Chapter 133 : ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอ
แบรนลี่เคยได้รับการเคารพนับถือจากนักเวทรุ่นใหม่หลายคน แต่ในวันนี้ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการต่อสู้ระหว่างครัสซูและอูเรี่ยน
นักเวทย์ระยะไกลและนักเวทย์ระยะประชิด นักเวทย์ถูกแบ่งออกเป็นสองสายที่แตกต่างกันก็เพราะพวกเขา การต่อสู้ระหว่างพวกเขาถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าจับตามอง
น่าเสียดายที่อูเรี่ยนหายตัวไปเมื่อ 20 ปีก่อนซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับใครหลายๆคนเพราะว่าพวกเขาจะไม่สามารถดูการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของทั้งคู่ได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามวันนี้แบรนลี่เกือบจะแน่ใจแล้วว่าน้ำแข็งและไฟได้กลับมาพบกันอีกครั้งตามคำบอกเล่าของบาร์เซล เขาแปลกใจที่พบว่าทั้งคู่มาที่เมืองเคออสแห่งนี้และการต่อสู้ของพวกเขาก็ใช้เวลาไม่นาน
และพวกเขาก็เข้าไปในร้านอาหารเดียวกันหลังจากที่ต่อสู้เสร็จ ?
แบรนลี่หยุดไปครู่หนึ่งแล้วหันไปหาบาร์เซล “การต่อสู้เริ่มขึ้นได้ยังไง ?”
“ฉันคิดว่าพวกเขาต่อสู้กันเพราะอาหารที่เรียกว่าพุดดิ้งเต้าหู้เมื่อพิจารณาจากคำพูดของพวกเขา” บาร์เซลตอบด้วยสีหน้าแปลกๆ “และพวกเขาก็รับลูกสาวของเจ้าของร้านอาหารเป็นลูกศิษย์”
“เป็นไปไม่ได้ !” ชายชราอุทานเสียงดังจนทำให้ลูกน้องของเขาตกใจ เขาส่ายหัวและลดเสียงของเขาลง “พระเจ้าแห่งน้ำแข็งจะไม่ยอมมีลูกศิษย์ร่วมกันกับพระเจ้าแห่งไฟ” บาร์เซลเห็นความประหลาดใจอยู่ในสายตาของเขา
“แต่ผมเห็นมันด้วยตาของผมเอง ถ้าพวกเขาเป็นคนที่คุณพูดถึงจริงๆ” บาร์เซลพูดและรู้สึกสงสัยว่าทำไมแบรนลี่ถึงสูญเสียความใจเย็นไปอย่างกะทันหัน
ชายชราสงบสติลงอย่างรวดเร็ว “ไป.กันเถอะ แม้แต่ท่านผู้นำของวิหารสีเทาก็ยังต้องปฏิบัติต่อทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกันถ้าหากว่าฉันคิดถูก เหตุการณ์นี้มีระดับสูงกว่าความรับผิดชอบของเรา ซ่อมแซมลานเอเดนในวันพรุ่งนี้ อย่าพูดถึงสิ่งที่เราพูดคุยกันวันนี้
บาร์เซลพยักหน้า “ได้ครับ” จากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกับคนของเขา
แบรนลี่มองไปที่ร้านอาหารและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาสะบัดเสื้อคลุมของเขาแล้วเดินไปที่ประตูอย่างประหม่าและคาดหวังเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะได้พบกับไอดอลของเธอ
ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียง “ติ๊ง” แสดงให้เขาเห็นว่าห้องอาหารนั้นเกือบจะเต็มแล้ว
เขามองไปรอบๆและหยุดมองที่โต๊ะสองตัวที่อยู่ใกล้ๆกับเคาน์เตอร์
โต๊ะหนึ่งมีชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีขาวและมีหนวดเคราสั้นสีขาวนั่งอยู่ ส่วนอีกโต๊ะหนึ่งเป็นคนหลังค่อมที่สวมเสื้อคลุมสีดำ ไม่มีใครนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขา
มันต้องเป็นพวกเขาแน่ๆ แบรนลี่หยุดเดินและมองดูแผ่นหลังของพวกเขา ความชื้นปรากฏขึ้นมาน้อยๆที่หางตาของเขา
พวกเขาเป็นตัวแทนของยุคแห่งเวทมนต์ ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะได้เห็นพวกเขากินอาหารด้วยกันถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันก็ตาม ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้แน่
จากนั้นเขาก็สำรวจดูเอมี่ เด็กผู้หญิงครึ่งเอลฟ์ เขานั่งลงและสั่งอะไรบางอย่างสุ่มๆจากเมนู
…
ซาเจราสเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับคีลและมอนด์ “อรุณสวัสดิ์มิยะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม
ยาเบะมิยะยิ้มและพยักหน้า “สวัสดีตอนเช้าค่ะ โร่วเจียหมัวใช่มั้ยคะ ?”
ตอนนี้เธอรู้จักซาเจราสแล้ว หัวล้านๆและรอยแตกลาวาของเขาดูน่ากลัว แต่เธอก็พบว่าเขาเป็นคนดี เขายิ้มอยู่เสมอและกินแต่โร่วเจียหมัวเท่านั้น
ซาเจราสพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ห้าอันสำหรับฉันและสามอันสำหรับพวกเขาแต่ละคน”
พนักงานเสิร์ฟสาวพยักหน้า “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” จากนั้นเธอก็เดินไปที่ห้องครัว
ร้านอาหารเกือบจะเต็มแล้วและมีแค่โต๊ะข้างประตูเท่านั้นที่ว่าง – โต๊ะประจำของซาเจราส
“ฉันชอบรอยยิ้มของเธอ” คีลพูดพร้อมกับยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาแบบนี้
มอนด์พยักหน้าเห็นด้วย “และเธอก็สวยมาก เธอดูดีกว่าคนอื่นๆในเผ่าของเรา” เขาคว้าเก้าอี้และกำลังจะนั่งลง “พวกเขาก็มีเก้าอี้นี่ ทำไมคุณถึงเอามันมาเองล่ะ ?” เขาถามอย่างสงสัยพร้อมกับมองไปที่เก้าอี้ในมือของซาเจราส
“นายจะเห็นว่าทำไมในอีกไม่นาน” ซาเจราวพูดพร้อมกับยิ้มอย่างลึกลับ “ยืนขึ้นเมื่อพวกนายกิน พวกนายคงไม่อยากทำลายอะไรที่นี่” เขาเตือนอย่างจริงจัง
“ได้ครับ” คีลและมอนด์ไม่เข้าใจแต่พวกเขาก็ไม่ได้ถาม พวกเขาเพียงแค่ต้องเชื่อฟังสิ่งที่ซาเจราสบอกกับพวกเขาเท่านั้นเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน
ลูกค้าบางคนที่อยู่ใกล้ๆขยับออกห่างจากพวกเขาด้วยความลนลานในขณะที่พวกเขามองดูปีศาจทั้งสามคนนั่งลง ลูกค้าประจำหลายคนเคยเห็นซาเจราสบ่อยๆและไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจอะไร พวกเขารู้ว่าปีศาจมาที่นี่อย่างน้อยวันละสองครั้งและมักจะนั่งที่โต๊ะเดิมอยู่เสมอและพวกเขาก็รู้ดีถึงเปลวไฟที่น่าทึ่งของเขา
เขาไม่ได้ทะเลาะกับใครเลยอย่างน้อยก็เมื่ออยู่ในร้านนี้
“เบาเสียงลงเมื่ออยู่ในร้านอาหารนะหัวล้านใหญ่” เสียงพูดของเด็กดังขึ้นมาจากทางเคาน์เตอร์ ร้านอาหารเงียบลงในทันที หลายคนหันมามองซาเจราสรวมถึงครัสซูและอูเรี่ยน
ใบหน้าของคีลคล้ำลงและเขากำลังจะลุกขึ้นยืน “ใคร –”
“ไม่ !” ซาเจราสปิดปากของเขาอย่างรวดเร็ว เขายิ้มให้เอมี่แล้วพูดว่า “ฉันจะพูดให้เบาลงนะ”
เอมี่กำลังอุ้มลูกเป็ดขี้เหร่เอาไว้ในอ้อมแขนของเธอ เมื่อเธอมองเห็นปีศาจอีกสองคนดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้น “หัวล้านเบอร์ 2 และเบอร์ 3 !”
ซาเจราสโคลงหัวของเขา “เป็นชื่อเล่นที่ดี”
เอมี่พยักหน้าอย่างมีความสุข “ฉันรู้ มันดีใช่มั้ยล่ะ ?” หัวล้านทั้งสามนั้นเหมือนกับหลอดไฟสามดวง
ซาเจราสปล่อยมือออก “นายคิดว่ากะโหลกของนายหนากว่ามังกรนั่นมั้ย ?”
ตาของคีลเบิกกว้างและเขาก็กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว เขาแอบมองไปที่เอมี่ที่กำลังเล่นกับแมวและนกอยู่ “หัวหน้า นั่นคือลูกสาวของเจ้าของร้านที่คุณพูดถึงเหรอ ?” เขากระซิบ
ซาเจราสพยักหน้า “ใช่ และตอนนี้เธอก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของนักเวทย์” แม้แต่เขาก็ต้องพูดกับเธออย่างสุภาพ
มอนด์กลืนน้ำลาย “ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอ นั่นคือการฆ่าตัวตาย”
แม็กซ์ได้ยินเสียงของซาเจราสและรู้สึกแปลกใจที่พบกับปีศาจสามคนนั่งอยู่เมื่อเขาหันมามอง ดูเหมือนว่าเขาจะพาเพื่อนมาที่นี่กับเขาด้วย ตอนนี้มันเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะก่อตั้งกองทัพเพลิงโลกันตร์ของพวกเขาขึ้นมา