เสียงกรีดร้องดังขึ้นกลางอากาศ!
กระบี่ลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ อากาศด้านหน้าหานลี่พังทลายลงมา พลังปราณฟ้าดินรอบด้านม้วนวนเข้าไปราวกับกรวยกรอกน้ำ ในนั้นมีกลิ่นอายอันน่ากลัวราวกับฟ้าดินถล่มแผ่ออกมา
หลังจากที่หานลี่บรรลุระดับมหายาน ในที่สุดก็สำแดงอานุภาพของกระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬออกมาเป็นครั้งแรก
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น จันทร์คล้อยสีเขียวมรกตบินออกมาจากกลางอากาศที่พังทลายลงมา
หลังจากกะพริบวาบ ผิวของจันทร์คล้อยก็มีอักขระยันต์แวววาวจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา แผ่รัศมีลำแสงห้าสีที่ทำให้ผู้คนหลงใหลเคลิบเคลิ้มออกมา
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
อากาศที่เดิมพังทลายลงมาและจันทร์คล้อยสีเขียวมรกตระเบิดออกมาในเวลาเดียวกัน
อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนและลำแสงสีเขียวมรกตหมุนวนแล้วรวมตัวกัน เส้นไหมผลึกยาวกึ่งโปร่งใสปรากฏออกมา หลังจากกะพริบวาบก็หายวับไปอย่างแปลกประหลาด
เส้นไหมผลึกดูเหมือนธรรมดาสามัญ แต่ชั่วพริบตาที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ กลับทำให้ทั้งท้องฟ้ามืดมน รอบด้านมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น หลังจากเลือนรางไป คาดไม่ถึงว่าจะบิดเบี้ยวเป็นชั้นๆ ราวกับมีกฎเกณฑ์ก็ไม่ปาน
อากาศทั้งหมดบิดเบี้ยวล้วนพุ่งไปทางเส้นไหมผลึก คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับทุกสรรพสิ่งมุ่งไปยังทิศทางเดียวกันก็ไม่ปาน
“เส้นกฎเกณฑ์ เป็นไปไม่ได้!”
เด็กหญิงที่ถูกเป่าฮวากักอยู่ในเขตแดนวิญญาณเห็นเช่นนั้น ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ในที่สุดใบหน้าก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา ปากก็ร้องเสียงแหลม ผิวมีเปลวเพลิงสีดำปรากฏขึ้นชั้นหนึ่ง เป็นเกราะกระดูกที่มีหนามแหลมจำนวนนับไม่ถ้วน
อักขระยันต์สีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนในเปลวเพลิงหมุนวน หนามแหลมทุกแท่งแวววาวราวกับหยก ผิวมีอักขระยันต์สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนม้วนวนอยู่ลางๆ ราวกับแกะสลักขึ้นจากหยกก็ไม่ปาน
และครู่ต่อมาเบื้องหน้าของเด็กหญิงพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เส้นไหมผลึกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ แม้ว่าเขาจะมีอิทธิฤทธิ์มากมาย แต่ภายใต้การกักของเขตแดนวิญญาณ กลับไม่อาจหลบหลีกได้ ทำได้เพียงเบิกตามอง ‘เส้นกฎเกณฑ์’ เลือนราง แล้วม้วนวนสับลงมา
แม้ว่าเปลวเพลิงสีดำและเกราะกระดูกจะขวางเส้นไหมผลึกเอาไว้ได้เล็กน้อย แต่ก็สับลงมาราวกับถูกกระตุ้นให้แห้งกรอบ
เด็กหญิงร้องคร่ำครวญ ร่างกายแยกออกเป็นสองส่วนจากบั้นเอว ใบหน้า แขนขาทั้งสี่และส่วนอื่นๆ กลับปรากฏรอยโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน ร่างทั้งร่างกลายเป็นชิ้นเนื้อสลายหายไปในครู่ต่อมา
“ทำได้ดีมาก!”
เป่าฮวาเห็นเช่นนั้นพลันยินดี มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ต้นไม้ยักษ์ที่เดิมมหึมายิ่งเปล่งแสงสว่างวาบ ยามนั้นพลันหดเล็กลงเป็นร้อยเท่า กลายเป็นขนาดจิ๋วสูงแค่ครึ่งฉื่อ
แวววาวเปล่งแสงระยิบระยับ รัศมีลำแสงเจ็ดสีแผ่ออกมา
นิ้วทั้งห้าของเป่าฮวาขยับ คว้าต้นไม้จิ๋วเอาไว้แน่นและกวาดสายตาไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น กิ่งไม้และดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนบนต้นไม้แห้งกรอบหายวับไป
แทบจะในเวลาเดียวกัน เด็กหญิงที่กลายเป็นชิ้นเนื้อรอบด้านพลันมีดอกไม้ยักษ์สีแดงโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ทุกดอกเป็นสีโลหิตหมุนคว้าง คาดไม่ถึงว่าจะกลีบดอกจะผลิบานโอบชิ้นเนื้อเข้าไปข้างใน และกลายเป็นลำแสงสีชมพูระเบิดออก
เมื่อทุกอย่างระเบิดเสร็จ ชิ้นเนื้อเหล่านั้นก็สลายหายไปจากเขตแดนวิญญาณไม่เหลือเลยสักชิ้น
ยามนั้นเห็นได้ชัดว่าต้นไม้จิ๋วในมือของเป่าฮวาสูญเสียอานุภาพไปหมดเพราะการโจมตีเมื่อครู่ หลังจากที่แห้งกรอบใบร่วงโรยจนหมดก็สั่นเทา หายวับไปราวกับเงาลวงตา
แดนวิญญาณสั่นเทาอย่างรุนแรง กลีบดอกจำนวนนับไม่ถ้วนสลายหายไป
ในที่สุดเขตแดนสวรรค์ทมิฬก็ไม่มีอีกต่อไป
บรรยากาศว่างเปล่า ยามนั้นเหลือเพียงหานลี่และเป่าฮวาสองคนเท่านั้น
“เส้นแห่งกฎเกณฑ์! พี่หาน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะควบคุมสวรรค์ทมิฬได้ถึงขั้นนี้ ข้านับถือจริงๆ!” เป่าฮวามองหานลี่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เมื่อครู่สิ่งนั้นเรียกว่าเส้นแห่งกฎเกณฑ์ อานุภาพเหนือกว่าที่คิดเอาไว้มาก” หานลี่ยกมือขึ้นกวาดตามากระบี่ยาวสีเขียวมรกตในมือ แล้วตอบกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน
“อันใด สหายเพิ่งรวบรวมเส้นนั้นเป็นครั้งแรกหรือ?” เป่าฮวาตกตะลึงไปเล็กน้อย
“เพิ่งเคยเห็นสิ่งนั้นเป็นครั้งแรกจริงๆ เมื่อครู่ผู้แซ่หานแค่กระตุ้นสมบัติสวรรค์ทมิฬเต็มกำลังเท่านั้น” หานลี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ข้าไม่รู้จะพูดอันใดดี หรือว่ากระบี่สวรรค์ทมิฬชิ้นนี้ก่อตัวขึ้นในร่างของสหายตั้งแต่แรก มิเช่นนั้นหากสมบัติสวรรค์ทมิฬสามารถรวบรวมเส้นแห่งกฎเกณฑ์ระหว่างที่ถูกกระตุ้นได้ก็แทบจะเป็นสิ่งที่ร้องขอก็ไม่มีวันได้มาแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าของสวรรค์ทมิฬตั้งเท่าไหร่ที่พยายามบวงสรวงและบ่มเพราะหลายหมื่นปีแม้กระทั่งเป็นแสนปีก็ยังคงไม่คลำหาเส้นแห่งกฎเกณฑ์ได้” เป่าฮวาหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“เช่นนั้นผู้แซ่หานก็มีดวงไม่เลว คาดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าน้อยสนใจเขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬของสหายมากกว่า ไม่ทราบว่าวันหลังจะชี้แนะให้ข้าได้หรือไม่” หานลี่แววตาเปล่งประกาย ปากกลับกระแอมเบาๆ ขณะตอบกลับ
“วิธีใช้เขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ ข้าน้อยทุ่มเทไปมาก ถึงได้หาเบาะแสจากในคัมภีร์โบราณที่ชำรุดพบ แต่ในนั้นยังมีอีกหลายจุดที่ไม่สมบูรณ์ ไม่อาจเทียบกับเขตแดนวิญญาณที่แท้จริงได้ แต่หากสหายหานสนใจจริงๆ เจ้ากับข้ามีเวลาก็มาแลกเปลี่ยนกันก็ได้” เป่าฮวาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“ได้ ผู้แซ่หานมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ใฝ่ฝันถึงก็ยังเป็นไปไม่ได้ ทว่าร่างแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมของมารดาแมลงเมื่อครู่ ภายใต้การโจมตีของพวกเราสองคน จะถูกสังหารไปจริงๆ หรือไม่ ไม่รู้เพราะเหตุใดผู้แซ่หานถึงรู้สึกไม่ปลอดภัย” หานลี่พลันพยักหน้า แล้วเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วทันใด
“ตามหลักการแล้วอีกฝ่ายเป็นแค่ร่างแยกของมารดาแมลงเท่านั้น ไม่อาจเทียบกับมารดาแมลงที่แท้จริงได้ ภายใต้พลังแห่งกฎเกณฑ์สองชั้นก็น่าจะโชคไม่ดี แต่พลังแรงกดในจิตสัมผัสข้ายังอยู่ ไม่ลดลงเลยสักนิด” เป่าฮวามีสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยอย่างแช่มช้า คาดไม่ถึงว่าจะมีความคิดเดียวกับหานลี่
“เช่นนั้น อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตายจริงๆ แค่ได้รับบาดเจ็บหนักระยะหนึ่งเท่านั้น” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“เกรงว่ากว่าครึ่งคงเป็นเช่นนั้น” เป่าฮวาหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา “ไม่ว่าอย่างไร ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหนักได้ก็เป็นเรื่องดีแล้ว เจ้ากับข้ารีบถือโอกาสนี้หาร่างของมารดาแมลงให้พบถึงจะถูก จนถึงยามนี้ยังไม่มีข่าวคราวจากสหายทั้งสอง ดูแล้วน่าจะทำไม่สำเร็จ” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว…” เป่าฮวาหัวเราะน้อยๆ ออกมา ยามที่กำลังคิดว่าจะตอบกลับอย่างไรนั้น จุดที่เด็กหญิงหายวับไปพลันมีเสียงแหลมๆ ดังขึ้น
“พวกเจ้าคิดว่าทำลายแมลงพิษแล้วจะไม่มีอันใดต้องกังวลอีกหรือ ช่างน่าขันยิ่ง ยามนี้ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าสักหน่อย”
สิ้นเสียงฉับพลันนั้นกรงเล็บยักษ์ค้ำฟ้าข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และตะปบหานลี่และเป่าฮวาเอาไว้
กรงเล็บทั้งห้ากางนิ้วออก แทบจะปกคลุมกว่าครึ่งของท้องฟ้าเอาไว้ เล็บแหลมยาวสิบจั้งเศษ เปล่งแสงสีเขียวเย็นยะเยือก
เมื่อตะปบลงมาชั่วขณะนั้นกลางอากาศพลันเกิดรอยสีขาวยาวๆ ห้าสาย ราวกับทั้งท้องฟ้าปริแตกออกก็ไม่ปาน “อย่ายุ่ง แมลงพิษ! ต้องเหลือไว้ให้ข้าเล่นสามคน” เสียงเหี้ยมอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน!
ชั่วพริบตาที่หานลี่ได้ยินเสียงนี้ ในหูพลันมีเสียงหัวเราะประหลาดๆ ดังขึ้น ดูเหมือนเด็กหญิงจะกำลังหัวเราะ และดูเหมือนเด็กหญิงจะกำลังโศกเศร้า
คาดไม่ถึงว่าจิตสัมผัสของหานลี่จะเลือนรางไปโดยไม่รู้ตัว สองตาฉายแววงุนงง การเคลื่อนไหวในมือเชื่องช้าลง
แทบจะในเวลาเดียวกันเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ พลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเทาขาวขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วฟาดลงมาที่หานลี่อย่างรุนแรง
จิตสัมผัสของหานลี่แข็งแกร่งระดับไหน ประกอบกับฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตอย่างเคล็ดวิชาลับเหนือชั้น แทบจะในพริบตานั้นในร่างก็รวบรวมไอเย็นเยียบไว้ที่จุดตันเถียน หลังจากที่หมุนวนในหัวอย่างรวดเร็ว คนก็ได้สติขึ้นมาทันที
“อัสนีทมิฬ”
แต่เมื่อเขาเห็นประจุไฟฟ้าสีเทาขาวกลางอากาศ ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รีบเก็บกระบี่ยาวสีเขียวมรกตในมือ ยักไหล่ไม่สนใจกรงเล็บยักษ์เหนือศีรษะ กลับกลายเป็นเงาลวงตาที่เหมือนกับทุกระเบียบนิ้วสิบสองสายพุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านในเวลาเดียวกัน
แต่ประจุไฟฟ้าสีเทาขาวพลันส่งเสียงอึกทึกขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะแยกกันราวกับมีชีวิต แล้วกลายเป็นประจุไฟฟ้าแยกกันไล่ตามเงาลวงตาเหล่านั้นไป
ยามนี้เป่าฮวากลับส่งเสียงคร่ำครวญออกมา รัศมีลำแสงสีเหลืองในมือหมุนคว้างแล้วลอยขึ้นไป ตะปูจักรพรรดิธรณีขยายใหญ่จนมีขนาดพันจั้งเศษ และพุ่งไปกรงเล็บยักษ์ไปกลางอากาศ
กรงเล็บยักษ์หุบนิ้วที่มีเล็บแหลมคมทั้งห้า กลายเป็นใบมีดยักษ์สีเขียวห้าเล่มสับลงมา คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนไม่หวาดกลัวตะปูยักษ์ด้านล่างเลยสักนิด
หลังจากที่เสียงปริแตกดังสนั่นขึ้น เมื่อตะปูยักษ์และใบมีดยักษ์สีเขียวทั้งห้าสัมผัสกันก็ระเบิดรัศมีลำแสงเจิดจ้าสีเขียวเหลืองออกมา ยามนั้นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
อีกด้านประจุไฟฟ้าสีเทาขาวเหล่านั้นกลับไล่ตามเงาร่างของหานลี่ไปราวกับแมลงเกราะกระดูก หากไม่อาจสังหารเป้าหมายได้ ก็จะไม่มีทางย้อนกลับ
“แค่อัสนีทมิฬ คิดว่าผู้แซ่หานจะรับมือไม่ได้หรือ!” เงาลวงตาสิบกว่าสายระเบิดเสียงโกรธเกี้ยวของหานลี่ดังมา
จากนั้นก็มีเสียงอัสนีร้องเช่นกัน อสรพิษสายฟ้าสีทองสิบกว่าสายดีดตัวออกมาจากเงาลวงตาเหล่านั้น เมื่อสัมผัสกับประจุไฟฟ้าสีเทาขาวคาดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงร้องแล้วทยอยกันปริแตกสลายหายไป
ส่วนประจุไฟฟ้าสีเทาขาวเหล่านั้นนอกจากหม่นแสงลงสองสามส่วน คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดยังคงพุ่งมาทางเงาลวงตาของหานลี่
เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น!
พริบตาที่ประจุไฟฟ้าสีเทาขาวมาประชิดร่าง เงาลวงตาเหล่านั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นอักขระยันต์สีทองจำนวนนับไม่ถ้วนตัดสลับกันไปมากับประจุไฟฟ้าสีเทาขาว ยามนั้นไม่อาจแยกแยะได้
ทว่ามีเพียงเงาลวงตาสายหนึ่งที่รวมตัวกัน เผยร่างเดิมของหานลี่ออกมา และร้องตะโกน รัศมีลำแสงสีม่วงทองไหลวนไปมา และกำปั้นก็โจมตีไปที่ประจุไฟฟ้าสีเทาขาว
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น เสาลำแสงสีขาวนวลสายหนึ่งโจมตีออกไป ประจุไฟฟ้าสีเทาพุ่งเข้ามาโจมตีเข้าด้วยกัน
เมื่อประจุไฟฟ้าที่ดูเหมือนจะรับมือยาก สัมผัสกับเสาลำแสงสีขาว ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับพบคู่ปรับก็ไม่ปาน และถูกลำแสงสีขาวกลืนกินไปจนเกลี้ยง
ส่วนหานลี่เดิมที่มีลำแสงสีม่วงทองหมุนวนโคจรอยู่รอบเรือนร่าง หลังจากถูกโจมตีก็หม่นแสงลงไปกว่าครึ่ง
กำปั้นเมื่อครู่ของเขาดูเหมือนจะทรงอานุภาพ แต่กลับทำให้ปราณแท้ในร่างหายไปไม่น้อย