Chapter 363 : ท่านเจ้าเมือง คุณกําลังทําอะไรน่ะ?
“ท่านประธานครับเราจะเอายังไงดีครับ? ดูเหมือนว่าร้านอาหารนี้จะได้อันดับมาอย่างถูกต้องจริง ๆ พวกเขามีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่ยอมจ่ายค่าอาหารในราคาสูง ถ้าเราไม่ได้ให้เหตุผลที่เหมาะสมสําหรับการลบพวกเขาออกจากการจัดอันดับเราจะได้รับผลกระทบจํานวนมากเลยนะครับ
“รอง ระธานหอย รับ” ระหว่างทางกลับโทนิสหันไปถามวอร์เรนด้วยความกังวล ริมฝีปากของเขายังคงบวมอยู่และ ถึงแม้ว่าเขาจะดื่มน้ําใส่น้ําแข็งเย็น ๆ ไปแล้วแต่มันก็ช่วยบรรเทาได้ไม่มากนัก
“ถ้าเป็นเมื่อ 20 ปีก่อนฉันจะจัดให้ปลาย่างรสเผ็ด ข้าวไก่ตุ้น ข้าวผัดหยางโจว โร่วเจียหมัวและพุดดิ้งเต้าหูแบบหวานเป็นห้าอันดับแรกบนกระดานจัดอันดับ” วอร์เรนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มแล้วพูดต่อ “โชคไม่ดีที่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมากระดานจัดอันดับไม่ได้ถูกควบคุมโดยฉันอีกต่อไปลูกค้าและร้านอาหารนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเพื่อสร้างเครือข่ายขนาดใหญ่ขึ้นมา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นคนควบคุมอีกต่อไปแต่ฉันยังต้องระวังไม่ให้ปลาตัวใหญ่ดิ้นหนีออกไปจากแหในทางกลับกันแน่นอนว่าถ้ามีปลาตัวเล็กตัวน้อยติดมาด้วยฉันก็อยากจะเก็บมันไว้ แต่การรักษาปลาตัวใหญ่เอาไว้เป็นทางเลือกที่ดีกว่า”
โทนิสลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแนะนําออกมาอย่างเชื่องช้า “ท่านประธานครับ ผมคิดว่าเราสามารถวางพุดดิ้งเต้าหูแบบคาวไว้ที่อันดับหกบนกระดานจัดอันดับได้”
วอร์เรนมองไปที่โทนิสและส่ายหัวด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาพูด “พรุ่งนี้ประกาศอันดับไปตามปกติ แต่ชะลอการให้คําอธิบายของเราสําหรับการลบร้านอาหารมามออกจากการจัดอันดับ เมื่อดาวตกปรากฏขึ้นมาในตอนแรกมันจะสว่างมากแต่มันก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เราต้องทําคือคอยดูว่าจะมีคนรอดูดาวตกดวงนั้นมากแค่ไหน
“ครับ” โทนิสพยักหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ภายในสํานักงานของหอการค้า มาร์ก้มหน้าพร้อมกับรายงานให้ไซริลฟัง “นายน้อยไซริลครับสมาคมจัดเลี้ยงได้ยืนยันแล้วว่าร้านอาหารมามีจะไม่ปรากฏในการจัดอันดับอีก พวกเขาจะประเมินการจัดอันดับที่เราได้ระบุไว้และพยายามจัดอันดับให้ตรงกับของเรามากที่สุดครับ”
“ดีมากมาร์ ขอบคุณสําหรับการทํางานหนักของนาย” ไซริลพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเขาพันงูที่มีสีสันสดใสไว้รอบข้อมือแล้วถามต่อ “คดีของดีโว่และกู้ดเนียเป็นยังไงบ้าง? คุกบาสเทียยังไม่ยอมปล่อยพวกเขาเหรอ?”
“นายน้อยครับ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราควรเข้าไปยุ่ง พวกเขาทั้งสองคนถูกจับเพราะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระดับ 4 และแทบจะไม่มีทางเลยที่เราจะช่วยพวกเขาได้ทางคุกบาสเทียเองก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลให้เราเช่นกันดังนั้นผมขอแนะนําให้เราอย่าไปยุ่งกับเรื่องนี้ไม่งั้นเราอาจจจะถูกดึงเข้าไปในวังวนของความยุ่งเหยิงด้วย” มาร์ส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง
“แล้วถ้าเราจะยุ่งล่ะ ไม่มีใครทําอะไรตระกูลมอร์ตันของเราได้ในเมืองเคออส” ไซริลเบ้ปากอย่างไม่แยแส เขามองไปที่มาร์แล้วพูดต่อ “ฉันให้เงินไปแล้ว ไปเอาพวกเขาออกมาไม่งั้นชื่อเสียงของเราจะถูกทําลายรวมถึงผลกําไรของเราด้วย”
“แต่ ” มาร์พยายามอธิบายเหตุผลให้ไซริลฟังแต่เขาก็ถูกตัดบท
“เหตุการณ์ระดับ 4 ไม่ใช่เหตุการณ์เล็ก ๆ ถ้าฉันจําไม่ผิดดีโว่และกู้ดเนียถูกจับที่ร้านอาหารเล็ก ๆ นั่นใช่มั้ย? เราก็แค่ทําให้ร้านอาหารนั้นเป็นแพะรับบาปแล้วประกันตัวพวกเขาออกมามันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” ไซริลยิ้มราวกับว่าเขาพอใจกับความคิดของเขามากเขาลูบหัวงูตัวน้อยของเขาก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
“ถ้าเป็นนายน้อยคนโตเขาคงจะไม่หุนหันพลันแล่นและดื้อรั้นแบบนี้ น่าเสียดายจริง ๆ” มาร์ถอนหายใจออกมาและส่ายหัวในขณะที่เขามองดูข้อมูลที่เขาวางไว้บนโต๊ะและยังไม่ถูกแตะต้องใด ๆ เลย ตระกูลมอร์ตันเป็นยักษ์ใหญ่แต่ปราสาทเจ้าเมืองและวิหารสีเทายังคงเป็นผู้มีอํานาจหลักในเมืองเคออส
“ ท่านเจ้าเมือง คุณกําลังทําอะไรน่ะ?”
แม็กซ์ที่เพิ่งกลับลงมาได้รับการต้อนรับจากไมเคิลที่กําลังยืนมองมองโคมระย้าของเขาอย่างเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ดูเหมือนว่าท่านเจ้าเมืองจะไม่ได้ดูน่าเชื่อถืออย่างที่เขาได้ยินมา
ไมเคิลเองก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขากําลังทําอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับสถานะของเขาแต่เขาก็ยังหันไปหาแม็กซ์และถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ฉันแค่อยากรู้เกี่ยวกับแหล่งกําเนิดแสงในโคมระย้าของนาย มันไม่ใช่ตะเกียงน้ํามันหรือเป็นคริสตัลเวทมนตร์ นอกจากนี้มันยังแผ่ความร้อนจํานวนมากออกมาทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้จุดไฟ ฉันจึงอยากรู้ว่ามันคืออะไร”
“นี่เป็นหินชนิดหนึ่งที่ผมค้นพบโดยบังเอิญ มันสามารถเปล่งแสงได้ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะใช้มันเพื่อเป็นแหล่งกําเนิดแสง มันสะดวกกว่าตะเกียงน้ํามัน” แม็กซ์พูดโกหกอย่างคล่องแคล่วเขาไม่มีวิธีที่ดีในการอธิบายกระแสไฟฟ้าให้กับไมเคิลฟัง นอกจากนี้ถ้าไมเคิลขอให้เขาผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับเมืองทั้งเมืองแล้วล่ะก็โลกนี้ก็จะกระโดดข้ามยุคไอน้ําและก้าวเข้าสู่ยุคไฟฟ้าในทันที ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นระบบอาจจะระเบิดด้วยความโกรธ
ไมเคิลพยักหน้าก่อนที่จะกลับลงมาจากเก้าอี้ เขาหันมามาหาแม็กซ์และถาม “นี่เป็นหินที่แปลกมาก นายยังมีพวกมันอีกมั้ย?”
“ขอโทษจริง ๆ ครับ ผมเจอพวกมันแค่ไม่กี่ก้อนเท่านั้นและพวกมันทั้งหมดก็นํามาใช้ในร้านอาหารของผมแล้ว” แม็กซ์ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขอโทษ
“น่าเสียดายจริง ๆ” ไมเคิลนั่งลงบนเก้าอี้ของเขาด้วยท่าทางเสียดาย
“กรุณารอสักครู่นะครับ ปลาย่างจะเสร็จในเร็ว ๆ นี้” แม็กซ์รีบเปลี่ยนหัวข้อก่อนที่เขาจะ เดินกลับเข้าไปในห้องครัว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าไมเคิลรู้เกี่ยวกับผลพิเศษของปลาย่างรสเผ็ดได้ยังไงแต่เขาเห็นว่าไมเคิลรักลูกสาวและเป็นพ่อที่ดีมากเขาจึงรู้สึกประทับใจในตัวไมเคิลในทันที อีกอย่างคือถ้าไมเคิลรู้สึกพึงพอใจกับปลาย่างรสเผ็ดเขาก็อาจจะทําให้ร้านอาหารมามีกลับเข้าสู่กระดานจัดอันดับอีกครั้งได้
ในเมืองเคออส คนที่มีอํานาจมากกว่าวอร์เรนในการแข่งขันอาหารของลานเอเดนคือไมเคิล
ยังไงซธสมาคมจัดดเลี้ยงก็เป็นหน่วยงานย่อยของปราสาทเจ้าเมือง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอิสระเป็นอย่างมากแต่ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าไมเคิลเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเขา
ดังนั้นสิ่งที่แม็กซ์ต้องทําในตอนนี้นั้นง่ายมาก เขาต้องพิชิตกระเพาะของไมเคิลด้วยอาหารแสนอร่อย!
ไมเคิลมองไปที่ห้องครัวด้วยความกังวลใจและความคาดหวังในแววตา ในไม่ช้ากลิ่นหอมของปลาย่างก็ลอยออกมาจากห้องครัวจนทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ําลาย
เป็นกลิ่นที่หอมจริง ๆ เพราะความกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของวิเวียนที่เปลี่ยนแปลงไปทําให้ไมเคิลยังไม่ได้กินอะไรเลยในคืนนี้ ท้องของเขาเริ่มร้องออกมาเสียงดังในทันทีเมื่อเขาได้กลิ่นอันแสนเย้ายวนของปลาย่าง
หลังจากที่รออยู่ประมาณ 15 นาทีแม็กซ์ก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับปลาย่างขนาดกลางบนเตากระทะร้อน เขาวางมันลงตรงหน้าไมเคิลเบา ๆ และยิ้มในขณะที่เขาพูด “นี่คือปลาย่างรสเผ็ดของคุณครับ กินให้อร่อยนะครับ” (TL : เป็นปลาที่เสิร์ฟบนเตาแอลกอฮอร์ตามร้านอาหารหรือโต๊ะจีนนะครับ)
“อื้มม” ไมเคิลส่งเสียงตอบรับ ความสนใจของเขาถูกดึงดูดไปที่ปลาย่างตรงหน้าโดยสมบูรณ์อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เริ่มกินมันในทันทีแต่เขากลับเริ่มตรวจสอบจานเหล็กอย่างระมัดระวัง (ส่วนที่วางปลาด้านบน)
ตรงกันข้ามกับปลาย่างที่นํามาเสิร์ฟหลังจากที่ย่างด้วยไฟ ปลาย่างตัวนี้กลับถูกวางเอาไว้บนจานเหล็ก
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือชั้นพริกหนาที่ปกคลุมไปเกือบทั่วทั้งตัวปลา แค่เห็นมันก็ทําให้เขารู้สึกคอแห้งและแสบร้อนแล้ว