Chapter 135 : พวกเราลักพาตัวพ่อครัวไปดีมั้ย ?
อูเรี่ยนรู้สึกแปลกใจเมื่อเขานำถุงกระดาษมาที่ปากของเขาแล้วพบว่ามันว่างเปล่าไปแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วถอนหายใจยาวออกมาด้วยความผ่อนคลาย
มันรู้สึกดีราวกับว่าเขาได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เด็กอีกแล้ว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นของชายชราคนนี้ หลังที่ค่อมของเขาดูเหมือนว่าจะโค้งลงมาน้อยกว่าเดิมและเขารู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกายราวกับว่าเขากำลังอาบแดดอยู่
ผู้คนต่างก็รู้จักเขาในตอนที่เขากลายเป็นพระเจ้าแห่งน้ำแข็งแล้วเท่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าขาของเขาได้รับบาดเจ็บหลังจากที่เขาอายุ 30 และหลังของเขาเริ่มโค้งงอหลังจากที่เขาอายุ 40 มันเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ระมัดระวังเมื่อเขาเริ่มฝึกฝนเวทมนต์น้ำแข็งในตอนที่ยังเด็ก ร่างกายของเขาเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาและมากขึ้นเรื่อยๆ
โร่วเจียหมัวนี้ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกดีขึ้นถึงแม้ว่ามันจะไม่มากก็ตาม เขาหวังว่ามันจะร้อนขึ้นอีก
เขาเคยสัมผัสกับหมอกแห่งความบ้าคลั่งมาก่อนและเคยไปที่เกาะแห่งความบ้าคลั่งมาแล้ว มันมีผลคล้ายกันกับหมอกแห่งความบ้าคลั่ง ไม่ มันดีกว่า มันไม่ได้สร้างความเสียหายกับสมองและนำความโหดเหี้ยมที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจออกมา
ฉันคิดว่ามันมีผลกระทบกับมนุษย์แค่เล็กน้อยและน้อยมากสำหรับเอลฟ์ แต่มันจะมีผลอย่างมากกับออร์คและปีศาจ และอาจจะทำให้พวกมันมีพลังเพิ่มมากขึ้น
ผู้คนอาจจะเสพติดเมนูนี้
ทันใดนั้นห้องอาหารก็มีไฟลุกโชนขึ้นมาใกล้ๆกับประตูและมีเสียงตะโกนและเสียงคำรามดังขึ้นมา
อูเรี่ยนหันหลังกลับไปมอง ร่างกายของปีศาจลาวาทั้งสามคนลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิง ลาวาสีแดงไหลเวียนอยู่ในรอยแตก เปลวไฟของพวกเขาทำให้ร้านอาหารสว่างขึ้นและมีอุณหภูมิสูงขึ้น พวกเขาดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
อูเรี่ยนหันกลับมามองแม็กซ์และเอมี่ที่กำลังมองปีศาจทั้งสามด้วยความแปลกใจ แม็กซ์เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง มันยากที่จะเชื่อว่าอัจฉริยะแบบนี้มีชีวิตอยู่อย่างน่าสังเวชถึงสี่ปี เขากำลังฝึกฝนทักษะหรือว่ากำลังซ่อนตัวอยู่ ? เป็นผู้ชายที่น่าสนใจจริงๆ จากนั้นเขาก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ฉันไม่สนใจว่าเขาจะลึกลับมากแค่ไหน ตราบใดที่เขาเป็นพ่อของเอมี่และเป็นพ่อครัวที่ดีมันก็พอแล้ว
ลูกค้าที่อยู่นั่งอยู่ใกล้กับประตูขยับออกห่างจากปีศาจทั้งสาม พวกเขารู้สึกสับสน เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมอยู่ๆพวกเขาถึงเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ? พวกเขาไม่ชอบอาหารของที่นี่เหรอ ?
บนทวีปนี้มีปีศาจอยู่หลายชนิดและส่วนใหญ่ก็มักจะบ้าการต่อสู้ ครึ่งหนึ่งของความขัดแย้งและการต่อสู้กันในเมืองเคออสนั้นมีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นลูกค้าใหม่จำนวนมากจึงรู้สึกหวาดกลัว
ลูกค้าบางคนหยุดเดินทันทีเมื่อเห็นเปลวไฟจากด้านนอกประตู พวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าวในทันที
ลูกค้าประจำหลายคนเคยเห็นซาเจราสและไฟของเขาอยู่บ่อยๆดังนั้นมันจึงไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับพวกเขาอีก
ซาเจราสกำลังนั่งอย่างใจเย็นอยู่บนเก้าอี้เหล็กของเขาพร้อมกับกินโร่วเจียหมัวและรับรู้ถึงเลือดของเขาที่กำลังทำลายคอขวดนั้น เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขากำลังส่งเสียงเชียร์ ร่าเริงและหลงใหล
เขายิ้มเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองคีลและมอนด์ที่ยืนแข็งค้างอยู่ข้างๆเขา เขาพูดถูก โร่วเจียหมัวมีผลกับปีศาจลาวาทุกคน
การไม่สามารถทะลวงผ่านคอขวดของพวกเขาเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ปีศาจลาวาอ่อนแอลงในช่วงพันปีที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทะลวงผ่านคอขวดแรกไปสำหรับคนที่มีสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์พอ
ซาเจราสทะลวงผ่านคอขวดมาสามครั้งแล้ว และทั้งคู่ก็เป็นอัจฉริยะและปีศาจลาวาที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งคีลและมอนด์ต่างก็ทะลวงผ่านคอขวดแรกมาได้ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่าเป็นกำลังหลักของนักสู้ปีศาจลาวาแล้ว
“ฉันกำลัง…เผาไหม้…” คีลพูดอย่างตกใจ ไขมันของเขากำลังสั่นและเลือดของเขาก็ไหลเวียนอย่างรวดเร็วเหมือนกับม้าที่กำลังวิ่ง
เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะว่าเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
สิ่งที่ดีนั่นก็คือเขาสามารถสัมผัสได้ว่าคอขวดที่ขัดขวางเขามานานกำลังสั่นคลอนอย่างชัดเจน ! คอขวดนั้นเป็นเหมือนกับเรือลำเล็กๆท่ามกลางทะเลเลือดที่บ้าคลั่งอย่างไม่หยุดหย่อน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการกินโร่วเจียหมัว !
คีลยกมือขึ้น ถุงกระดาษเริ่มไหม้แล้ว เขารีบเอาถุงกระดาษออกแล้วยัดโร่วเจียหมัวที่เหลือเข้าไปในปาก
“มันดีจริงๆ !” คีลพูด ‘ดี’ เป็นคำเดียวที่เขาสามารถอธิบายอาหารนี้ได้ในตอนนี้ เขารู้สึกว่าการกินโร่วเจียหมัวเป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันเสียใจไปตลอดชีวิต
“หัวหน้า ผมรู้ว่าคุณจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง !” มอนด์พูดอย่างตื่นเต้น เขาดันโร่วเจียหมัวเข้าไปในปากของเขาแล้วเคี้ยวอย่างมีความสุข
เป็นเวลากว่าพันปีแล้วที่เหล่าปีศาจลาวาเดินทางไปทั่วทั้งทวีปเพื่อแสวงหาหนทางที่จะทะลวงคอขวด
ดังนั้นเมื่อซาเจราสบอกกับพวกเขาในจดหมายว่าเขาได้พบกับหนทางทั้งเผ่าที่มีเหลือแค่คนเก่า คนอ่อนแอ เด็กและนักสู้ที่ทีเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาในทันที คีลและมอนด์ถูกส่งมาที่เมืองเคออสในคืนที่พวกเขาได้รับจดหมาย พวกเขาเดินทางมาตลอดทั้งวันทั้งคืนและสงสัยว่าวิธีมหัศจรรย์นั้นคืออะไร จนพวกเขาได้มาพบกับอาหารที่ถูกเรียกว่าโร่วเจียหมัว
มันเป็นวิธีที่มหัศจรรย์จริงๆ
พวกเขาสามารถทะลวงคอขวดของพวกเขาได้โดยการกินโร่วเจียหมัว พวกเขาไม่สามารถหาวิธีที่ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
เมนูนี้เป็นสวรรค์สำหรับพวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบวิธีการทะลวงคอขวดในร้านอาหารแห่งนี้หลังจากที่ค้นหากันมากว่าพันปี
“อ๊าา !” คีลคำรามในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น เปลวไฟสีแดงทองสูงครึ่งเมตรพุ่งออกมาจากปากของเขาและหายไปในทันที เปลวไฟสีแดงเหนือร่างของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีทองเล็กน้อย เขาดูเปลี่ยนไป
“นายทะลวงผ่านแล้วคีล !” มอนด์พูดด้วยความประหลาดใจและรู้สึกอิจฉา คีลได้ทะลวงคอขวดแรกก่อนหน้ามอนด์และตอนนี้เขาก็นำหน้าไปอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ! ฉันทะลวงผ่าน !” คีลมองเปลวไฟสีแดงทองบนฝ่ามือของเขาและต้องการที่จะโยนระเบิดเพลิงออกไป
ซาเจราสรีบลุกขึ้นยืนในทันทีแล้วตบหัวของคีล “หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้โง่ ! เราจะไม่สามารถมากินที่นี่ได้อีกและนายอาจจะทำให้พวกเราทุกคนถูกฆ่า”
คีลรีบลดมือของเขาลงอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว “ขอโทษครับหัวหน้า !” จากนั้นเขาก็มองไปที่ห้องครัวแล้วโน้มตัวเข้าไปหาซาเจราส “หัวหน้า พวกเราลักพาตัวพ่อครัวไปดีมั้ยครับ ?” เขากระซิบ