Chapter 367 : ท่านประธาน!
เจฟฟรีที่กําลังนอนอยู่บนเก้าอี้เลานจ์ในสวนหรี่ตาลงในขณะที่เขามองไปที่กลอเรีย
กลอเรียยังคงสวมผ้าคลุมหน้าสีดําอยู่ เธอกํามือแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่หลังมือของเธอ เธอยืนนิ่งพร้อมกับมองเจฟฟรีผ่านผ้าคลุมหน้าด้วยดวงตาสีม่วงของเธอ เสียงของเธอแน่วแน่มากและแสดงออกถึงความมุ่งมั่น
ในสวนนี้มีพวกเขาอยู่เพียงแค่สองคนและบรรยากาศก็เงียบสงบมาก
เจฟฟรีเงียบอยู่นานก่อนที่จะถามขึ้นในที่สุด “อะไรทําให้เธอกล้าพูดเรื่องแบบนี้กับฉัน? อะไรทําให้เธอคิดว่าฉันจะรับผู้หญิงเป็นผู้สืบทอดของตระกูลมอร์ตัน?”
“พ่อของหนูให้ความกล้าหาญกับหนู เขาเลือกที่จะทําในสิ่งที่เขารักอย่างแท้จริงและหนูรู้สึกว่าหนูจะต้องทําแบบเดียวกัน เช่นเดียวกับที่เขายอมแพ้ในการเป็นผู้สืบทอดของตระกูลมอร์ตัน เมื่อ 20 ปีก่อน หนูเองก็อยากจะสู้เพื่อสิ่งที่หนูเชื่อเช่นกัน” เสียงของกลอเรียหนักแน่นมาก เธอกํามือแน่นพร้อมกับเสียงของเธอที่ดังขึ้นในขณะที่เธอพูดต่อ “นอกจากผู้สืบทอดของตระกูลบัฟเฟตต์ เชียร์ บัฟเฟตต์เองก็เป็นผู้หญิง ถ้าเธอเป็นผู้สืบทอดของตระกูลบัฟเฟตต์ได้หนูก็เชื่อว่าหนูจะสืบทอดตระกูลมอร์ตันและเป็นผู้นําในให้ตระกูลเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องได้เหมือนกัน หนูคิดว่าหนูจะทํามันได้ดีกว่าลุงของหนู”
“เหอะ ฉันไม่ใช่คนโง่อย่างเอียน การปล่อยให้ผู้หญิงเป็นผู้สืบทอดของฉันก็ไม่ต่างอะไรจากการมอบมันให้กับคนที่อยู่นอกตระกูล!” เจฟฟรีเม้มปากและมีร่องรอยของความดูถูกเหยียดหยาม ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขามองไปที่กลอเรียแล้วพูดต่อ “ฉันให้โอกาสเขาเมื่อ 20 ปีก่อน แต่เขาไม่ได้แสดงความเสียใจอะไรเลย เธออยากให้ฉันให้โอกาสลูกสาวของเขาเพื่อบางอย่างที่เขาทิ้งไปเมื่อหลายปีก่อนเหรอ? ถ้าเป็นมิกกี้บางทีฉันอาจจะรับเอาไว้พิจารณา แต่เธอ? ฉันไม่ยอมยกตระกูลมอร์ตันให้กับผู้หญิงที่ไม่กล้าแสดงใบหน้าของเธอให้โลกเห็นหรอก นอกจากนี้การประนามคู่แข่งของเธอลับหลังก็ไม่ใช่นิสัยที่ดี”
“ปู่คะ เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อ ที่จริงแล้วเขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ํา นอกจากนี้ปูยังรู้จักเขาดีกว่าหนู ปู่น่าจะรู้ว่าเขาจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของเขา” กลอเรียไม่ยอมถอย เสียงของเธอดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อเธอพูดต่อ “วันหนึ่งหนูจะถอดผ้าคลุมหน้าและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าหนูเป็นยังไง หนูไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายและหนูไม่คิดว่าหนูด้อยกว่าใคร ยิ่งกว่านั้นหนูไม่ได้ประณามคู่แข่งของหนู หนูแค่บอกความจริงอย่างที่หนูคิด หนูจะทํางานได้ดีกว่าเขาอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดหนูก็จะไม่ทําให้ตระกูลมอร์ตันถูกทําลาย”
เจฟฟรีมองหญิงสาวตรงหน้าและหวนคิดถึงอะไรบางอย่าง เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้เห็นหญิงสาวชุดแดงที่ทําการโต้เถียงที่รุนแรงกับเขาในห้องประชุม ถึงแม้ว่านิสัยของทั้งคู่จะแตกต่างกันแต่พวกเธอต่างก็มีธรรมชาติที่ไม่ยอมแพ้
นอกจากนี้ประโยคสุดท้ายของกลอเรียก็คล้ายกับสิ่งที่เชียร์พูดในวันนั้น ทั้งคู่ต่างก็มุ่งเป้าไปที่ไซริล
เมื่อคิดถึงความหลังจบเจฟฟรีก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างไม่รู้ตัว เขามองกลอเรียเงียบๆ ก่อนที่จะถามขึ้น “งั้นสิ่งที่เธอกําลังจะพูดก็คือ เป้าหมายของเธอคือการเลียนแบบเด็กเหลือขอตัวน้อยจากตระกูลบัฟเฟตต์งั้นเหรอ?”
“ไม่ค่ะ เป้าหมายของหนูคือการเอาชนะเธอ” กลอเรียส่ายหัว
“โอ้?” ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจฟฟรีเป็นครั้งแรก เขามองกลอเรียด้วยสีหน้าจริงจังและถามต่อ “แล้วเธอมีเป้าหมายอะไรล่ะ?”
เสียงของกลอเรียมั่นคงมากในขณะที่เธอตอบ “หนูต้องการเป็นผู้สืบทอดของปูและเป็นประธานของหอการค้า ”
“กล้าฝันดีนี่” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจฟฟรีเป็นครั้งแรกในขณะที่เขาเอนหลังลงบนเก้าอี้เลานจ์แล้วพูดต่อ “เป้าหมายของคนๆหนึ่งจะกําหนดความสูงที่พวกเขาจะปีนขึ้นไป ถ้าเธอบอกฉันว่าเป้าหมายเธอคือยัยเด็กเหลือขอจากตระกูลบัฟเฟตต์ฉันคงจะผิดหวังมากเพราะเธอจะไม่สามารถไปถึงระดับนั้นได้เพราะเธอกําลังมองยัยเด็กเหลือขอนั่นอยู่ตลอดเวลา ฉันจะไม่ยอมยกตระกูลมอร์ตันของฉันให้กับคนที่เต็มใจจะเป็นที่สอง”
“งั้นหนูจะได้เป็นผู้สืบทอดแล้วใช่มั้ยคะ?” ความคาดหวังปรากฏขึ้นในน้ําเสียงของกลอเรีย
“ไม่ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้โอกาสนี้กับเธอมั้ย” เจฟฟรีสายหัวและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หุบลง
“จําไว้ว่าการพูดมันง่าย การทําธุรกิจนั้นยากเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ แม้แต่ยัยเด็กเหลือขอจากตระกูลบัฟเฟตต์ก็ต้องใช้เวลาถึง 10 ปีกว่าจะขึ้นมาถึงตําแหน่งในปัจจุบันของเธอ” เขาเตือนด้วยน้ําเสียงที่มีความหมาย
“หนูรู้ค่ะ แต่หนูก็ยังเชื่อว่าหนูจะทํามันได้สําเร็จ” กลอเรียพยักหน้ารับโดยไม่มีความเกรงกลัวใบหน้าเลย เธอกลับมาร่าเริงอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ปูของเธอใส่ใจเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ อนุมัติหรือตกลงแต่ท่าทีของเขาก็เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
“ท่านประธานครับ! สมาคม…”
ในขณะนั้นเองมาร์ก็วิ่งเข้ามาในสวนอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบน ใบหน้าของเขาเมื่อเขามองเห็นกลอเรีย ในขณะเดียวกันคําพูดของเขาก็หยุดไปจนพูดได้ไม่จบประโยค
“เธอไปได้แล้ว” เจฟฟรียกมือขึ้นเพื่อไล่กลอเรีย
“ค่ะ” กลอเรียหยุดพูดและจากไปอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่เธอเดินออกไปแล้วเจฟฟรีก็หันไปที่ถามมาร์ว่าเกิดอะไรขึ้น
มาร์รีบตอบในทันที “ท่านประธานครับ เราได้รับข่าวมาเมื่อเช้านี้ว่าปราสาทเจ้าเมืองได้ทําการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่กับสมาคมจัดเลี้ยง วอร์เรน รองประธานและสมาชิกระดับสูงของสมาคม ทุกคนถูกจับแยกและควบคุมตัวเอาไว้ เช้าวันนี้กลุ่มคนจากปราสาทเจ้าเมืองเองก็ถูกส่งมาที่สาขาหลักของหอการค้าของเรา พวกเขาเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับร้านอาหารในเครือของเราไป พวกเขากําลังจะตรวจสอบเอกสารและธุรกรรมที่ผ่านมาทั้งหมด”
“ในที่สุดท่านเจ้าเมืองก็ลงมือจัดการกับสมาคมจัดเลี้ยงแล้วเหรอ? วอร์เรนเหิมเกริมมากเกินไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาหลงทางไปไกลจากเส้นทางที่ถูกต้องดังนั้นมันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น” เจฟฟรีไม่แปลกใจที่ได้ยินข่าวนี้ เขาหันไปมองมาร์แล้วพูดต่อ “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับเอกสารของเรา บอกร้านอาหารในเครือทั้งหมดของเราให้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเจ้าเมืองเองก็ต้องปกป้องชื่อเสียงของพวกเขาด้วยดังนั้นพวกเขาจะไม่ทําให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หลังจากผ่านไประยะหนึ่งสิ่งต่างๆจะค่อยๆคลายลง มาร์ ทําไมนายถึงดูตื่นตระหนกกับเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆแบบนี้ล่ะ?”
“ท่านประธานครับ มีบางอย่างที่ผมต้องบอกท่าน เมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่ที่นายน้อยไซริลเข้ารับตําแหน่ง เขาได้ขยายความร่วมมือของเรากับสมาคมจัดเลี้ยง เขาเพิ่มสัดส่วนของการจัดอันดับการแข่งขันอาหารของลานเอเดนที่สงวนไว้จาก 50% เป็น 90% และได้ประมูลอันดับพวกนั้นไปให้ร้านอาหารที่ทําการเสนอราคาสูงสุด เอกสารทางธุรกรรมพวกนั้นถูกเก็บเอาไว้ในหอการค้าของเรา” หน้าผากของมาร์เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่อึมครึมของเจฟฟรี ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ยังรวบรวมความกล้าแล้วพูดต่อ “อีกทั้งไม่นานมานี้สมาชิกของคณะกรรมการหอการค้ายืดเนียและดีโว่ก็เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ระดับสี่ของวิหารสีเทาและนายน้อยไซริลก็จ่ายเงินไปเป็นจํานวนมากเพื่อที่จะประกันตัวพวกเขาทั้งสองคนออกมาจากคุกบาสเทีย