“รีบสำแดงอัสนี กลิ่นอายบนร่างของนางน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมแล้ว ดูเหมือนจะกำลังฟื้นฟูพลังที่แท้จริง!” ชายชราหน้าตาโบราณเห็นสถานการณ์ก่อนหน้า ก็ใจหายวาบ แต่ก็ใช้จิตสัมผัสกวาดไปบนเรือนร่างของโครงกระดูก ทันใดนั้นก็ร้องด้วยความตกตะลึง
และเมื่อร่างของเขาเลือนรางก็สลายหายไป ปรากฏตัวห่างออกไปร้อยจั้งเศษ จากนั้นมือหนึ่งก็ตบไปที่หน้าผาก ชั่วขณะนั้นรัศมีสีฟ้าพลันม้วนวนออกมา
ในรัศมีลำแสงมีคนตัวเล็กมีลำแสงสีฟ้าพันรัดเรือนร่างนั่งสมาธิอยู่ หน้าตาเหมือนกับชายชราทุกระเบียบนิ้ว
ชั่วพริบตาที่คนตัวเล็กปรากฏตัวขึ้น ก็มีไข่มุกกลมสีฟ้าบินออกมา
ทุกเม็ดล้วนมีขนาดเท่าหัวแม่มือ แต่ผิวเรียบเนียนอย่างหาที่เปรียบ สีเข้มเป็นอย่างยิ่ง
ภายใต้การกระตุ้นไข่มุกกลมด้วยเคล็ดลับวิชาทารกวิญญาณของชายชรา ก็ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นลูกบอลลำแสงขนาดยักษ์ราวกับรถล้อ ส่งเสียงฟ้าร้องออกมาแล้วกดไปที่โครงกระดูกยักษ์
ฮูหยินชุดดำที่อยู่อีกด้านได้ยินคำพูดของชายชรา พลันหน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง หลังจากฟันสีเงินกัดฟัน ร่างกายพลันม้วนวนไปบนพื้น กลายเป็นหมอกสีโลหิต จมหายเข้าไปในเงาลวงตาอสรพิษประหลาดเก้าตัว
เสียง “ปัง” ดังขึ้น หัวทั้งเก้าของอสรพิษประหลาดพลันสะบัด ชั่วขณะนั้นพลังปราณฟ้าดินในหุบเหวพลันทะลักเข้าไปในร่างของเขาราวกับระลอกคลื่น ทำให้ร่างลวงตากลายเป็นเหมือนร่างเที่ยงแท้
อสรพิษประหลาดที่มีร่างเที่ยงแท้ ผิวมีเกล็ดห้าสี หัวอสรพิษเก้าหัวกลับมีโลหิตสดๆ และอ้าปากออกอีกครั้ง ทั้งเก้าตัวพ่นเปลวเพลิงสีม่วงดำที่บริสุทธิ์กว่าก่อนหน้าหลายเท่าออกมา
แม้ว่าทั้งสองจะไม่เห็นโครงกระดูกสำแดงขั้นตอนการโจมตี แต่พลังแรงกดที่ส่งมาให้พวกเขากลับทำให้รู้สึกว่าแย่แล้ว แล้วเกิดความคิดทุ่มเทสุดชีวิตขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
แม้ว่าโครงกระดูกจะยืนขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติจริงๆ การเคลื่อนไหวจึงทื่อๆ
ลูกบอลลำแสงสีฟ้าสิบกว่าดวงแค่กะพริบวาบ ก็โจมตีไปรอบๆ โครงกระดูกจนเกิดเสียงดัง “ปังๆ”
เห็นเพียงลำแสงสีฟ้าพลันเปล่งแสงเจิดจ้า เสียงอึกทึกดังขึ้นไม่หยุด!
อากาศรอบๆ โครงกระดูกยักษ์มีเสียงสั่นสะเทือนราวกับพื้นดินจะถล่มดังขึ้น ระลอกคลื่นมหาศาลแผ่ออกมาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
ลูกบอลลำแสงเหล่านี้ดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่ทุกดวงพลันมีพลังเป็นสิบล้านชั่ง อานุภาพมหาศาล เพียงพอที่จะทุบภูเขาให้ราบได้
โครงกระดูกใช้แขนสองข้างขวางอยู่ด้านหน้า แต่ร่างกายกลับสั่นเทา ทุกการโจมตีด้วยลูกบอลลำแสงล้วนอดที่จะถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่ได้
หลังจากถอยหลังไปอย่างต่อเนื่องสิบกว่าก้าว กำแพงไร้รูปร่างตรงหน้าโครงกระดูกพลันพังทลาย และยิ่งไปกว่านั้นแขนขาที่แวววาวราวกับหยกสองข้างก็ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก และเต็มไปด้วยบาดแผลเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน
ไม่รอให้โครงกระดูกได้เคลื่อนไหวอันใดอีก เปลวเพลิงราวกับอสรพิษเก้าสายก็ม้วนวนออกมา วนล้อมรอบอย่างรวดเร็วแล้วก็กลายเป็นโซ่เพลิงรัดร่างของโครงกระดูกยักษ์ไว้แน่น
โซ่เพลิงสีม่วงดำเหล่านี้แผ่กลิ่นเน่าเหม็นที่ยากจะเหลือเชื่อออกมา ชั่วพริบตาร่างของโครงกระดูกสีขาวราวกับหยกพลันมีรอยสีดำบาดลึกเป็นสายๆ
ลูกบอลลำแสงสิบกว่าลูกกำลังบินวนล้อมรอบโครงกระดูกไปมา
ภายใต้การร่วมมือของทั้งสองคน โครงกระดูกยักษ์ย่อมถูกทำลายทันที
ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำเห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีใจ
และในยามนั้นเองเหนือหัวกะโหลกโครงกระดูกยักษ์พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาร่างเตี้ยๆ ปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด
ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำจ้องเขม็งมองไป อดที่จะหน้าถอดสีไม่ได้
เงาร่างเตี้ยๆ นั่นก็คือเด็กหญิงที่เป็นร่างแยกจากจิตวิญญาณเที่ยงแท้ของมารดาแมลงก่อนหน้า
เด็กหญิงไม่ได้ถูกเป่าฮวาและพวกทั้งสามรั้งไว้อยู่หรือ เหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่นี่
ชายชราและฮูหยินร้องคร่ำครวญในใจ สำแดงการกักโครงกระดูกตัวนั้นต่อไปพลาง ระมัดระวังตัวกับเด็กหญิงมากขึ้นไปพลาง
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเด็กหญิงซีดขาวกว่าก่อนหน้าหลายส่วน หลังจากปรากฏตัว ก็ไม่มองชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินที่กลายเป็นอสรพิษประหลาด กลับจ้องเขม็งไปที่โครงกระดูกที่นิ่งงันด้านล่าง หลังจากที่ดวงตาทั้งสองกลอกไปมา ฉับพลันนั้นก็เอ่ยปากพูดสิ่งที่น่าไพเราะออกมา แต่ชายชราและฮูหยินกลับไม่อาจเข้าใจได้
โครงกระดูกที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าได้ยินคำนี้ ร่างกายพลันแข็งทื่อ ผิวมีลำแสงสีขาวปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะหยุดการโจมตีจากลูกบอลลำแสงสีฟ้าเหล่านั้นได้ และไม่สนใจการกัดกร่อนของโซ่เพลิงสีม่วงดำเหล่านั้น กลับเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ เบ้าตาลึกโบ๋สองข้างมองไปยังเด็กหญิงที่อยู่กลางอากาศ ปากก็พ่นภาษาเดียวกันออกมา แค่ทุ้มต่ำเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองแค่พูดคุยกันไม่กี่ประโยค โครงกระดูกยักษ์ก็มีท่าทีไม่เชื่องช้าและไม่รวดเร็ว ส่วนเด็กหญิงกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม ฉับพลันนั้นพลันเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา เสียงเปลี่ยนเป็นแหลมสูง ดูเหมือนจะกำลังทะเลาะกับโครงกระดูก
ชายชราและฮูหยินชุดดำเห็นเช่นนี้ก็อดที่จะมองสบตากันไม่ได้ และรู้สึกงุนงง
ทว่าทั้งสองย่อมถือโอกาสนี้กระตุ้นพลังปราณโจมตีโครงกระดูกอย่างต่อเนื่อง
ลูกบอลลำแสงสีฟ้าเหล่านั้เลือนราง เพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างรวดเร็ว วนล้อมรอบโครงกระดูกราวกับดาวตก
โซ่เพลิงสีม่วงดำเก้าเส้นสั่นเทา ผิวมีหนามแหลมปรากฏขึ้น ทิ่มเข้าไปในส่วนลึกของโครงกระดูก ทำให้ความเน่าเปื่อยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
แน่นอนว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้โครงกระดูกทำอันตรายเด็กหญิง ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำที่กลายเป็นอสรพิษประหลาดก็ไถลตัวออกไปไกลออกไปอย่างเงียบเชียบ
แต่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทั้งสอง โครงกระดูกไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด แค่ยังคงเงยหน้าขึ้นพูดภาษาอันใดไม่รู้กับเด็กหญิงที่อยู่กลางอากาศ
ทั้งสองพูดคุยอย่างแช่มช้าและกระชั้น สีหน้าสงบนิ่งพลางมองไปยังจุดที่ไกลออกไป เผยความแปลกประหลาดยิ่งอกมา!
ฉับพลันนั้นใบหน้าของเด็กหญิงพลันมีสีหน้าโหดเหี้ยม นิ้วชี้ไปด้านล่าง ลำแสงสีดำเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นที่ปลายนิ้ว และหมุนคว้าง ชั่วขณะนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้น และเปล่งแสงเจิดจ้า ดูเหมือนจะสามารถดูดซับเส้นไหมลำแสงทั้งหมดเข้ามาได้อย่างไรอย่างนั้น
ก้นหุบเหวมีเสียงอึกทึกดังขึ้น พลังปราณฟ้าดินรอบๆ ม้วนวน พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่น่ากลัวยิ่งพลันลดระดับลงมา
“กฎเกณฑ์แห่งเวลา!”
ทารกวิญญาณที่นั่งสมาธิอยู่เหนือกายเนื้อของชายชราหน้าตาโบราณพลันหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัว
ส่วนฮูหยินชุดดำที่กลายเป็นอสรพิษประหลาดเก้าหัวเห็นเหตุการณ์ประหลาด ชั่วครู่ก็ปล่อยโซ่เพลิงออกจากปากราวกับนกตกใจ ร่างกายอันใหญ่โตพุ่งไปยังจุดที่ไกลออกไปสองสามร้อยจั้ง แล้วถึงได้ซวนเซหยุดลำแสงหลีกหนีลง
หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะถูกทิ้งตามลำพัง แล้วอาจจะทำให้เด็กหญิงเกิดจิตสังหาร เกรงว่าฮูหยินคงหนีเตลิดไปภายในรวดเดียวแล้ว
โครงกระดูกยักษ์ด้านล่างเห็นเด็กหญิงสำแดงกฎเกณฑ์แห่งเวลาออกมา ร่างอันใหญ่โตก็สั่นเทาเล็กน้อย ปากก็พ่นคำพูดเร็วขึ้นหลายส่วน ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวเด็กหญิงขึ้นหลายส่วน
แต่คำพูดของเด็กหญิงกลับยิ่งกระชั้นขึ้นหลายส่วน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่คำพูดของโครงกระดูกยักษ์พลันผ่อนลง ดูเหมือนจะยอมแพ้ให้เล็กน้อย หลังจากมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ก็อ้าปากออกพ่นผลึกยักษ์สีดำสนิทราวกับน้ำหมึกออกมา ขนาดเท่าบ้านแล้วม้วนวนไปกลางอากาศ
ในที่สุดเด็กหญิงก็เผยสีหน้าดีอกดีใจออกมา เก็บลำแสงสีดำที่ปลายนิ้ว ร่างกายหนักอึ้งเล็กน้อย แล้วร่อนลงมาจากผลึก
เห็นเพียงเด็กหญิงเอาเท้าทั้งสองเหยียบลงบนผลึกศิลา ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
แขนขาของโครงกระดูกด้านล่างขยับพร้อมกัน พลันระเบิดกลิ่นอายน่ากลัวออกมาแล้วดึงโซ่เพลิงสีม่วงดำบนเรือนร่างออก ยิ่งไปกว่านั้นยังวาดไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ลูกบอลลำแสงสีฟ้าที่กำลังเริงระบำอยู่รอบๆ พลันถูกสับออกเป็นสองส่วนแล้วระเบิดออกโดยอัตโนมัติ
เด็กหญิงเห็นเช่นนี้ใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา ปลายนิ้วมีลำแสงสีดำสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันร่างก็เลือนรางหายไปจากเหนือผลึกศิลา
แต่หลังจากที่ผลึกศิลาสีดำสนิทด้านล่างพลิ้วไหวก็กลายเป็นปากยักษ์สีดำที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม แค่ออกแรงกัด คาดไม่ถึงว่าจะกลืนเด็กหญิงเข้าไปข้างในอย่างคาดไม่ถึง และกลายเป็นผลึกลำแสงบินกลับมา จมหายเข้าไปในปากของโครงกระดูกยักษ์อีกครั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ร่างของโครงกระดูกยักษ์สั่นเทา การเคลื่อนไหวทั้งหมดแแข็งค้างไม่อาจขยับตัวได้อีก
ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำที่อยู่ไกลออกไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึงจนตาค้าง แต่หลังจากที่มองสบตากันแวบหนึ่งแล้วพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว ทารกวิญญาณตัวหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลับไปในกายเนื้อ อีกตัวก็พลิ้วไหวกลับเป็นเงาร่างคนอีกครั้ง
หลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นลำแสงหลีกหนีก็พุ่งไปยังเหนือหุบเหว
เมื่อเห็นโครงกระดูกทำลายเครื่องมือสังหารของทั้งสองได้อย่างง่ายดาย ทั้งสองก็รู้ตัวว่าไร้ซึ่งพลังต้านทานอีกฝ่าย ย่อมต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอดก่อนเท่านั้น
หรือไปรวมมือกับเป่าฮวา หานลี่และพวก พวกเขาถึงจะมีความกล้าสู้กับโครงกระดูก
ทว่าพริบตาที่ทั้งสองบินออกมา โครงกระดูกที่เดิมนิ่งงันไม่ส่งเสียง เบ้าตาทั้งสองก็มีผลึกลำแสงรวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงวาววับเผยเปลวเพลิงสีดำหมุนวนสองดวงออกมา และส่งเสียงหัวเราะหึๆ พลางมองไปยังลำแสงหลีกหนีสองสายที่อยู่ไกลออกไปแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็เงยหน้าพยักหน้าให้อากาศสองครั้ง
หลังจากที่ลำแสงสีดำสองดวงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่เพิ่งสลายหายไปพลันส่งเสียงหึ่งๆ แล้วตกลงมาในหุบเหว ห่อหุ้มชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำเอาไว้อย่างพอดิบพอดี
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
ชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำกำลังบินหนีอย่างสุดชีวิต แต่รู้สึกเพียงว่าทัศนียภาพรอบด้านเลือนราง แล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะพบว่าหัวกะโหลกสีขาวยักษ์อยู่ใกล้แค่คืบ และใช้สายตาไม่เป็นมิตรพิจารณาพวกเขา
ภายใต้การใช้กฎเกณฑ์แห่งเวลาของทั้งสอง คาดไม่ถึงว่าถอยร่นไปอยู่ด้านล่างโครงกระดูกอย่างไม่รู้ตัว
ทั้งสองคนตกตะลึงจนหน้าถอดสี ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด โครงกระดูกพลันอ้าปากออกงับไปด้านล่างอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
…
กลางอากาศเหนือผิวน้ำ หานลี่ที่กลายเป็นมารปีศาจกำลังนำฝ่ามือที่เต็มไปด้วยลวดลายสีเงิน ดึงออกจากร่างของแมลงยักษ์หน้าคนที่ถูกเกราะแหลมสีเขียวห่อหุ้มอยู่
แมลงยักษ์ตัวนี้มีความยาวร้อยจั้งเศษ แต่ขาหน้ากลับใหญ่ยักษ์ราวกับกรงเล็บภูต และใหญ่กว่าร่างหลายเท่า ดูน่ากลัวยิ่ง
ในยามที่หานลี่ดึงฝ่ามือออกมา ขาหน้าใหญ่ยักษ์ของแมลงยักษ์ส่งเสียง “ครืดๆ” ออกมา หดเล็กลงอย่างรวดเร็วราวกับลมรั่ว ยามนั้นพลันมีขนาดเท่ากับแขนขาอื่นๆ
หานลี่เลิกคิ้วชักมือกลับมาแล้วกวาดตามองแวบหนึ่ง หลังจากพบว่าไม่มีรอยโลหิตใดๆ หัวคิ้วก็ขมวดมุ่นเล็กน้อย และฉายแววฉงนสงสัย