Chapter 115 : เจ้าหญิงเอลฟ์
ในถ้ำขนาดใหญ่ มีต้นไม้ที่มีความสูงมากกว่า 100 เมตรเติบโตอยู่ ลำต้นของมันหนาเท่ากับสิบสองคนโอบ กิ่งก้านนับพันเริ่มแตกแขนงออกไปที่ความสูง 50 เมตร กิ่งที่เรียวบางต่างก็ห้อยลงมาเหมือนกับต้นหลิว มันเกือบจะเต็มไปทั่วทั้งถ้ำ
แต่ละกิ่งมีใบไม้รูปหัวใจสีเขียวอยู่นับไม่ถ้วนที่ส่องแสงออกมาในที่มืด มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา กิ่งก้านแกว่งไกวไปมาเล็กน้อยทำให้ถ้ำดูสว่างขึ้นมา
หิ่งห้อยกำลังบินอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้ทำให้ถ้ำมีลักษณะเหมือนกับดินแดนแห่งความฝัน
ใต้ต้นไม้ใหญ่มีหญิงสาวในชุดสีขาวกำลังเงยหน้ามองหิ่งห้อยบนใบไม้ ผมสีเงินของเธอยาวประบ่า ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ ใบหน้าของเธองดงามราวกับภาพวาด เธอมีสัญลักษณ์ดวงจันทร์สีทองอยู่ระหว่างคิ้วของเธอ หูแหลมๆของเธอมีสีขาวและเรียวยาว มันเกือบจะโปร่งแสง เธอกำลังขมวดคิ้วราวกับว่าเธอกำลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่างอยู่
กิ่งก้านต่างก็แหวกทางให้เธอโดยอัตโนมัติเพื่อให้พื้นที่แกเธอ ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังแสดงความเคารพและความรัก
“เจ้าหญิงอิริน่า” เสียงแหลมดังขึ้นมาจากด้านนอกถ้ำ เอลฟ์สาวในชุดสีเขียววิ่งเข้ามาในถ้ำ ดูเหมือนกิ่งก้านจะหยอกล้อกับเธออย่างจงใจด้วยการสัมผัสไปที่ใบหน้าและร่างกายของเธอ เธอวิ่งมาหาอิริน่าและหอบหนักแต่ก็รู้สึกดีใจ
“ถั่วงอก อะไรพาเธอมาที่นี่ ?” อิริน่าถาม สายตาของเธอยังคงมองไปที่หิ่งห้อย
“เจ้าหญิง ท่านบอกว่าท่านจะไม่เรียกฉันแบบนั้นอีกแล้วนะคะ…” ฟิริสทำหน้าตาบูดบึ้งเมื่อเธอมองไปที่อิริน่าที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้แห่งชีวิต ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงจะให้ชื่อเล่นแปลกๆกับพวกเราทุกคน แต่ถั่วงอกก็น่าเกลียดเกินไป…
อิริน่าหันมาหาเธอแล้วพยักหน้าพร้อมกับมองไปที่หน้าอกของเธอ “โอเคถั่วงอก หน้าอกของเธอเล็กลงอีกครั้ง ในอัตรานี้พวกมันจะกลายเป็นที่ราบในที่สุด”
“ฉันยังเด็ก พวกมันยังโตขึ้นได้อีก” ฟิริสพูดด้วยความมั่นใจขณะที่เธอมองดูหน้าอกของเธอ
อิริน่าส่ายหัว “ไม่หรอก พวกมันจะไม่โต ของฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยหลังจากที่ฉันอายุ 18” เธอพูดพร้อมกับมองตาอีกฝ่าย
ฟิริสพยายามต่อสู้เพื่อขับไล่ความโศกเศร้าของเธอแต่ก็ล้มเหลว “ฉันจะไม่สูญเสียศรัทธาในตัวพวกมัน…” เธอพูดพร้อมกับกัดริมฝีปากของเธอ
อิริน่ายิ้ม “ฉันเบื่อดังนั้นร้องไห้ได้เลยถ้าเธอต้องการ”
ฟิริสเงียบลงและมองเธอด้วยสายตาจิกกัด เจ้าหญิงนั้นน่ารำคาญมาก แต่ข้าไม่สามารถทำให้เธอโกรธได้ จากนั้นใบหน้าของเธอก็สว่างขึ้น “เจ้าหญิงฉันมีข่าวดีจากเมืองโรดูมาบอก”
อิริน่าพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “บอกฉันมา” เธอยกคิ้วที่สวยงามของเธอขึ้นและมองไปที่ฟิริส
ฟิริสเข้าใจการแสดงออกแบบนี้เป็นอย่างดี มันหมายความว่าเจ้าหญิงกำลังจริงจัง เธอพูดเบาๆว่า “สแนร์บอกในรายงานลับของเขาว่าเขาค่อนข้างมั่นใจว่าลูกสาวของท่านและเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นขึ้นโดยใช้ความสามารถของเขา เขาบอกว่าเขาจะรายงานท่านให้มากกว่านี้เมื่อเขากลับมา”
อิริน่าพยักหน้า ใบหน้าของเธอนั้นเป็นเหมือนกับหน้ากากที่นิ่งเงียบและไม่ได้คิดอะไร แต่เธอกลับกำหมัดของเธอแน่น ฟิริสกัดริมฝีปากของเธอและรู้สึกลังเล “ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวถ้าเธอไม่ได้มีอะไรจะพูด ฉันไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ในตอนนี้” เจ้าหญิงพูดพร้อมกับโบกมือไล่ฟิริส
“มีอีกเรื่องนึงค่ะ ท่านหญิงเฮเลน่าให้การยืนยันครั้งเมื่อวานนี้ว่าราชินีได้พบกับทายาทคนใหม่และเธอคือท่านหญิงแซลลี่” ฟิริสพูดด้วยท่าทีเป็นกังวล
อิริน่าพยักหน้า “แม่มดแก่นั่นพบกับหญิงสาวที่สวยงามในที่สุด ยัยขี้เกียจนั่นจะตามฉันไปที่ต่างๆเสมอเมื่อเธอยังเด็ก” จากนั้นเสียงของเธอก็เย็นชา “ดูเหมือนว่าเฮเลน่าจะอยากตาย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ว่าถ้าฉันต้องการให้เธอตายก็ไม่มีใครสามารถหยุดฉันได้”
กิ่งก้านของต้นไม้เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงทำให้เกิดเสียงหวีดหวิวราวกับว่าต้นไม้รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเธอ
ฟิริสไม่กล้าพูดอะไรอีก หัวของเธอก้มต่ำ ต้นไม้แห่งชีวิตเชื่อฟังแค่อิริน่ามาตั้งแต่เธออายุ 18 เมื่ออยู่ที่นี่เธอจะไม่มีใครเอาชนะเธอได้
อิริน่าสงบสติอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง “ให้ฉันอยู่คนเดียว” เธอพูดเบาๆ
“ได้ค่ะเจ้าหญิง” ฟิริสพูดและเดินไปที่ทางเข้าอย่างรวดเร็ว กิ่งก้านแหวกออกเพื่อให้เธอเดินผ่านไป จากนั้นประตูหินก็ปิดลงและทุกสิ่งก็เงียบลงอีกครั้ง
เสียงของเธอดังขึ้นทำลายความเงียบ “เอมี่ แม็ก พวกคุณอยู่ที่ไหน ?” กิ่งก้านทั้งหมดยกตัวขึ้นไปข้างบนและหิ่งห้อยนับไม่ถ้วนก็บินลงมารวมกันและวนเวียนอยู่รอบๆตัวอิริน่าเหมือนกับริบบิ้น เธอยืนอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้อย่างเปล่าเปลี่ยว
…
แม็กซ์ตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา
เอมี่และลูกเป็ดขี้เหร่ยังคงนอนหลับสนิท แม็กซ์จูบที่หน้าผากของเอมี่เบาๆและคิดว่า เธอคงจะมีความสุขมากถ้าแม่ของเธอจูบเธอได้
แม็กซ์อยู่กับเธอซักพักก่อนที่เขาจะลงมาที่ชั้นล่างเพื่อเตรียมวัตถุดิบ ยาเบะมิยะมาทำงานก่อนหกโมงเช้าเหมือนกับเมื่อวาน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะหัวหน้า” ยาเบะมิยะพูดกับแม็กด้วยรอยยิ้ม เมื่อวานนี้เธอทำงานมาทั้งวันและตื่นเช้าแต่เธอก็ไม่เหนื่อยเลย
แม็กซ์พยักหน้า “อรุณสวัสดิ์มิยะ เธอไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เร็วนักก็ได้นะ” เขามองแพนเค้กครึ่งชิ้นในมือของเธอ
“ฉันตื่นมาตั้งแต่เช้าดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันควรมาที่นี่เพื่อช่วยคุณ แต่ขอฉันกินข้าวเช้าให้เสร็จก่อนนะคะ” ยาเบะมิยะพูดอย่างอายๆและรีบยัดแพนเค้กที่เหลือเข้าไปในปาก พวกมันบางส่วนติดคอเพราะเธอรีบกลืนมันลงไป เธอไอและใบหน้าของเธอก็กลายเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“รีบมาดื่มน้ำก่อน” แม็กซ์รีบพูดอย่างรวดเร็ว เขาเดินเข้าไปในครัวแล้วเทน้ำหนึ่งแก้วมาให้ยาเบะมิยะที่กำลังไออยู่
“ขอบคุณค่ะ” ยาเบะมิยะรับแก้วน้ำมาแล้วรีบดื่มเข้าไปในทันที ครู่ต่อมาเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกอายเล็กน้อย
“พักก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการความช่วยเหลือของเธอหรอก แต่หลังจากนี้เธออาจจะช่วยชิมรสชาติอาหารจานใหม่ให้ฉันได้” แม็กซ์พูดพร้อมกับยิ้ม เมื่อพิจารณาจากเงินเดือนและอาหารกลางวันฟรีที่เขาเสนอให้ เขาก็นับว่าเป็นเจ้านายที่ดีมากแล้ว เขากำลังคิดว่าจะเพิ่มเงินเดือนและผลประโยชน์บางอย่างให้กับเธอในเดือนหน้า
ยังไงซะหญิงสาวก็ทำงานหนักมาก เมื่อวานนี้รายได้ของเขาเพิ่มขึ้นถึง 30% และภาระงานของเขาก็ลดลงมาก เขาโชคดีมาก เขาคิดว่าเธอทำงานหนักกว่าพนักงานเสิร์ฟสองคนรวมกันซะอีก
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” ยาเบะมิยะอยากช่วยมากแต่เธอก็กลืนคำพูดของเธอกลับลงไปในขณะที่มองดูแผ่นหลังของแม็กซ์ เธอไม่มั่นใจว่าเธอจะช่วยเขาได้ มีแค่หัวหน้าเท่านั้นที่สามารถทำอาหารศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมาได้
เมนูใหม่ ? มันคืออะไร ? เธอมองไปที่แม็กซ์ด้วยความอยากรู้ ข้าวผัดหยางโจวและโร่วเจียหมัวนั้นอร่อยมาก เมนูใหม่นี้จะต้องดีมากเช่นกัน เธอรู้สึกสนใจมาก