชายชราและชายร่างใหญ่ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน
หานลี่กลับแค่ขมวดคิ้ว ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาตรงๆ
“ทุกท่านโปรดวางใจ ข้าทำเช่นนี้ย่อมมีความมั่นใจหลายส่วน ข้ารู้มาจากวิญญาณผนึกว่าแม้มารดาแมลงตัวนั้นจะอาศัยพลังผนึกกักสหายระดับมหายานนับร้อยคนอย่างหยวนเหยี่ยนและพวกไว้ได้ในรวดเดียว แต่ตัวก็ยอมจ่ายมูลค่ามหาศาลถึงได้ทำเรื่องนี้ได้ ประกอบกับครั้งนี้มันถูกปลุกให้ตื่นโดยที่ปราณแท้ฟื้นฟูขึ้นมาไม่มาก จึงไม่อาจเทียบกับยามที่เจริญเต็มที่ได้ วิญญาณผนึกก็ตอบรับพวกเราว่าจะไม่สนใจจุดอื่นๆ ของวังธรณี แล้วส่งพลังที่เหลือมาช่วยพวกเรา และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ข้ายังยืมสมบัติสวรรค์ทมิฬที่ใช้ควบคุมเผ่าแมลงโดยเฉพาะมาด้วย เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว” เป่าฮวากลับอธิบายอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินคำพูดของสตรี ระดับมหายานจากแดนอื่นๆ ก็อดที่จะรู้สึกผ่อนคลายลงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับชีวิตน้อยๆ ของพวกเขา ยามนี้จึงไม่มีผู้ใดตอบรับจริงๆ
เป่าฮวาย่อมมองความกังวลของคนอื่นๆ ออก ทันใดนั้นก็ตัดสินใจฝืนยิ้มแล้วเอ่ย
“สหายทุกท่านแม้ว่าจะไม่อยากเสี่ยงอันตราย แต่ก็คิดถึงพวกที่ถูกกักอยู่ในนั้นสักหน่อย ยามนี้สหายถงหยาและพวกก็อยู่ใกล้ๆ กับจุดที่หยวนเหยี่ยนและพวกถูกกักอยู่ ต่อให้พวกเราไม่อาจสังหารมารดาแมลงตัวนั้นได้ แต่รั้งมันไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อให้คนอื่นๆ หาโอกาสหนีย่อมทำได้ และยิ่งไปกว่านั้นข้ายังมีสิ่งหนึ่งที่จะมอบให้กับเหล่าสหาย เมื่อมีสิ่งนี้ต่อให้พวกเราสู้มารดาแมลงตัวนั้นไม่ได้ แต่ก็หนีได้อย่างแน่นอน”
สิ้นเสียงเป่าฮวาพลันชูแขนขึ้น เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ลำแสงสีแดงสายหนึ่งพลางบินพุ่งมายังหานลี่และพวก
คนอื่นๆ ก็สัมผัสได้พลางทยอยกันตะปบลำแสงสีแดงตรงหน้า
เบื้องหน้าของหานลี่เปล่งแสงเจิดจ้า กลับพบจานอาคมสีแดงสดที่มีลวดลายสลับซับซ้อนใบหนึ่ง
หานลี่สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นที่แผ่อออกมาจากจานอาคมแล้วพลันใจเต้น กลับพลิกฝ่ามือดู และพบว่าด้านหลังจานมีลวดลายที่ดูงดงามสมจริงสลักอยู่!
“นี่คือ…” หานลี่อดที่จะเผยสีหน้าฉงนออกมาไม่ได้
“จานวิญญาณหงส์ นี่คือจานวิญญาณหงส์ที่สามารถเคลื่อนย้ายกายออกไปได้ล้านลี้! คาดไม่ถึงว่าสหายเป่าฮวาจะมีสิ่งนี้ ช่างมีวาสนานัก!” ชายชราหน้าตาโบราณผู้นั้นเห็นจานในมือก็กวาดจิตสัมผัสมาอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นพลันร้องออกมาด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ
“อันใด นี่คือจานวิญญาณหงส์ที่สร้างขึ้นจากขนของหงส์สวรรค์! สหายไม่ได้เข้าใจผิดไปหรอกนะ ข้าได้ยินว่าหากมีของสิ่งนี้ ก็แทบจะมีชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นเขตอาคมแทบทั้งหมดก็ไม่อาจขัดขวางพลังส่งตัวนี้ได้” ฮูหยินชุดดำเองก็เอ่ยถามด้วยความตกตะลึง
“สิ่งนี้ไม่ผิดแน่ ข้าเคยเห็นจานวิญญาณหงส์ครั้งหนึ่งที่งานประมูล รูปร่างและกลิ่นอายหงส์สวรรค์ที่แผ่ออกมาเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว” ชายชราเอ่ยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ได้ ในเมื่อสหายเป่าฮวายอมมอบของสิ่งนี้ให้ เช่นนั้นข้าก็จะไปสักครั้ง หากการเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้ใช้ของสิ่งนี้ ข้าก็ไม่ยอมคืนให้หรอกนะ!” ชายร่างใหญ่หน้าแดงจ้องเขม็งไปยังจานอาคมที่อยู่ในมือ แววตาฉายแววละโมบ ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น