Chapter 326 : การประชุมโต๊ะกลม
ทางตะวันตกของพระราชวังอันยิ่งใหญ่ของเมืองโรดูมีหอคอยนักเวทเก้าชั้นตั้งอยู่
ของพระ
ทั้งหอคอยดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาเป็นหนึ่งเดียวกันและตั้งอยู่บนพื้นดินเหมือนกับสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ ในเวลากลางคืนจะมีแสงสีเงินส่องออกมาจากหอคอย เน้นสถานะว่ามันเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในเมืองโรดูและเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สําหรับนักเวททั้งหมดในทวีปนอร์แลยด์
ในตอนนี้ที่ชั้นบนสุดของหอคอยนักเวทมีนักเวทอาวุโส 10 คนนั่งอยู่รอบโต๊ะกลมภายในห้องประชุม พวกเขามารวมตัวกันเพื่อทําการประชุมโต๊ะกลมประจําเดือนของหอคอยนักเวท
มีแค่ผู้อาวุโสของหอคอยนักเวทเท่านั้นที่จะเข้าร่วมการประชุมนี้ได้ มีเก้าอี้ว่างอยู่ที่มุมหนึ่งทําให้เกิดภาพที่น่าอึดอัดเล็กน้อย
ชายสูงอายุที่มีผมสีขาวและเคราสีดํานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ “นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในเดือนนี้ การต่อสู้ที่แนวรบด้านตะวันตกเฉียงใต้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยและในตอนนี้พวกเขายังไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหอคอยนักเวท นอกจากนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้พวกมังกรที่ชั่วร้ายก็มีการเคลื่อนไหวน้อยลงประชาชนจึงค่อนข้างปลอดภัยและไม่จําเป็นต้องกําจัดมังกรที่ชั่วร้ายพวกนี้ในทันที” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าเล็กน้อย
ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของหอคอยนักเวท ริชาร์ดเป็นประธานในการประชุมโต๊ะกลมนี้มานานกว่าสี่สิบแล้ว
ผู้อาวุโสทุกคนพยักหน้าด้วยความโล่งใจ นี่หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องรีบจัดการกับมังกรที่ชั่วร้ายในอนาคตอันใกล้ เมื่อพูดถึงอายุของพวกเขาไม่มีใครที่อยากจะเดินทางถึงแม้ว่าพวกเขาจะเดินทางด้วยกริฟฟินได้ก็ตาม
มีนักเวทร่างอ้วนที่สวมชุดคลุมนักเวทที่ตั้งราวกับจะปริขาดอยู่คนหนึ่ง ชื่อของเขาคือเบรนท์ และเขายิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันในขณะที่เขาพูด “ฉันได้ยินมาว่าครัสซูเพิ่งจะรับลูกศิษย์ที่เมืองเคออสและดูเหมือนว่าเธอจะเป็นสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ใช่มั้ย? ตาแก่นั่นคัดเลือกลูกศิษย์มาหลายสิบปีแล้วและในที่สุดขาก็ยอมแพ้และตัดสินที่จะใครบางคนสินะ?”
“มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ ยังจําอูเรี่ยนที่หายตัวไปได้มั้ย? ฉันได้ยินมาว่าสองคนนั้นต่อสู้กันในเมืองเคออสเพื่อแย่งลูกศิษย์และในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็ตัดสินใจรับเธอเป็นลูกศิษย์ร่วมกัน”
“โอ้? มันเป็นเรื่องจริงเหรอ? ตาแก่สองคนนั้นต่อสู้กันมาเกือบ 100 ปีแล้วและไม่มีใค รยอมใคร แต่พวกเขากลับยอมที่จะมีลูกศิษย์คนเดียวกันในตอนแก่เนี่ยนะ? แล้วยังเป็นสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ด้วย?”
“ไม่ใช่ว่าพวกลูกครึ่งทุกคนมีความสามารถแค่ระดับกลางเหรอ? นอกจากนี้เวทมนตร์ของพวกเขาก็อยู่บนจุดสูงสุดของทั้งการต่อสู้ระยะประชิดและระยะไกล แต่นี่กลับมีใครบางคนได้เรียนจากพวกเขาทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน พวกเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!”
ทุกคนเริ่มถกเถียงกันเมื่อได้ยินเรื่องนี้ การที่พวกเขามานั่งที่โต๊ะกลมนี้ได้ก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ที่จุดสุดยอดของโลกเวทมนตร์ในจักรวรรดิรอท ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่นักเวทระดับ 10 แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นนักเวทระดับ 9 ที่เก่งที่สุด
เพราะงั้นพวกเขาทุกคนจึงรู้จักครัสซูและอูเรี่ยน รวมถึงการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงระหว่างไฟและน้ำแข็งด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งคู่จะยอมมีลูกศิษย์คนเดียวกัน
ถ้ามีใครบางคนได้เรียนกับพวกเขาทั้งคู่คน ๆ นั้นจะต้องเป็นเจ้าหญิงเอลฟ์ที่ทําให้ทั้งทวีปนอร์แลนด์ตกตะลึงเมื่อสิบปีก่อน พรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งที่ไม่จําเป็นต้องพูดถึงเมื่อพูดถึงเธอ มีแค่คนอย่างเธอเท่านั้นที่จะควบคุมอาวุธเพลิงและเวทมนตร์น้ำแข็งได้อย่างดี รวมถึงเวทมนตร์ระยะประชิดและเวทมนตร์ระยะไกลด้วย
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เธอปฏิเสธคําเชิญทั้งของครัสซูและอูเรี่ยนที่จะรับเธอเป็นลูกศิษย์ของพวกเขา เธอเลือกที่จะให้ความสนใจกับเวทมนตร์แห่งชีวิตแทนและกลายเป็นนักเวทมนตร์ระดับ 10 ที่มีอายุน้อยที่สุดในทวีปด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง เธอทําลายทุกคําสบประมาทของคนในทวีปลงโดยสมบูรณ์
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าแม็ก อเล็กซ์เป็นบุคคลที่น่าหลงใหลเกินไปยุคนั้นก็น่าจะเป็นของเธอ เธอได้สร้างสถิติมากมายขึ้นในโลกเวทมนตร์และพวกมันไม่น่าจะถูกทําลายลงได้จนทําให้ชื่อของเธอกลายเป็นอมตะไปในประวัติศาสตร์
“มันคือเรื่องจริง ครัสซูส่งอาเธอร์มาขนย้ายสมบัติของเขาทั้งหมดไปที่เมืองเคออสแล้ว รวมถึงห้องของเขาที่เต็มไปด้วยเหรียญทองด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะเลือกแล้วว่าเขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นั่น” เอลเลียตที่มีร่างกายผอมสูงยิ้มและพูดต่อ “รองประธานครัสซูเป็นคนที่ร่าเริงและรักอิสระ ถ้าเกิดมีสักวันหนึ่งที่เขารับลูกครึ่งออร์คเป็นลูกศิษย์มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกนี่จริงมั้ย?”
ทุกคนต่างก็หัวเราะเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เสียงหัวเราะของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
“เขาไม่เคยเห็นหอคอยนักเวทของพวกเราอยู่ในสายตาเลย” ในทางตรงกันข้ามการแสดงออกและน้ำเสียงของริชาร์ดนั้นค่อนข้างมืดมน
อัจฉริยะนับไม่ถ้วนถูกส่งไปให้ครัสซูเพื่อให้เขาเลือกเป็นลูกศิษย์ อย่างไรก็ตามคนพวกนั้นกลับไม่มีใครถูกใจเขาและสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะย้ายไปที่เมืองงเคออสเพื่อสาวน้อยครึ่งเอลฟ์คนหนึ่ง ตอนนี้เขาไม่สนใจแม้แต่จะกลับมาที่หอคอยนักเวทและทําเพียงแค่ส่งคนรับใช้กลับมาเก็บสิ่งของทั้งหมดของเขาเท่านั้น
รอยยิ้มของทุกคนหายไปและมีการแสดงออกที่แตกต่างกันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
นักเวทอาวุโสทุกคนในหอคอยนักเวทรู้ดีถึงความขัดแย้งระหว่างริชาร์ดและครัสซู
อาจกล่าวได้ว่าทั้งคู่มีความจําเป็นต่อสถานะปัจจุบันของหอคอยนักเวท
เมื่อ 50 ปีก่อน ครัสซูได้ทําให้แน่ใจว่าราชวงศ์ของจักรวรรดิรอทจะให้ความสําคัญกับหอคอยนักเวท ดังนั้นเขาจึงนับว่าเป็นคนที่วางรากฐานให้กับหอคอยนักเวทเก้าชั้น หลังจากนั้นครัสซูก็ลาออกจากตําแหน่งประธานและริชาร์ดก็ใช้เวลาอีกหลายสิบปีในการทําให้หอคอยนักเวทกลาย เป็นเสาหลักที่ขาดไม่ได้สําหรับจักรวรรดิ
ดังนั้นตําแหน่งของทั้งสองคนในหอคอยนักเวทจึงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าชาร์ดจะเป็นคนที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในปัจจุบัน แต่ตําแหน่งของครัสซูในใจของทุกคนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าริชาร์ดเลย นักเวทอาวุโสทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะกลมนี้รู้เรื่องนี้ดี
“ในฐานะเพื่อนเก่าเราควรส่งคนไปแสดงความยินดีกับเขาที่ในที่สุดก็หาลูกศิษย์ได้” ริชาร์ดยิ้มในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ นิ้วที่เหี่ยวย่นของเขาวางลงบนโต๊ะเบา ๆ และพูดต่อ “ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของพวกเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นฉันจะให้จอร์จไปส่งของขวัญเพื่อแสดงความยินดีในนามของหอคอยนักเวทของเรา”
“นั่นเป็นความคิดที่ดี เขาจะได้รับของขวัญจากพวกเราทุกคนด้วย” ทุกคนยิ้มตอบแต่ก็มีประกายแปลก ๆ อยู่ในแววตา
จอร์จ ดอบสันเป็นลูกศิษย์ที่มีค่าที่สุดของผู้อาวุโสริชาร์ด เขาเป็นนักเวทระดับ 3 ตั้งแต่อายุ 12 และมีคนกล่าวว่าเขาใกล้จะเป็นนักเวทระดับ 4 แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีความไม่ลงรอยกับเจ้าหญิงอิริน่ามามากตั้งแต่สมัยก่อน แต่เขาก็ถือบว่าเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ในหมู่คนรุ่นใหม่
ริชาร์ดเองก็ชอบเขามากและมักจะให้คําแนะนํากับเขาอยู่เสมมอ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสําหรับความก้าวหน้าที่รวดเร็วของเขา
การที่ริชาร์ดส่งเด็กอย่างจอร์จไปในฐานะผู้ถือของขวัญนั้นถือว่าเป็นการดูถูกครัสซูอยู่เล็กน้อย นอกจากนี้เขาก็ตั้งใจที่จะหาเรื่องครัสซู เพราะมันหมายความว่าลูกศิษย์ของเขาดีกว่าลูกศิษย์ของครัสซู นี่เป็นการกระทําที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
“เอาล่ะ งั้นก็ให้คนรับใช้ของครัสซูกลับไปเมืองเคออสพร้อมกันกับจอร์จ” รอยยิ้มเย็น ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของริชาร์ดเมื่อเขาลุกขึ้นยืนและจากไป..