Chapter 361 : ฉันมีคําขอ
ไมเคิลกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในกระท่อมไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตและมองไปที่ชายชราที่กําลังวางมือเอาไว้บนไหล่ของวิเวียนด้วยความกังวล “อาจารย์อดัมส์ครับ อาหารของวิเวียนเป็นยังไงบ้างครับ”
“ท่านเจ้าเมือง ความเย็นในร่างกายของคุณหนูได้หายไปจนเกือบหมดแล้ว แม้แต่ความเย็นในเส้นพลังบางส่วนของเธอก็ลดลงมาก ผมไม่รู้ว่าเธอไปทําอะไรมาแต่มันมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เวทมนตร์ของผมในการรักษาเธอมาก ถ้าการรักษาแบบนี้ดําเนินต่อไปมันก็มีโอกาสที่ความเย็นทั้งหมดจะถูกขับออกไปจากร่างกายของเธอ” อดัมส์ตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจจากนั้นเขาก็ถามขึ้น“เป็นไปได้มั้ยว่าท่านได้ไปเจอกับนักเวทไฟที่ทรงพลังมา? หรือว่าท่านให้คุณหนูกินผลไม้ธาตุไฟบางอย่าง?”
“เรื่องจริงเหรอครับอาจารย์อดัมส์?” ดวงตาของไมเคิลเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นในทันที
“ความเย็นในร่างกายของหนูจะถูกขับออกไปจนหมดได้จริง ๆ เหรอคะ?” วิเวียนเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เธอต้องทนทุกข์ทรมานมานานและไม่เคยได้นอนหลับสนิทเลย แม้แต่อาหารที่เธอชอบมากมายก็ยังถูกสั่งห้าม”
สําหรับเธอการต้องใช้ชีวิตแบบนี้เจ็บปวดมากกว่าความตายซะอีก
“ท่านเจ้าเมือง ท่านก็รู้ว่าผมไม่เคยโกหก” อดัมส์ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปหาวิเวียนแล้วพูดต่อ “แต่ผมอยากรู้ว่าอาจารย์ท่านไหนที่ทําการรักษาที่มีประสิทธิภาพขนาดนี้ได้? ผมรู้สึกอายอยู่นิดหน่อยที่ทําให้ท่านและคุณหนูต้องเสียเวลาไปหลายปีทั้ง ๆ ที่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า”
“ไม่มีใครในเมืองเคออสที่ใช้เวทมนตร์ไฟได้ดีกว่าคุณแล้วล่ะอาจารย์อดัมส์ แล้วเธอก็ไม่ได้กินผลธาตุระดับสูงอะไรด้วยแต่…” ความตื่นเต้นบนใบหน้าของไมเคิลถูกแทนที่ด้วยสีหน้าแปลกๆในขณะที่เขาพยายามอธิบายสถานการณ์
“คุณปูอดัมส์คะ หนูไม่ได้กินผลไม้ธาตุหรือไปรักษากับนักเวทคนอื่นหรอกค่ะ แต่เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะปลาย่างรสเผ็ดที่หนูออกไปกินมาคืนนี้ต่างหาก ร่างกายของหนูเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหลังจากที่หนูกินมัน จากนั้นเมื่อหนูกลับบ้านมาหนูก็รู้สึกดีขึ้นในทันทีเลยค่ะ” วิเวียนตอบคําถามแทนพ่อของเธอ นับตั้งแต่ที่เธอมีอายุได้ 10 ขวบเธอก็ต้องมาหาอดัมส์เดือนละครั้งเพื่อรับการรักษาโดยใช้เวทมนตร์ของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเธอไม่มีความถนัดในการใช้เวทมนตร์เธอก็อาจจะกลายเป็นลูกศิษย์ของเขาไปแล้ว ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันและเธอก็มักจะมาเยี่ยมเขาถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วันนัดก็ตาม
“ปลาย่างรสเผ็ด?” อดัมส์มองวิเวียนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “ทําไมมันถึงฟังดูเหมือนชื่ออาหารล่ะ? เป็นไปได้มั้ยว่ามันทําให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?”
“มันเป็นอาหารค่ะ แถมมันยังเป็นอาหารรสเผ็ดที่อร่อยสุด ๆ ไปเลย” วิเวียนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอพูดยืนยัน “คุณปูอดัมส์คะ นี่หมายความว่าหนูจะต้องกินปลาย่างรสเผ็ดทุกวันเพื่อทําให้ร่างกายของหนูดีขึ้นใช่มั้ยคะ?”
“ถ้าปลาย่างรสเผ็ดที่หนูบอกช่วยลดความเย็นในร่างกายของหนูได้จริง ๆ แสดงว่ามันเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากสําหรับหนู ถ้าหนูกินมันทุกวันมันก็น่าจะช่วยกําจัดความเย็นในร่างกายของหนูได้อย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถรักษาหนูได้โดยสมบูรณ์แต่ตราบใดที่มันสามารถกําจัดความเย็นในเส้นพลังของหนูได้หนูก็จะใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ”อดัมส์ยิ้มและพยักหน้า
“เย้! สิ่งที่หนูต้องการคือการได้นอนหลับสนิทในทุก ๆ คืนและใช้ชีวิตได้เหมือนกับคนปกติในที่สุดหนูก็จะมีโอกาสได้ทําให้ความฝันของหนูเป็นจริงแล้ว! หนูจะกินปลาย่างทุกวันจนกว่าหนูจะหาย!” วิเวียนกระโดดด้วยความดีใจ เธอได้ทิ้งมาดคุณหนูผู้เย็นชาไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ในใจของเธอเต็มไปด้วยรสชาติแสนอร่อยของปลาย่างเช่นเดียวกับความสุขที่จะได้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้นอนหลับฝันดี
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไมเคิลเมื่อเขามองเห็นท่าทางมีความสุขเธอ มันนานมากแล้วที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่ร่าเริงบนใบหน้าของเธอ
“พ่อคะ หนูรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสําคัญมากที่พ่อจะต้องปกป้องร้านอาหารร้านนั้น! อา หารของพวกเขาอร่อยมากและช่วยรักษาอาการปวยของหนูได้ มันไม่ยุติธรรมเลยที่พวกเขาถูกลบออกจากการจัดอันดับในการแข่งขันอาหารของลานเอเดน!” บนรถม้าที่กําลังมุ่งหน้าไปยังปราสาทเจ้าเมือง วิเวียนมองดูไมเคิลด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“พ่อจะจัดการเรื่องนี้เอง” ไมเคิลเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจและพยักหน้ารับ
“โอเคค่ะ” วิเวียนพยักหน้าแล้วพูดต่อ “คืนนี้หนูเห็นประธานของสมาคมจัดเลี้ยงไปที่ร้านอาหารนั้นด้วย ถ้าเขายังยืนยันว่าจะไม่คืนอันดับให้กับร้านอาหารนั้นหลังจากที่เขาได้กินอาหารของที่นั่นแสดง่ามันต้องมีการโกงอย่างแน่นอนเลยค่ะ”
“เข้าใจแล้วล่ะ กลับไปถึงบ้านแล้วลูกก็รีบนอนนะ พ่อหวังว่าคืนนี้หนูจะหลับสบาย” ไมเคิลมองหน้าวิเวียนด้วยรอยยิ้ม
โทนิสรู้สึกเสียใจกับคําพูดของเขาในทันที่ที่เขาหลุดปากไป เขาเพิ่งจะพูดว่าปลาย่างไม่ได้มีอะไรพิเศษและหลังจากนั้นไม่นานคําพูดของเขาก็ย้อนกลับมาตบหน้าตัวเขาเอง
ความรู้สึกที่ร้อนผ่าวแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนกินเผ็ดดังนั้นเขาจึงรู้สึกราวกับว่าได้จมลงสู่นรกที่เผ็ดร้อน
เขาไม่เคยกินเผ็ดขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อมันมาอยู่รวมกับปลาย่างแสนอร่อยมันก็ทําให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาติดอยู่ระหว่างสวรรค์กับนรกและตัวเขาเองก็ไม่สามารถหยุดกินได้
ปากและลิ้นของเขาชาจนไร้ความรู้สึก เหงื่อของเขาไหลออกมาราวกับว่าเขากําลังยืนอยู่กลางสายฝน อย่างไรก็ตามมันกลับทําให้เขารู้สึกพอใจมาก
โทนิสรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มเยาะเย้ยที่พุ่งตรงมาที่เขาโดยลูกค้ารอบ ๆ ตัว แต่เขาก็ไม่อยากที่จะตอบโต้ ตอนนี้สําหรับเขาไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าการกินปลาย่างตรงหน้าอีกแล้ว
“ พวกเขาคงจะพูดเหมือนเดิมว่ามันไม่อร่อย แต่พวกเขาไม่มีทางปฏิเสธในสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่ตอนนี้ได้หรอก จริงมั้ย?”
ลูกค้าทุกคนยิ้มกว้างในขณะที่พวกเขามองดูคนอ้วนทั้งสองได้รับทั้งความเจ็บปวดและความสุขมีแค่แม็กซ์เท่านั้นแหละที่จะทําอาหารที่ให้เกิดปฏิกิริยาที่น่าสนใจแบบนี้ได้
ถ้าพวกเขายังมีความซื่อสัตย์เหลืออยู่แน่นอนว่าร้านอาหารมามีจะได้กลับเข้าสู่การจัดอันดับอย่างแน่นอน แม็กซ์คิดกับตัวเอง
เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินวอร์เรนก็เดินเข้ามาหาแม็กซ์ด้วยรอยยิ้ม เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและผมของเขาก็ค่อนข้างยุ่งเหยิง แต่แม็กซ์ก็มองเห็นความพึงพอใจบนใบหน้าของเขาได้ “แม็กซ์ใช่มั้ย? นายเป็นอัจฉริยะด้านอาหารอย่างแท้จริง”
แม็กซ์ยิ้มตอบ “คุณชมผมเกินไปแล้วล่ะครับประธานวอร์เรน ผมเองก็หวังว่าผมจะเป็นอัจฉริยะในหมู่เจ้าของร้านอาหารเช่นกัน”
“บางทีคุณอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นในอนาคต” วอร์เรนพยักหน้าและวางเงินลงบนโต๊ะก่อนที่จะเดินออกจากร้านอาหารไป
“ปลาตัวนี้! มันเผ็ดมากเกินไป!” โทนิสชี้ไปที่ริมฝีปากที่บวมฉ่งของเขาก่อนที่จะรีบเดินตามหลังวอร์เรนออกไป
สมกับที่เป็นสุนัขจิ้งจอกตัวอ้วนจริง ๆ ดวงตาของแม็กซ์หรี่ลงเมื่อเขากลับเข้าไปในห้องครัววอร์เรนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ร้านอาหารมามีจะถูกใส่กลับเข้าไปบนกระดานจัดอันดับเลย
เมื่อถึงเวลาสามทุ่มแม็กซ์ก็เริ่มไล่ลูกค้าอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขาปิดไฟที่ป้ายโฆษณาด้านนอกและเตรียมที่จะปิดร้าน
ในขณะนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “สวัสดี ดูเหมือนว่าคุณเตรียมที่จะปิดร้านแล้ว แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอให้ช่วยหน่อย คุณช่วยทําปลาย่างรสเผ็ดให้ฉันหน่อยได้มั้ย?”