Chapter 11 : ความหวังของเอมี่
หลังจากที่กินข้าวผัดเสร็จแล้วแม็กซ์ก็พยายามรับรู้ถึงความต่าง อย่างที่เขาคาดเอาไว้ ข้าวผัดที่ทำมาจากวัตถุดิบล้ำค่านั้นมีรสชาติที่วิเศษกว่าเดิม
ผลที่เห็นชัดที่สุดนั่นก็คือคลายความอ่อนล้า ความเหนื่อยล้าจากการทำข้าวผัดสองจานในตอนเช้าของเขาได้หายไปเพราะข้าวผัดจานนี้ เขารู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งตัวและรู้สึกกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าดื่มกระทิงแดงซะอีก
มันต้องเป็นเพราะข้าวแน่ๆ ฉันจะกินข้าวนี่สามมื้อต่อวันเลย จากนั้นแรงของฉันก็จะได้เพิ่มขึ้น แม็กซ์คิด ในหมู่วัตถุดิบทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรจะล้ำค่าไปกว่าข้าวที่ถูกรดน้ำด้วยน้ำพุแห่งชีวิตอีกแล้ว
“เอมี่ ลูกรู้สึกยังไงบ้างหลังจากที่กินข้าวผัดสายรุ้งนี้เข้าไป ?” แม็กซ์ถามและมองไปที่เอมี่ มีสายเลือดเอลฟ์ครึ่งหนึ่งอยู่ในตัวเธอ แต่ข้าวก็ไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหาอะไร
“หนูรู้สึกว่าข้าวผัดนี้อร่อยมาก !” เอมี่วางชามไว้ที่โต๊ะและแลบลิ้นออกมาเลียเม็ดข้าวที่มุมปากพร้อมกับมองไปที่แม็กซ์ก่อนที่จะพยักหน้า
แม็กซ์แปลกใจแล้วยิ้มออกมา คำตอบของเธอไม่ได้ผิดปกติอะไร เขาจึงถามขึ้นอีกครั้ง “นอกจากรสชาติดีกับหน้าตาที่ดูน่ากินแล้ว ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า ?”
“ร่างกายของหนูเหรอ ?” เอมี่คิดสักพักก่อนจะส่ายหน้า แต่หลังจากนั้นเธอก็พยักหน้า
“ที่ไหน ?” แม็กซ์ลุกขึ้นยืนทันทีและโน้มตัวไปดูเอมี่ด้วยสีหน้ากังวล
“หนู…หนูรู้สึกเหมือนมีไฟเผาอยู่ข้างในตัวหนู มันเคยเป็นมาก่อน แต่ไม่ได้ร้อนเท่ากับตอนนี้ หนูรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เกิดอะไรขึ้นกับหนู ?” เอมี่มองไปที่แม็กซ์ด้วยท่าทีสับสน หน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อยแต่เธอก็ยังดูใจเย็นอยู่
แต่แม็กซ์กลับรู้สึกกลัวขึ้นมา เขาคิดว่าข้าวที่ถูกรดด้วยน้ำพุแห่งชีวิตนั้นน่าจะส่งผลดีต่อเอมี่เพราะเธอเป็นลูกครึ่งเอลฟ์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันกลับส่งผลเสียต่อร่างกายเธอแทน
แม็กซ์มองไปที่ใบหน้าของเอมี่ที่แดงก่ำ เขาคิดอะไรไม่ออก มันไม่เหมือนกับเด็กเป็นไข้ เขาหาวิธีรับมือเรื่องนี้จากความทรงจำของเขาไม่ได้เลย หน้าของเธออยู่ๆก็แดงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นเองเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็จับมือของเอมี่และพูดขึ้นมา “มากับพ่อ เราจะไปที่โบสถ์เกรย์กัน…”
แต่เอมี่นั้นดึงมือกลับและส่ายหน้า “พ่อ หนูเหมือนจะรู้แล้วว่าหนูควรทำยังไง” เธอยกมือขวาขึ้นด้านบนราวกับว่าเธอกำลังจับบางอย่างเอาไว้อยู่
แม็กซ์มองไปที่เอมี่ ด้วยท่าทีสับสน “เอมี่ ลูกจะทำ…”
อยู่ๆก็มีไฟสีม่วงออกมาจากมือของเอมี่และพุ่งขึ้นไปสูงกว่าครึ่งเมตร อุณหภูมิรอบๆเริ่มร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
แม็กซ์ถอยหลังไป 2 ก้าวจนชนเก้าอี้ล้มลง เขามองไปที่ไฟสีม่วงในมือของเอมี่ที่เคลื่อนไหวไปมาก่อนที่ไฟนั้นจะรวมตัวกันและกลายเป็นลูกไฟสีม่วงเล็กๆ
“เอมี่ ลูกเจ็บตรงไหนรึเปล่า ?” แม็กซ์ถามขึ้นทันที ลูกไฟนี้เล็กกว่ามือของเอมี่ซะอีก แต่ความร้อนของมันนั้นน่ากลัวมากและเขารู้สึกได้ถึงอันตรายจากมัน เขาเป็นห่วงเอมี่มากแต่เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้เธอได้เลย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกังวลยิ่งกว่าเดิม
เอมี่ส่ายหน้า หน้าที่แดงของเธอนั้นเริ่มกลับสู่สภาพปกติ เธอมองไปที่ลูกไฟในมือราวกับว่ามันเป็นของเล่นแล้วพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “พ่อหนูไม่เป็นไร ดูที่ลูกไฟนี่สิ ! มันน่ารักดีจัง นี่คือเวทมนต์รึเปล่า ?”
แม็กซ์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเอมี่กลับมาไปเป็นปกติแล้ว ดูเหมือนว่าลูกไฟนั้นจะปรับสมดุลความร้อนในร่างกายของเธอ แต่เมื่อเขามองไปที่ลูกไฟนั้นเขาก็ต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาไม่มั่นใจว่ามันใช่เวทมนต์รึเปล่า ดูๆแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นลูกไฟเวทมนต์ธรรมดาไม่ใช่รึไง ?
เมื่อเอมี่เห็นว่าแม็กซ์หรี่ตาลงเธอจึงรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เธอสะบัดมือพร้อมกับลูกไฟที่ดับลงทันที จากนั้นเธอก็ดึงมือกลับและก้มหน้าลงราวกับว่าเธอได้ทำอะไรบางอย่างผิดไปก่อนจะพูดขึ้น “พ่ออย่าเพิ่งโกรธนะ เอมี่ผิดไปแล้ว หนูจะไม่พูดว่าหนูอยากเรียนเวทมนต์อีก” จากนั้นเธอก็แอบมองแม็กซ์ด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
“อะไรนะ ?” แม็กซ์นิ่งไปทันทีกับท่าทีของเอมี่ แต่ไม่นานเขาก็รู้ว่าทำไมจากความทรงจำที่อยู่ในหัว เพื่อที่จะปกปิดว่าพวกเขาเป็นใครและเพื่อปกป้องเอมี่ แม็กคนเก่าจึงไม่เคยทำตัวโดดเด่นเลยตั้งแต่มาที่เมืองนี้
ตอนที่ออกไปข้างนอก เอมี่จะต้องใส่หมวกเพื่อปกปิดหูของเธอเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ว่าเธอเป็นลูกครึ่งเอลฟ์ ดังนั้นตอนที่เธอพูดออกมาว่าอยากเรียนเวทมนต์ เธอจึงถูกห้ามเอาไว้ว่าอย่ายุ่งเกี่ยวอะไรกับเวทมนต์เด็ดขาด
เมื่อเห็นท่าทีเศร้าสลดของเอมี่ แม็กซ์ก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจขึ้นมา แม็กคนเก่าต้องคอยก้มหัวให้กับทุกอย่างเพื่อให้เอมี่มีชีวิตที่ปกติ เขาเข้าใจว่าแม็กคนเก่านั้นต้องการที่จะปกป้องเธอ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันเป็นวิธีที่ถูกต้อง ธรรมชาติของเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยับยั้งได้ แต่ในสายตาของเขาแล้วการทำแบบนี้ก็ไม่ได้ผิด มันคือการโกหกเพื่อปลอบใจตัวเองสำหรับคนที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ในชีวิตก่อนของเขา เขาเคยอ่านเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ความต้อยต่ำไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือหลังจากที่ชีวิตตกต่ำแล้ว เขายังบอกกับตัวเองว่าชีวิตแบบนี้แหละคือชีวิตที่แท้จริง
ชีวิตของแม็กนั้นห่างจากความธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่เขาต้องการให้เอมี่มีชีวิตที่ธรรมดา ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่แม็กซ์จะยอมรับได้
เธอคือลูกของอัศวินที่เคยแข็งแกร่งที่สุดในหมู่มนุษย์และเจ้าหญิงเอลฟ์ เธออาจจะเป็นอัจฉริยะก็ได้ไม่ใช่รึไง ?
ยังไงซะลูกไฟเวทย์เมื่อสักครู่ก็เป็นสิ่งที่เอมี่สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง จากความทรงจำของเขาแล้ว เขาไม่เคยเห็นลูกไฟแบบนี้มาก่อน
เอมี่ยังคงกุมมือและก้มหัวอยู่ด้วยความกังวล เมื่อแม็กซ์เห็นแบบนั้นเขาก็ใจอ่อนขึ้นมาทันที น่ารักจริงๆ ! แน่นอนว่าเธอสามารถทำทุกอย่างที่เธอต้องการได้ มันเป็นความรับผิดชอบของฉันในการจัดการเรื่องอื่นๆ
“เอมี่เงยหน้าขึ้นแล้วมองมาที่พ่อ” แม็กซ์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม
เอมี่ลังเลอยู่สักพักก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองแม็กซ์ “พ่อ เอมี่จะไม่เรียน…” แม้ว่าพ่อในวันนี้จะดูใจดีมากแต่เธอก็ยังจำใบหน้าที่โกรธเคืองของเขาได้ในตอนที่เธอบอกเขาว่าเธอต้องการเรียนเวทมนต์ เธอไม่ต้องการทำให้พ่อโกรธหรือว่าไม่พอใจ
“ไม่ เอมี่” แม็กซ์ขัดขึ้นพร้อมกับยิ้ม เขามองเข้าไปในตาของเธอแล้วพูดขึ้น “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พ่อจะไม่ห้ามลูกเรื่องการเรียนเวทมนต์อีก เมื่อเราเปิดร้านเราจะหาเงินได้ และพ่อจะส่งลูกไปที่โบสถ์เกรย์เพื่อเรียนรู้เวทย์มนต์”
เอมี่นิ่งไปทันที “จริงเหรอ ?” จากนั้นเธอก็มองไปที่แม็กซ์ด้วยความแปลกใจและสงสัย
“แน่นอน” แม็กซ์พยักหน้า “แต่มันอาจจะใช้เวลาสักหน่อยนะเพราะร้านของเราเพิ่งจะเปิดวันนี้…”
“พ่อใจดีที่สุดเลย ! เอมี่รักพ่อ !” ก่อนที่แม็กซ์จะพูดจบ เอมี่ก็พุ่งลงจากเก้าอี้และกระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของเขาพร้อมกับจูบไปที่ใบหน้าของเขา จากนั้นเธอก็มองแม็กซ์ด้วยสีหน้าจริงจังและพูดขึ้น “เอมี่จะเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งให้ได้และหนูปกป้องพ่อเอง มันเป็นความฝันของหนู”
แม็กซ์มองเข้าไปในตาของเอมี่แล้วพยักหน้า “ดี พ่อมั่นใจว่าเอมี่ทำได้แน่” จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดขึ้น “งั้นเรามาเปิดร้านกันเถอะ ร้านอาหารมามี่นี้คือร้านอาหารของเรา”