“หึ นี่ก็ต้องให้สหายคนอื่นร่วมมือด้วยถึงจะได้ ไม่ใช่ว่าพอพวกเราลงมือ ทางนั้นก็ถือโอกาสหนีไป” หานลี่กลับแค่นเสียงหึถ่ายทอดเสียงตอบกลับมา
“พี่หานโปรดวางใจ ข้าได้ทำอันใดกับจานวิญญาณหงส์ที่ข้ามอบให้ไว้เล็กน้อย ขอแค่ข้าใช้จิตสัมผัส ก็จะไม่ใช่จานหงส์วิญญาณได้ สหายคนอื่นรู้เรื่องนี้ย่อมรู้หนักเบา”
เป่าฮวาฉีกยิ้มเล็กน้อย บอกเรื่องที่ทำให้หานลี่ตกตะลึง
จากนั้นหญิงสาวพลันขยับริมฝีปากเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะถ่ายทอดเสียงไปหาคนอื่น
หานลี่แววตาเปล่งประกาย ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำกวาดตามองแวบหนึ่ง
ผลคือเห็นสองคนได้ยินเป่าฮวาถ่ายทอดเสียงซุบซิบอันใดกัน ชั่วพริบตานั้นสีหน้าพลันเคร่งขรึม แต่ทันใดนั้นใบหน้าโกรธเกรี้ยวก็ปรากฏขึ้น ใช้สายตาโหดเหี้ยมถลึงตาใส่เป่าฮวา
แต่เป่าฮวากลับมีสีหน้าราบเรียบ แม้กระทั่งเผยรอยยิ้มให้ทั้งสองคน
ชายชราและฮูหยินชุดดำเห็นเช่นนั้น ในใจจะโกรธแค้นแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว หากไม่ใช่ยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว เกรงว่าก็อาจจะโกรธกับเป่าฮวาได้
ทว่าเด็กหญิงในยามนี้กลับไม่ได้ทำให้ทั้งกลุ่มขบคิดอันใดมาก หลังจากลิ้มรสทารกวิญญาณของชายร่างใหญ่ แววตาพลันเปล่งประกายกวาดตามองด้านล่างแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะหึๆ แล้วเอ่ย
“พวกเจ้าคิดจะชดใช้อย่างไรหรือ ไม่สู้เอาอย่างนี้ ส่งทารกวิญญาณของพวกเจ้ามา ข้ากินอีกดวงสองดวงก็พอแล้ว คนที่เหลือก็จากไปได้อย่างปอดภัย พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“นายท่านจะดูถูกพวกเราไปหน่อยกระมัง คิดจริงๆ หรือว่าการยั่วยุเช่นนี้จะมีผลกับพวกเรา หากถูกเจ้าสังหารอีกคน เกรงว่าคนที่เหลือคงไม่ปล่อยให้เจ้ากดขี่แล้ว” เป่าฮวาตอบกลับอย่างราบเรียบ และใช้มือหนึ่งกวักเรียกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ชั่วขณะนั้นตะปูจักรพรรดิธรณีที่ปักอยู่บนศิลาผลึกสีดำก็สั่นเทาแล้วหายวับไป
ครู่ต่อมามือหยกของเป่าฮวาพลันมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ ตะปูจักรพรรดิธรณีปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
“อ๋อ เช่นนั้นก็คือคิดจะลงมือกับข้า น่าสนใจ เมื่อครู่เจ้าสามารถรับการโจมตีของข้าโดยไม่ตายก็นับว่ามีฝีมือ ทว่ายามนี้ทารกวิญญาณที่ข้าอยากกินมากที่สุดกลับไม่ใช่เจ้า แต่เป็นคนผู้นี้ จุ๊ๆ พลังจิตสัมผัสแข็งแกร่งมาก ทารกวิญญาณจะต้องรสชาติล้ำเลิศกว่าเจ้านั้นร้อยเท่าแน่” เด็กหญิงกลับเบะปากสั่นศีรษะ นิ้วชี้ไปที่อีกคนที่อยู่ด้านล่าง
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย จุดที่เด็กหญิงชี้นิ้วเรียวบางมานั้นก็คือตน
เป่าฮวาและพวกเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะมีสีหน้าตกตะลึงไม่ได้
ฟังจากคำพูดของมารดาแมลงพิษผู้นี้ ดูเหมือนจิตสัมผัสของหานลี่จะแข็งแกร่งมากกว่าบรรพชนแรกเริ่มคนก่อนอย่างเป่าฮวาผู้นี้
นี่ทำให้ทุกคนล้วนประหลาดใจ
“ที่แท้นายท่านก็คิดว่าทารกวิญญาณของผู้แซ่หานน่าจะอร่อยกว่า! ขอแค่มีฝีมือทำได้ ก็เอาสิ” สีหน้าแปลกประหลาดบนใบหน้าของหานลี่หายวับไปอย่างรวดเร็ว กลับฉีกยิ้มบางๆ ขณะเอ่ย คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้สนใจคำพูดข่มขู่ของเด็กหญิงเลยสักนิด
เป่าฮวาและพวกที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้เผยสีหน้าอันใดออกมา ในใจอดที่จะนับถือขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้!
เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างมารดาแมลง ไม่ใช่ว่าผู้ใดจะเยือกเย็นและพูดคุยด้วยรอยยิ้มบางๆได้
“เจ้าพูดเองนะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว จะลิ้มรสทารกวิญญาณของเจ้าเป็นอย่างดี” เด็กหญิงแลบลิ้นสีชมพูออกมาริมฝีปากสองครั้ง แล้วหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ สองมือกำเป็นปั้น ร่างกายกลายเป็นเงาเลือนรางแล้วพุ่งลงมา
ความเร็วนั้น เมื่อหานลี่ได้ยินเสียงแหวกอากาศ เงาลวงตาก็มาอยู่ใกล้กับเขาแค่คืบ กำปั้นเปลวเพลิงสีดำแค่ยื่นออกมา ก็ทะลวงผ่านทรวงอกของหานลี่ไปราวกับวาดผ่านกลางอากาศ
เงาลวงตารวมตัวกัน ร่างของเด็กหญิงถึงได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะ
แต่ครู่ต่อมาใบหน้าที่กำลังหัวเราะคิกคักของเด็กหญิงพลันหน้าเปลี่ยนสี เส้นสีเขียวมรกตสายหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างของหานลี่อย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน เปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าผ่าร่างของเด็กหญิงออกเป็นสองส่วน
ยามนี้หานลี่ที่ถูกกำปั้นทะลวงผ่าน ถึงได้กลายเป็นลำแสงสีทองระเบิดออกมา
กลางอากาศอีกแห่งหนึ่งห่างออกไปสิบจั้งเศษ ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หานลี่อีกคนหนึ่งที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกพลันก้าวเท้าออกมา สะบัดกระบี่ยาวสีเขียวมรกตในมือ คาดไม่ถึงว่าจะมีพลังแห่งกฎเกณฑ์แผ่ออกมา
“สมบัติสวรรค์ทมิฬ กระบี่ยาวเล่มนี้ของเจ้าคือสมบัติสวรรค์ทมิฬดังคาด! มิน่าล่ะถึงหลบหลีกการโจมตีได้ ดูแล้วจะจัดการเจ้าคงต้องเสียแรงหน่อย”
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นอีกครั้ง!
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง เด็กหญิงที่ถูกสับออกเป็นสองส่วน ระหว่างร่างกายทั้งสองส่วนไม่มีโลหิตสดๆ เลยสักนิด กลับลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ริมฝีปากทั้งสองข้างเบะปากเผยรอยยิ้มบางๆ ขณะเอ่ย
แต่ความแปลกประหลาดในรอยยิ้มของเขาก็ทำให้ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำเห็นแล้วอดที่จะใจเต้นและสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึงยิ่งไม่ได้
ในยามนั้นเองเป่าฮวาที่อยู่ด้านข้างพลันชูแขนข้างหนึ่งขึ้น ตะปูจักรพรรดิธรณีในมือบินออกมา ในเวลาเดียวกันร่างอรชนอ้อนแอ้นก็พลิ้วไหว ลำแสงสีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ข้างหูของชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำกลับมีเสียงถ่ายทอดเสียงของเป่าฮวาดังขึ้น “สหายทั้งสองยังไม่เคลื่อนไหวตามที่ข้าบอกเมื่อครู่ แค่ทำลายร่างเดิมของมารดาแมลง พวกเราถึงจะมีโอกาสหนีรอดออกไปได้! ข้าและสหายหานจะรั้งร่างแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมของอีกฝ่ายไว้ได้ไม่นานหรอก”
ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำมีสีหน้าลังเลหน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง แต่หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็กัดฟันกลายเป็นลำแสงหลีกหนี ในเวลาเดียวกันก็กลายเป็นสายรุ้งสองสายจมหายไปในผิวน้ำ
มาถึงยามนี้แม้ว่าสองคนนี้จะโกรธเป่าฮวาที่ทำอันใดกับจานหงส์วิญญาณแค่ไหน แต่ก็ทำได้เพียงร่วมมือกันต่ออย่างใจดีสู้เสือ
“รนหาที่ตาย”
เด็กหญิงเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสองก็หน้าเปลี่ยนสี ปากก็ร้องตะโกนต่ำๆ ออกมา คิดจะลงมือขัดขวาง แต่เบื้องหน้ากลับมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ ตะปูยักษ์ตัวหนึ่งเลือนรางปรากฏขึ้นตรงหน้าร่างสองส่วนของเด็กหญิง หลังจากพลิ้วไหวก็กลายเป็นตาข่ายสีเหลืองห่อหุ้มลงมา
อักขระยันต์สีเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่ในตาข่ายเส้นไหม พลังกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งยิ่งคลี่ตัวลงมา
แววตาของเด็กหญิงฉายแววเย็นชา ร่างกายสองส่วนแค่สั่นเทา ก็ระเบิดออกในเวลาเดียวกัน กลายเป็นเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน ชิงหนีออกไปจากขอบเขตของตาข่ายสีเหลือง
หานลี่เห็นเช่นนี้ ใบหน้าโหดเหี้ยมก็ปรากฏขึ้น แค่ร้องตะโกน ผิวก็แผ่ลำแสงสีม่วงทองออกมา กระบี่วิญญาณสวรรค์ทมิฬในมือพลันบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา หลังจากกะพริบวาบ ก็ทยอยกันหายวับไปจากกลางอากาศ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเส้นไหมสีดำเหล่านั้น และหักเลี้ยวสับไปทางอื่น
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เส้นไหมสีดำเหล่านั้นถูกเส้นไหมสีเขียวสับลงมา คาดไม่ถึงว่าจะหดเล็กลงแล้วระเบิดออกกลายเป็นไอสีดำ
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม ชี้นิ้วไปยังอากาศเบื้องหน้า หมายจะกระตุ้นเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นให้กวาดไอสีดำกลางอากาศไปให้เกลี้ยง
แต่ยามนี้ไอสีดำเหล่านั้นพลันสลายออก คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาบรรยากาศรอบๆ ก็มีรัศมีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ เด็กหญิงเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นอย่างไม่ได้รับการบาดเจ็บ
นางส่งรอยยิ้มเย็นชาให้หานลี่ มือหนึ่งร่ายอาคม ยามที่กำลังคิดจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อันใดนั้น กลับมีกลิ่นหอมโชยมา กลีบดอกไม้สีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นกลางบรรยากาศรอบด้าน ในเวลาเดียวกันอากาศรอบด้านก็รัดแน่น เปลี่ยนเป็นข้นเหนียวอย่างหาที่เปรียบมิได้
เด็กหญิงพลันตกตะลึง ยามที่กำลังคิดจะดิ้นรนออกมา ในกลีบดอกจำนวนนับไม่ถ้วนด้านบน เป่าฮวากลับปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ มือถือลูกบอลลำแสงยักษ์เอาไว้ แล้วชูขึ้น
ลูกบอลลำแสงพลันระเบิดออก อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา และหมุนคว้างไปมา เปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด ดูงดงามยิ่ง
ใจกลางจุดที่ระเบิดออก ลำแสงสีเขียวพุ่งผ่านไป ต้นหญ้าสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ แค่พริบตาก็กลายเป็นต้นไม้สีเขียวมรกตสูงครึ่งฉื่อ และขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
ยามนั้นต้นไม้ยักษ์สีเขียวมรกตพลันก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือเรียวของเป่าฮวา บนกิ่งไม้ต่างๆ มีลำแสงสีชมพูเป็นดวงๆ และกลายเป็นดอกไม้สีชมพู ชั่วพริบตาก็ปรากฏทั่วกิ่งไม้
เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตอันไพเราะดังออกมาจากปากของเป่าฮวา กลีบดอกบานออก สีของต้นไม้ทั้งต้นเปลี่ยนจากสีเขียวมรกตกลายเป็นสีชมพู
พริบตานั้นกลางอากาศก็มีเสียงสวดมนต์ดังขึ้น ทุกแห่งที่กวาดสายตาไปล้วนเป็นเงาดอกไม้สีชมพู ในรัศมีสองสามพันจั้ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นทะเลสีชมพู ราวกับรวมท้องฟ้าและผืนดินเข้าด้วยกัน
“เขตวิญญาณสวรรค์ทมิฬ”
ในที่สุดเด็กหญิงก็ไม่อาจรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ได้อีก เอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง จากนั้นใบหน้าพลันมีสีหน้าโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น ผิวมีอักขระยันต์สีเทาขาวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น บรรยากาศรอบด้านเลือนรางบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนพยายามดิ้นรนออกจากเขตแดนนี้
เขตแดนดอกไม้สั่นเทาอย่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนไม่อาจรั้งเด็กหญิงเอาไว้ได้นานนัก
เป่าฮวาเห็นเช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี รีบร้องตะโกนไปทางหานลี่
“สหายหาน รีบลงมือ”
สิ้นเสียงเด็กหญิงก็คว้าต้นไม้เอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วหักกิ่งไม้ที่มีดอกไม้ยักษ์เต็มไปหมดอย่างชื่นชม และวาดไปยังเด็กหญิงที่อยู่ด้านล่าง ดอกไม้ยักษ์บนกิ่งไม้กลายเป็นอักขระยันต์ห้าสีทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป เด็กหญิงที่อยู่ตรงใจกลางเขตแดนกลับร้องคร่ำครวญออกมา แขนข้างหนึ่งหายวับไปจากกลางอากาศ
แทบจะในเวลาเดียวกันกิ่งไม้ในมือของเป่าฮวาก็กลายเป็นผุยผง
ทว่าครู่ต่อมาบ่าของเด็กหญิงก็มีไอสีดำหมุนวนออกมา แขนใหม่ฟื้นฟูกลับมาเป็นดั้งเดิม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่เป่าฮวาไม่ลังเลเลยสักนิด มือหนึ่งตะปบออกไปอีกครั้ง ในมือมีกิ่งไม้ที่มีดอกไม้อีกสองกิ่งเพิ่มขึ้นมา วาดไปทางเด็กหญิงอีกครั้ง
หลังจากเสียง “สวบๆ” ดังขึ้น ครั้งนี้แขนทั้งซ้ายและขวาของเด็กหญิงเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกันแล้วหายวับไป
เด็กหญิงเห็นเช่นนั้นชั่วขณะนั้นแววตาโหดเหี้ยมพลันฉายแวบผ่าน ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม แต่หลังจากที่ไอสีดำเปล่งสว่างวาบ แขนทั้งสองก็งอกขึ้นมาอีกครั้ง
ยามนี้หานลี่ที่อยู่อีกด้านพลันร่ายอาคมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชั่วขณะนั้นในร่างก็มีเสียงราวกับไม้ไผ่ระเบิดดังขึ้น ผิวเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า เกล็ดสีม่วงทองปรากฏขึ้น ศีรษะมีเขาสั้นๆ งอกออกมา บ่าและซี่โครงมีลำแสงสีทองหมุนวน หัวที่เหมือนกับอีกสองหัวและแขนสีทองอีกสี่แขนงอกออกมา
หลังจากที่หัวทั้งสามร้องคำรามออกมา หว่างคิ้วพลันมีเส้นสีดำปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกเป็นเนตรปีศาจสีดำสนิทดวงที่สาม ด้านในมีลำแสงสีม่วงทองเปล่งแสงสว่างวาบ
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะสำแดงร่างนิพพาน และเคลื่อนย้ายไปในพริบตา
เขาในยามนี้กลิ่นอายแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าสิบกว่าเท่า แขนทั้งหกขยับอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะกุมกระบี่วิญญาณสวรรค์ทมิฬเล่มหนึ่งเอาไว้พร้อมกัน และฟันไปทางเด็กหญิงที่ถูกกักอยู่ไกลออกไปอย่างแรงอีกครั้ง