Chapter 12 : การเริ่มต้นที่ยากลำบาก
“ได้เลย” เอมี่พยักหน้า เธอกำลังจะกระโดดออกจากอ้อมแขนของแม็กซ์แต่ทันใดนั้นเธอก็หยุดทันที ตาของเธอค่อยๆเบิกกว้างขึ้นและมองเขา “พ่อ พ่ออุ้มเอมี่ได้ด้วยแขนของพ่อแล้ว ! พ่ออุ้มเอมี่ได้ !”
ตาของเธอเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในความทรงจำของเธอ มีแค่บนเตียงเท่านั้นที่เธอจะสามารถหนุนแขนของพ่อได้และเธอก็ไม่เคยถูกเขากอดเลย เธอรู้ว่ามันเป็นเพราะร่างกายของเขา แต่เธอก็ต้องการรับรู้ถึงความรู้สึกของการถูกกอดอยู่เสมอ ใครจะไปคิดว่าความฝันของเธอจะกลายเป็นจริงในวันนี้ ?
แม็กซ์ยิ้มออกมาและบีบจมูกของเธอเบาๆ “ใช่ พ่ออุ้มเอมี่ได้แล้ว พ่ออุ้มลูกขึ้นและกอดลูกได้ด้วย พ่อจะทำทุกอย่างที่ลูกต้องการให้พ่อทำ”
ตอนที่อุ้มเอมี่นั้นเขาเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน แน่นอน ร่างกายคือส่วนที่สำคัญที่สุด ฉันจะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ฉันไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมที่แม้แต่การเดินก็ทำได้ยาก
เอมี่เอาหน้าซบลงที่อกของแม็กซ์แล้วมุดไปมาอย่างออดอ้อนเหมือนกับแมว ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยความดีใจ “พ่อ พ่อดีที่สุดเลย !”
แม็กซ์เพลิดเพลินไปกับเรื่องนี้อยู่สักพัก เขาโล่งใจหลังจากที่รู้ว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับเอมี่หลังจากที่เธอปล่อยไฟออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เอมี่รู้ว่าเขาไม่ได้ว่าเรื่องการใช้เวทมนต์ เธอก็แสดงมันออกมาให้เขาเห็นอีกหลายครั้ง เธอสามารถเสกลูกไฟออกมาตอนไหนก็ได้และเธอก็ทำเพียงแค่คิดเท่านั้น มันไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาเลยสักนิด
แม็กซ์คนเก่าไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับนักเวทย์ แม้แต่เจ้าหญิงเอลฟ์ในความทรงจำของเขาก็ยังลึกลับ แม็กซ์นึกหน้าตาของเธอไม่ออก เขาจำได้แค่คร่าวๆว่าเธอเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง
ดูเหมือนว่าเอมี่จะได้พรสวรรค์มาจากแม่ เธอสามารถเสกลูกไฟออกมาได้ในทันที พรสวรรค์ของเธอน่าจะดีมาก แต่ยังติดอยู่แค่ว่าตอนนี้เธอยังควบคุมมันได้ไม่ดีนัก แม็กซ์คิดพร้อมกับลูกคาง ความกังวลของแม็กคนเก่านั้นถือว่าสำคัญมาก หากเอลฟ์รู้ว่าเอมี่เป็นใคร เขาก็นึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะรักษาเธอเอาไว้ได้หรือว่าเธอจะถูกเอาตัวไป นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับได้เลย
โบสถ์เกรย์จะเป็นตัวเลือกสุดท้าย บางทีฉันอาจจะหานักเวทย์ที่สามารถเชื่อใจได้และลองติดต่อกับเขาดูก่อน แม็กซ์คิด เขาไม่ต้องการให้เอมี่รีบเรียนเกี่ยวกับเวทมนต์ เขาต้องคิดเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนซะก่อน
แม็กซ์หยิบเอาเมนูบนโต๊ะขึ้นมา หนังนั้นเรียบเป็นอย่างมาก เขาเปิดมันออกดู ที่มุมซ้ายมีกระดาษสีเทา เขาพบตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ด้วยสีดำว่า ‘ข้าวผัดหยางโจว 600 เหรียญทองแดงต่อจาน’
รสนิยมของระบบไม่เลวเลย แม็กซ์ปิดเมนูลงด้วยความพอใจ
“พ่อ ร้านของเราจะเปิดวันนี้เหรอ ?” เอมี่ที่ยืนอยู่ข้างๆแม็กซ์ถามขึ้น
“ใช่ เราจะเปิดร้านกันวันนี้ หวังว่าเราจะขายข้าวผัดสายรุ้งได้เยอะๆนะ” แม็กซ์ยิ้มและลูบหัวเอมี่ จากนั้นเขาก็จูงมือเธอเดินไปที่ประตู
แม็กซ์จับที่จับประตูเอาไว้ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วผลักมันออกไปด้านนอก
ระฆังที่ห้อยอยู่ที่ประตูดังขึ้นสองครั้งตอนที่ประตูเปิด แสงอาทิตย์อันอบอุ่นของช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงแผ่มาถึงพวกเขาจนทำให้เกิดเงาทอดเข้าไปที่พื้นร้านด้านใน
แม็กซ์มองไปที่ป้ายที่แขวนอยู่ด้านบน มันมีตัวหนังสือสีดำเขียนเอาไว้ว่า ‘ร้านอาหารมามี่’ เขาพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่ามันจะดีกับการที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
“พ่อ พ่อพูดว่าอะไรนะ ?” เอมี่เงยหน้าขึ้นมองแม็กซ์ด้วยความสับสน
“พ่อแค่บอกว่ามันดีที่พ่อมีลูกไงเอมี่” แม็กซ์มองไปยังเด็กน้อยที่ตัวเตี้ยกว่าเอวของเขาพร้อมกับยิ้มออกมา
“หนูมีพ่อก็ดีเหมือนกัน” เอมี่วิ่งรอบๆตัวแม็กซ์สองรอบ จากนั้นเธอก็ป้องมือไว้ที่ปากแล้วตะโกนไปที่ลาน “ร้านอาหารของเราเปิดแล้ว ! มากินกันได้เลยนะ ! เรามีข้าวผัดสายรุ้งแสนอร่อยด้วยล่ะ”
แม็กซ์มองไปที่สาวน้อยและยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาเองก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขามองไปที่ลานเอเด็น ตอนนี้มันยังเช้าอยู่ ที่นี่จึงยังไม่มีคนเยอะนัก
ไม่ไกลจากทุ่งหญ้านั้นมีออร์คสองตัวกำลังสู้กันอยู่ มนุษย์สองคนที่เหมือนกับนักธุรกิจกำลังพูดคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ เอลฟ์ตัวสูงคนหนึ่งที่มีธนูยาวแขวนไว้ด้านหลังตามมาด้วยโทรลน้อยสองตัว
แม็กซ์มองไปที่พวกนั้นด้วยความแปลกใจ เขาเคยเห็นใบหน้าของทุกเผ่าพันธุ์ในความทรงจำของเขามาแล้ว แต่มันต่างกับการได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
ออร์คที่แข็งแกร่ง ก็อบลิ้น เอลฟ์…มันกลายเป็นจริงขึ้นมา เขารู้สึกจริงๆแล้วว่าเขาได้มายังต่างโลก
มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะมีชีวิตที่สุขสบายและมีความสุขกับเอมี่ แม็กซ์ยกคิ้วแล้วหันกลับไปมองที่ร้านอาหาร เนื่องจากร้านอาหารนี้ตั้งอยู่ในเมืองเคออส มันจึงไม่ได้มีแค่มนุษย์ ยังไงซะเอลฟ์ มังกรและปิศาจก็โด่งดังเรื่องการมีเงิน
ลานเอเด็นตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอนที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมา ตึกรอบๆลานถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบพระจันทร์เสี้ยวล้อมรอบลานวงกลมนี้เอาไว้และเปิดออกทางทิศใต้
ที่ปลายของพระจันทร์เสี้ยวข้างหนึ่งจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ป้อม เขตอันตราย สนามต่อสู้ ร้านเครื่องมือเวทมนต์…มันมีทุกร้านอยู่ที่นี่ ตราบใดที่ร้านพวกนี้มีอยู่ในทวีปนอร์แลน เจ้าของร้านเองก็มีอยู่ทุกเผ่าพันธุ์ เจ้าของร้านเค้กอาจจะเป็นปีศาจลาวาที่อบเค้กขึ้นมาด้วยความร้อนจากมือของตัวเอง
หลังจากที่ทำสัญญาสงบศึกแล้ว เมืองเคออสก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อยกระดับความเป็นมิตรระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในตอนนี้ทวีปได้ถูกแบ่งพื้นที่ออกไปตามเผ่าพันธุ์ต่างๆและมีจุดศูนย์กลางร่วมกันนั่นก็คือเมืองเคออสแห่งนี้ มันไม่เกินไปเลยที่จะพูดว่าที่นี่คือใจกลางของทวีป
เพราะเมืองเคออสคือเมืองชายแดนของของทุกเผ่าพันธุ์ มันมีประตู 8 บานที่เป็นทางเข้าไปสู่ดินแดนต่างๆ
ออร์ค มนุษย์ เอลฟ์ ก็อบลิ้น ปิศาจ คนแคระ…และมังกรที่เริ่มปรากฏตัวขึ้นและมาอยู่ในเมืองแห่งนี้ เพราะความหลากหลายนี้เองจึงกลายมาเป็นที่มาของชื่อเมือง
หลังจากที่เกิดความวุ่นวายในตอนเริ่มต้น องค์กรลับที่ชื่อว่าโบสถ์เกรย์ก็ปรากฏขึ้นมาในเมืองและเริ่มรักษาระเบียบของที่นี่ ในเวลาเดียวกันมันก็ค่อยๆเปลี่ยนเมืองให้มีขนาดและรูปแบบอย่างในวันนี้ คนในชุดเทาที่เดินไปมาอยู่ในที่มืดคือฝ่ายกฎหมายของเมืองนี้
ร้านอาหารของแม็กซ์นั้นตั้งอยู่ที่ปลายของพระจันทร์เสี้ยว มันเป็นร้านสุดท้ายของลานเอเด็น
เนื่องจากทางเข้าลานนั้นอยู่ที่ปลายอีกด้าน คนจึงไม่ค่อยมาที่นี่กันเท่าไหร่ ข้างๆร้านของเขาเป็นร้านอาวุธซึ่งมีคนแคระเป็นเจ้าของ ไกลออกไปมีหลายร้านที่ติดป้ายเอาว่าให้เช่า จากนั้นก็เป็นร้านขายน้ำยาเวทมนต์ที่ประตูของร้านนั้นมีกรงนกสองกรงแขวนเอาไว้ มันมีนกแก้วสองตัวที่ยังคงหลับอยู่ในนั้น
สามารถบอกได้ว่าบริเวณนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้ามามากนัก เมื่อคิดถึงโอกาสที่ลูกค้าจะมาสนใจที่นี่และสั่งข้าวผัดหยางโจวที่มีราคาถึง 600 เหรียญทองแดง แม็กซ์ก็รู้สึกว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ยากจริงๆ