Chapter 370 : นายล้อฉันเล่นใช่มั้ย?
การที่ร้านอาหารมามีไม่ได้กลับเข้าไปในกระดานจัดอันดับเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงในหมู่ลูกค้าของร้านอาหาร ตอนแรกทุกคนค่อนข้างโมโหแต่พฤติกรรมในเชิงบวกของแม็กซ์ก็ทําให้ความโกรธแค้นของพวกเขาบรรเทาลง
แฮร์ริสันมองแม็กซ์และอ้อนวอน “แม็กซ์ นายจะไม่เสิร์ฟปลาย่างตอนเช้าจริงๆเหรอ? เมื่อวานนี้หลังจากที่ฉันกินปลาย่างไปฉันก็เอาแต่คิดถึงมันตลอดทั้งคืน นายทําให้ให้ฉันหน่อยได้มั้ย?”
“ปลาย่างรสเผ็ดจะไม่เสิร์ฟตอนมื้อเช้า ถ้านายอยากกินนายต้องสั่งตอนกลางวันไม่ก็ตอนเย็น” ระบบไม่ได้ระบุว่าปลาย่างรสเผ็ดไม่สามารถเสิร์ฟได้ในตอนเช้า อย่างไรก็ตามเขายังอยากให้อากาศของห้องอาหารในช่วงเช้าสดใส นอกจากนี้มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพถ้าจะกินอาหารรสจัดเป็นมื้อเช้า ดังนั้นเขาจึงตั้งข้อกําหนดนี้ขึ้นมาเพื่อสุขภาพของลูกค้าของเขา
แม็กซ์ตอบด้วยรอยยิ้มแต่น้ําเสียงของเขาฟังดูไม่ค่อยพอใจดังนั้นแฮร์ริสันจึงทําได้แค่ยอมแพ้ เขาจึงทําได้แค่สั่งอาหารอย่างอื่น “เอาล่ะ งั้นฉันเอาข้าวไก่ตุ้นชุดนึง”
“อาจารย์เต่าคะ ไม้กายสิทธิ์ของหนูใกล้จะเสร็จแล้วเหรอคะ? อาจารย์เคราครึ่งบอกหนูว่ามันใกล้จะเสร็จแล้ว มันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ยคะ?” เอมี่ยืนมองอูเรียนที่กําลังกินเต้าหูพุดดิ้งอยู่ด้วยความคาดหวัง
“มันใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ฉันน่าจะต้องใช้เวลาอีกไม่เกินสองวัน” อูเรี่ยนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มใจดีในขณะที่เขาพูด “เอมี่ หนูอยากให้อาจารย์ซื้อพุดดิ้งเต้าหูแบบคาวให้หนูมั้ย?”
“เย้! ในที่สุดหนูก็จะมีไม้กายสิทธิ์ของตัวเองแล้ว!” เอมี่กระโดดด้วยความดีใจก่อนที่จะส่ายหัวและตอบ “ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์เต่า หนูกินไปก่อนแล้ว อาจารย์แค่ต้องจ่ายเงินให้หนู”
“เอ่อ…ก็ได้” อูเรียนมีสีหน้าเจ็บปวดเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาสัญญาว่าจะจ่ายเงินค่าอาหารของเอมี่ในวันที่เธอเรียนกับเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี เมื่อเขาต้องจ่ายเงินให้เธอในร้านอาหารที่พ่อของเธอเป็นเจ้าของ
ไม้กายสิทธิ์ที่ยึดและหดได้ นี่พวกเขากําลังพูดถึงพลองวิเศษของราชาลิงรึเปล่า? แม็กซ์คิดกับตัวเองเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ย้อนกลับไปตอนที่เอมี่ระบุเงื่อนไขนั้นเป็นครั้งแรกเขาไม่ได้สนใจมันเพราะว่ามันเป็นคําขอที่ไม่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามครัสซูและอูเรียนกลับเอาจริงเอาจังมาก และพวกเขาก็ใกล้จะสร้างมันจนเสร็จแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเล็กน้อยสําหรับเขา และเขาก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นว่าสุดท้ายแล้วมันจะออกมาเป็นยังไง
ในฐานะที่เป็นนักเวทคนเดียวในทวีปที่ฝึกฝนทั้งเวทมนตร์ระยะประชิดและเวทมนตร์ระยะไกล ไม้กายสิทธิ์อันแรกของเอมี่ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยนักเวทระดับ 10 ที่น่าทึ่งถึงสองคนนั้นเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง
ครัสซูที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้านยิ้มในขณะที่เขาพูด “อาเธอร์น่าจะออกมาจากเมืองโรดูในอีกไม่กี่วัน ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กเหลือขออีกสองคนมากับเขาด้วย พวกเขาจะเป็นหนูทดลองที่สมบูรณ์แบบสําหรับไม้กายสิทธิ์อันใหม่ของเอมี่”
ดวงตาของเอมี่เป็นประกายขึ้นมาในทันที “อาจารย์เคราครึ่ง อาจารย์อยากให้หนูกลายเป็นคนไม่ดีเหรอคะ?”
“เอ่อ…ไม่ใช่อย่างนั้น ในกรณีนี้คนที่มาไม่ได้มีเจตนาดีดังนั้นเราต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าลูกศิษย์ของฉันทรงพลังมากแค่ไหนและสอนบทเรียนให้กับพวกเขา” ครัสซูพูดด้วยรอยยิ้มและนั่งลงก่อนที่จะสั่งข้าวผัดหยางโจว
อูเรี่ยนมองหน้าครัสซูและพูดอย่างเย็นชา “แกหมายความว่ายังไง? ลูกศิษย์ของแก? เธอเองก็เป็นลูกศิษย์ของฉันเหมือนกัน จําใส่หัวของแกเอาไว้ด้วย”
“เหอะ เราเลิกเถียงกันเรื่องนี้เถอะ ทุกคนในทวีปนอร์แลนด์ต่างก็รู้ดีว่านายกับฉันมีลูกศิษย์คนเดียวกัน” ครัสซูมองอูเรียนด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดต่อ “ยังไงก็ตามมันเห็นได้ชัดว่าเอมี่จะใช้เวทมนตร์ประเภทไหนเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ของเธอ มันน่าสนใจมากที่จะได้เห็นเธอใช้เวทมนตร์ระยะประชิดเพื่อบดขยี้เวทมนตร์ระยะไหล”
“เหอะ แค่เพลิงเยือกแข็งก็มากพอแล้วที่จะจัดการกับเด็กเหลือขอพวกนั้น คิดว่าสาวน้อยจะสนใจการแกว่งไม้เท้าเวทมนตร์ใหญ่ๆเหรอ?” อูเรี่ยนหัวเราะเบาๆ
“อาจารย์เคราครึ่ง อาจารย์เต่า อาจารย์ทั้งสองคนจะสู้กันมั้ย? ระหว่างเวทมนตร์ระยะประชิดกับเวทมนตร์ระยะไกลอะไรจะดีกว่ากันนะ? หนูอยากรู้จริงๆ” เอมี่มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ลูกค้าทุกคนในร้านอาหารเองก็หันมามองพวกเขาเช่นกัน จากการสังเกตของพวกเขาในช่วงที่ผ่านมาปรากฏว่านักเวทอาวุโสทั้งสองคนดูจะค่อนข้างเป็นมิตรกัน อย่างน้อยทั้งคู่ก็ไม่มีเรื่องกัน เมื่ออยู่ในร้านอาหารดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่านักเวทที่ทรงพลังทั้งสองคนจะลุกขึ้นมาต่อสู้กันอย่างกะทันหัน
ความบาดหมางระหว่างไฟและน้ําแข็งเป็นที่รู้กันดีในหมู่ลูกค้าของร้านอาหาร พวกเขาต่างก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นผลการตัดสินระหว่างเวทมนตร์ระยะประชิดและเวทมนตร์ระยะไกล รวมถึงเวทมนตร์ไฟและเวทมนตร์น้ําแข็ง
“แน่นอนว่าเวทมนตร์ระยะประชิดนั้นดีที่สุด ฉันเอาพุดดิ้งเต้าหูแบบหวานที่นึง” ครัสซูตอบแล้วหันไปสั่งอาหาร
“ถ้านักเวทย์ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระยะประชิดการเรียนเวทมนตร์ก็เป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ ขอบคุณสําหรับอาหาร” อูเรียนแสดงความคิดเห็นและทิ้งเงินไว้บนโต๊ะก่อนที่จะเดินออกไป
“บ้ายบายค่ะอาจารย์เคราครึ่ง ตอนนี้หนูต้องไปเรียนแล้ว อาจารย์อูเรี่ยนบอกหนูว่าวันนี้เขาจะสอนคาถาใหม่ให้หนู” เอมี่โบกมือลาครัสซูก่อนที่จะบอกลาแม็กซ์และคนอื่นๆ จากนั้นเธอเดินตามอูเรียนออกไป แต่ทันใดนั้นเองเธอก็หยุดอยู่ที่หน้าประตูและหันมาลูกเป็ดขี้เหร่ “มานี่ลูกเป็ดขี้เหร่ แกควรไปเล่นกับถ่านดําและถั่วเขียว”
“เหมียว” ลูกเป็ดขี้เหร่ถอยเข้าไปหลบหลังเคาน์เตอร์อย่างหวาดกลัว มันยื่นหัวเล็กๆของมันออกมาจากหลังเคาน์เตอร์และส่ายหัวด้วยท่าที่แน่วแน่
“ไม่ต้องกลัว วันนี้ฉันไม่ให้แกสู้หรอก” เอมี่ยังพยายามชวนลูกเป็ดขี้เหร่ให้ไปกับเธอต่อ
“เหมียว” ลูกเป็ดขี้เหร่ยังคงส่ายหัว
“วันนี้ฉันจะไม่ขังแกไว้ในกรงนกด้วย” เอมี่สัญญา
“เหมียว” ลูกเป็ดขี้เหร่ซ่อนตัวอยู่หลังเคาน์เตอร์ทันทีและไม่แม้แต่จะยื่นหัวของมันออกไปอีก
“ชิ เจ้าแมวขี้ขลาด” เอมี่สายหัวก่อนที่จะเดินออกไป
ทันใดนั้นลูกเป็ดขี้เหร่ก็โผล่หัวออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นมันก็ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้แล้วนอนหงายและหลับไป
แม็กซ์มองไปที่พุงน้อยๆของมันแล้วส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันจะกลายเป็นแมวอ้วนอย่างแน่นอน
“ระบบ ภารกิจการแข่งขันอาหารล้มเหลวแล้ว งั้นฉันขอภารกิจใหม่เลยได้มั้ย?” หลังจากที่หมดเวลาเปิดร้านช่วงเช้าแม็กซ์ก็ยกเก้าอี้เลานจ์ออกมานั่งภายใต้แสงแดด แล้วเอนตัวลงอย่างผ่อนคลาย เขาโยนข้าวแสงจันทร์หนึ่งกํามือออกไปและพวกมันดึงดูดความสนใจของนกพิราบขาวจํานวนหนึ่งในทันที
“ภารกิจยังไม่จบดังนั้นระบบจะยังไม่มอบภารกิจใหม่ให้ พยายามให้ดีที่สุดเพื่อทําภารกิจให้สำเร็จและอย่าเพิ่งยอมแพ้! จะไม่มีการลงโทษสําหรับภารกิจที่ล้มเหลวแต่มันจะส่งผลเสียต่ออัตราความสําเร็จของภารกิจและจะส่งผลต่อความยากของภารกิจถัดไป” ระบบพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“เชี่ยไรเนี่ย! นายล้อฉันเล่นใช่มั้ย?!
แม็กซ์เด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง