Chapter 145 : บางทีพวกเขาอาจจะใส่ยาลงไปในอาหาร
แม็กซ์ดูอยู่ห้ารอบก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปทำงานในครัว
นักเต้นคนใหม่นี้ทำให้คนเก่าเป็นเหมือนกับเรื่องตลกไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังสอนอย่างเป็นระบบและคอยติดตามความก้าวหน้าอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถออกมาแก้ไขท่าเต้นของพวกเธอได้ แต่เธอก็ไม่ได้ลดความเป็นนักเต้นมืออาชีพลงเลย
ยาเบะมิยะย้ายโต๊ะสองตัวไปไว้ด้านข้างเพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับพวกเธอที่จะเต้นต่อและดึงมู่ลี่มาบังสายตาด้านนอกเอาไว้
เธอดูเขินอายเล็กน้อยที่จะเต้นต่อหน้าแม็กซ์ในตอนแรก แต่สายตาที่เขามองเธอนั้นอ่อนโยนเหมือนกับที่เขามองลูกสาวของเขา เธอเริ่มชินกับมันอย่างรวดเร็วและให้ความสนใจไปกับการเต้น
การกระทำของพวกเธอติดเชื้อไปถึงลูกแมวด้วย มันกระโดดและวิ่งไปมาด้วยความเต็มใจมากกว่าตอนที่ถูกบังคับให้วิ่ง
ชีวิตเป็นมากกว่าแค่การทำงาน แม็กซ์คิดในขณะที่เขามองดูยาเบะมิยะที่กำลังพยายามเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเอลฟ์ตัวน้อย เขายิ้ม หวังว่าเธอจะเดินออกมาจากอดีตของเธอได้และพบกับความสุขที่นี่
ตอนมื้อกลางวันแม็กซ์ทำข้าวผัดหยางโจวและสับเนื้อตุ๋นชิ้นให้กับลูกเป็ดขี้เหร่
แม็กซ์กังวลว่าลูกแมวอาจจะไม่ชอบอาหาร แต่มันกลับดมกลิ่นอย่างมีความสุขและมุดหัวลงไปในถ้วยแล้วกินอย่างตะกละตะกราม
แมวสีส้มมักจะโลภมาก แม็กซ์คิดและเริ่มกิน
“พ่อคะ การเต้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก” เอมี่พูดอย่างร่าเริงแล้วกัดโร่วเจียหมัวเข้าไปคำใหญ่ “หนูอยากเรียนเพิ่มอีกในตอนบ่าย”
ยาเบะมิยะเองก็มองมาที่แม็กซ์เช่นเดียวกันในขณะที่ในมือของเธอถือโร่วเจียหมัวเอาไว้ ใบหน้าของเธอยังคงแดงจากการเต้นเป็นเวลาสองชั่วโมง เธออาจจะดูเหนื่อยเล็กน้อย แต่เธอก็รู้สึกดีมาก
แม็กซ์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน แต่หนูต้องรอจนกว่าลูกค้าทั้งหมดจะกลับไปก่อนนะ พวกเขาไม่ชอบที่จะถูกรบกวนในขณะที่กินอาหาร” เขาตอบรับ เอมี่จะเริ่มเรียนกับครัสซูในวันพรุ่งนี้
“ขอบคุณค่ะพ่อ !” เอมี่พูดอย่างมีความสุข
ยาเบะมิยะยิ้ม หางสีทองของเธอส่ายไปมาด้วยความตื่นเต้น
แม็กซ์กัดโร่วเจียหมัวของเขา เธอจะเรียนกับครัสซูสามวันจากนั้นก็เรียนกับอูเรี่ยนอีกสามวันแล้วพักหนึ่งวัน
เอมี่จะกินอาหารของเธอในร้านและมีเวลาพักในช่วงเวลาอาหารกลางวัน แม็กซ์ชอบวิธีการสอนแบบนี้
เขาไม่กังวลว่าครูของเธอจะเข้มงวดเกินไปและไม่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเรียนเวทมนต์เนื่องจากชายชราทั้งสองคนต่างก็กำลังมองหาโอกาสที่จะวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งกันและกัน
“เหมียว เหมียว…”
ลูกเป็ดขี้เหร่กินอาหารเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว มันเลียริมฝีปากที่มันเยิ้มและเงยหน้าขึ้นไปมองแม็กซ์และร้องออกมาด้วยความไม่ค่อยพอใจ
แม็กซ์เริ่มจะเป็นที่ชื่นชอบของมันหลังจากที่เขาทำอาหารให้มัน
เอมี่หันไปหาลูกแมวด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะให้แกกินอาหารจากจานของฉันถ้าแกต้องการ”
ลูกเป็ดขี้เหร่เงยหน้าขึ้นมามองเอมี่อย่างไม่อยากเชื่อ
เอมี่พูดต่อ “ยิ่งแกกินมากเท่าไหร่แกก็ยิ่งโตเร็วขึ้นมากเท่านั้น แล้วจากนั้น…”
ลูกแมวรีบถอยห่างจากเธอในทันทีและส่ายหัว
แม็กซ์มองดูถ้วยเปล่าทั้งสองถ้วย มันควรจะพอสำหรับแมวตัวเล็กๆ ความอยากอาหารของมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ มันจะอ้วนถ้าหากว่ามันไม่มีอะไรทำ
โชคดีที่เรามีเอมี่
หลังกินอาหารกลางวันกันเสร็จยาเบะมิยะก็เช็ดโต๊ะ แม็กซ์มองดูเวลาแล้วเดินไปเปิดมู่ลี่ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
แถวนั้นยาวไปถึงแถบสีเขียวในลานเอเดน แม็กซ์คิดว่าน่าจะมีคนต่อแถวอยู่มากกว่า 100 คน
ทุกคนต่างก็ยืนรออยู่ในแถว มีทั้งปีศาจ มนุษย์ คนแคระ ออร์คและเอลฟ์ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
บางคนอยากจะเคาะประตูแต่เมื่อพวกเขาเห็นออร์คที่น่ากลัวและผู้คนจากวิหารสีเทาที่ยืนรออยู่อย่างอดทนในแถวพวกเขาก็ตัดสินใจว่าไม่เคาะคงจะดีกว่า
เจ้าของร้านอาหารหลายแห่งมารวมตัวกันและมองดูคนเหล่านี้
“ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในลานเอเดนมาก่อน ! มันน่าทึ่งมาก !” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้พูดขึ้น
“เห็นด้วยเลย นอกจากนี้ร้านนั้นก็เพิ่งจะเปิดมาได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น ! แต่พวกเราเปิดร้านที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว !” ชายหัวล้านพูดพร้อมกับเกาหัวล้านของเขาด้วยความสับสน
“แค่คิดนะ เป็นไปได้มั้ยว่าพวกเขาจะใส่ยาลงไปในอาหาร ?” ชายชราร่างผอมพูดในขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา
“คุณอาจจะคิดถูกก็ได้ ลูกค้าของพวกเขาดูแปลกๆเมื่อพวกเขาออกมา” หญิงชราพูดขึ้น “มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินมาหาฉันในตอนเช้าพร้อมกับขนมปังในถุงแล้วเธอก็ส่งเสียงครวญครางออกมาเมื่อเธอกินขนมปังชิ้นนั้นเข้าไป ! ฉันคิดว่าพวกเขาใส่ยาลงไปในอาหาร”
“เราควรรายงานเรื่องนี้กับวิหารสีเทา !”
“แน่นอน !” พวกเขาสูญเสียลูกค้าจำนวนมากไปแล้ว
“ไม่อยากจะเชื่อเลย พวกคุณนี่มันเลวจริงๆ หยุดแทงข้างหลังคนอื่นแล้วไปดูด้วยตัวเองว่าพวกเขานำเสนออะไร” ชายร่างอ้วนพูดแล้วเบ้ปาก เขาถอดผ้ากันเปื้อนของเขาแล้วโยนมันลงบนป้ายโฆษณาหน้าร้านแล้วเดินไปหาพวกเขา “ฉันเองก็เห็นเด็กสาวเมื่อเช้านี้ เธอกำลังเพลิดเพลินกับอาหารของเธอ นั่นไม่ชัดเจนพอเหรอ ?”