Chapter 401 : เสนอ
หลังจากที่วัดโรว์ถูกนำตัวไปทหารของเขาก็ถูกควบคุมตัวไปเช่นกัน ไม่นานคนจำนวนมากจากวิหารสีเทาก็มาถึง เมื่อมาถึงพวกเขาก็เริ่มบันทึกชื่อและเรื่องราวของสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตรวมถึงทำความสะอาดพื้นที่
หลังจากนั้นไม่นานคนจากปราสาทเจ้าเมืองก็มาถึงเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการสอบสวน พวกเขามาที่นี่เพื่อนำอาหารและเสื้อผ้ามาให้กับผู้อยู่อาศัยทั้งหมดในพื้นที่
เมื่อเหล่าญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิตได้กินขนมปังและจิบน้ำร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึกก็กลับคืนมาสู่ใบหน้าที่นิ่งเฉยของพวกเขาอีกครั้ง ในที่สุดความเจ็บปวดที่สั่งสมอยู่ในใจของพวกเขามานานหลายปีก็ได้รับการบรรเทาลงในที่สุด
“แม็กซ์ ฉันต้องถามนายเกี่ยวกับรายละเอียดของการต่อสู้ที่เกิดขึ้น นายฆ่าอัศวินระดับ 2 ได้ยังไง? ถึงแม้ว่าตำแหน่งอัศวินของเขาจะถูกยกเลิกไปเมื่อปีก่อนแต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย” แบรนลี่มองแม็กซ์ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ถ้าสิ่งที่คนอื่น ๆ พูดเป็นความจริง การที่แม็กซ์ใช้กิ่งไม้ฆ่าวอร์ริคได้นั้นบ่งบอกว่าอย่างน้อยเขาก็มีพลังพอ ๆ กับอัศวินระดับ 3
“จริง ๆ แล้วเองเป็นคนที่ฆ่าเขา ผมแค่ทำให้ดูเหมือนว่าผมเป็นคนที่ดวลกับเขา” เขาหันไปมองเองที่กำลังกินขนมปังอยู่กับเจสสิก้าด้วยรอยยิ้ม ในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเบี่ยงเบนความสนใจของคนอื่นไปที่เอม
“เข้าใจล่ะ ลูกสาวของนายเป็นสาวน้อยที่กล้าหาญจริง ๆ” แบรนลี่พยักหน้าอย่างยอมรับ ถ้าเอมเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มันก็สมเหตุสมผล ยังไงซะแม็กซ์ก็ไม่ได้ดูเหมือนคนที่มีพลังมากพอ ๆ กับอัศวินระดับ 3
“ฉันต้องขอบคุณนายและลูกสาวของนายในนามของวิหารสีเทาด้วย ครั้งก่อนนายช่วยเราในการจัดการกับฆาตกรต่อเนื่องและในครั้งนี้นายได้เปิดเผยเรื่องดำมืดนี้ให้เรารู้ นายมีส่วนอย่างมากในการทำให้เมืองเคออสกลายเป็นเมืองที่ดีกว่าเดิม” แบรนลี่มองแม็กซ์ด้วยสีหน้าขอบคุณอย่างแท้จริง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” แม็กซ์พยักหน้ารับในขณะที่เขามองไปที่กลุ่มคนที่กำลังกินขนมปังด้วยความหิวโหยสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อยเมื่อเขาถาม “ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าแต่ละวันเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองเคออสมากแค่ไหน นี่คือเมืองที่ภาคภูมิใจในความเสมอภาคและเสรีภาพ รวมถึงกฎหมายและความสงบเรียบร้อยของเมือง แต่ถ้าคนชั่วใช้กฎหมายพวกนี้เป็นเครื่องมือ กำแพงเมืองที่ยิ่งใหญ่จะไม่เปลี่ยนเมืองนี้ให้กลายเป็นคุกที่โหดร้ายที่สุดเหรอ?”
“กฎหมายทำให้ทุกคนมีอิสระมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่วิหารสีเทาและปราสาทเจ้าเมืองพยายามทำมาตลอดอย่าง ไรก็ตามมันก็เป็นอย่างที่นายพูด เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นสิ่งที่มาเตือนพวกเรา มีคนกำลังใช้กฎหมายที่เราตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านเราและเรื่องนี้จะต้องรายงานต่อท่านโรแลน ฉันแน่ใจว่าเขาจะหาทางออกที่ดีได้” แบรนลี่พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เอาล่ะ ผมหวังว่าเราจะได้เห็นเมืองเคออสที่ดีขึ้นในสักวันนึง ผมคงต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ” แม็กซ์พยักหน้าและเป็นจักรยานไปหาเอม
“พ่อของเอม ขอบคุณมากนะคะสำหรับสิ่งที่คุณทำในวันนี้ ขอบคุณจริง ๆ ที่คุณมาช่วยพวกเรา” เมื่อรีเบคก้าที่เพิ่งได้รับขนมปังจากเจ้าหน้าที่ของปราสาทเจ้าเมืองเห็นแม็กซ์เดินเข้ามาเธอก็รีบดึงเจสสิก้าให้คุกเข่าลงด้วยกันในทันที
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ในเมื่อเจสสิก้าเป็นเพื่อนของเอมี่ผมคงจะยืนเฉยและไม่ทำอะไรเลยไม่ได้” แม็กซ์รีบพยุงเธอขึ้นในทันทีและยิ้มในขณะที่เขาถาม “ผมขอเข้าไปนั่งข้างในได้มั้ย?”
“แน่นอน เชิญเข้ามาเลยค่ะ” รีเบ็กก้ารีบพยักหน้ารับในทันที เธอเปิดประตูและเดินจูงมือเจสสิก้าเข้าบ้านไป
แม็กซ์หันไปมองคนงานที่กำลังทำความสะอาดซากศพก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านของเจสสิก้าพร้อมกับเอมแสงในบ้านค่อนข้างสลัวและมีห้องเพียงแค่ห้องเดียว ในห้องมีเตียงและหน้าต่างเล็ก ๆ พอให้แสงส่องเข้ามาอยู่
มีโต๊ะไม้เล็ก ๆ ตั้งอยู่ข้างเตียง บนนั้นมีผ้า เข็มและด้ายวางเอาไว้อยู่ มีเก้าอี้ไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมตั้งอยู่ด้านข้างและมีมุมสำหรับทำอาหารเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง บนโต๊ะสำหรับทำอาหารมีหม้อโจ๊กวางอยู่และมีห่อข้าวเล็ก ๆ วางอยู่ข้าง ๆ หม้อนั้น
นอกจากนั้นในห้องนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว
“พ่อของเอมีคะ เชิญนั่งเลยค่ะ” เจสสิก้าดึงเก้าอี้ไม้ไผ่มาด้วยความยากลำบากและมองมาที่แม็กซ์ ดวงตาของเธอสดใสมากและมีสัญญาณของความขอบคุณอยู่ในแววตาของเธอ
“ขอบคุณนะเจสสิก้า” แม็กซ์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มและนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีอยู่เพียงแค่ตัวเดียวภายในห้องเก้าอี้ได้รับการซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้งด้วยแผ่นไม้และมันก็ส่งเสียงประท้วงในทันทีที่เขานั่งลงไป เขารีบเกร็งตัวในทันทีเพราะเขากลัวว่าเขาจะทำเก้าอี้ไม้หักเพราะน้ำหนักตัวของเขา
“ยังพอมีน้ำเหรออยู่บ้าง ฉันขอโทษจริง ๆ แต่ไม่มีอะไรที่ฉันจะใช้ต้อนรับคุณได้เลย ฉันต้องขอบคุณคุณมากสำหรับเหรียญมังกรที่คุณมอบให้กับเจสสิก้าเมื่อครั้งก่อน มันช่วยชีวิตฉันไว้และฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะตอบแทนคุณยังไงดี” รีเบคก้าส่งชามใส่น้ำให้กับแม็กซ์ในขณะที่เธอมองเขาด้วยความกตัญญู
ชามมีรอยบินแต่มันก็ถูกล้างจนสะอาดมาก น้ำเองก็ใสมากเช่นกัน หลังจากที่แม็กซ์ดื่มน้ำเข้าไปอีกใหญ่เขาก็หันไปยิ้มให้กับรีเบคก้าและพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก ตอนนี้คุณดีขึ้นรึยัง?”
รีเบคก้อายุแค่ 30 เท่านั้น แต่เธอมีรอยตีนกามากมายรอบดวงตาทำให้เธอดูแก่กว่าอายุจริง อีกทั้งใบหน้าของเธอยังซีดเพราะว่าเธอป่วยมาสักพักแต่การแสดงออกของเธอนั้นมีชีวิตชีวามากกว่าที่เห็นภายนอก จริง ๆ แล้วเธอค่อนข้างดูดีที่เดียว สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือดวงตาของเธอ ดวงตาสีดำของเธอนั้นใสกระจ่างเหมือนกับดวงตาของเจสสิก้า พวกมันดูอ่อนโยนและสวยงามมาก เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากเมื่อเธอยังเด็ก
ถึงแม้ว่าเจสสิกจะอาศัยอยู่ในสถานที่ที่น่ากลัวแต่เธอก็ยังน่ารักและกระตือรือร้นมาก และเมื่อแม็กซ์ได้พบกับรีเบคก้าเขาก็เข้าใจ เธอมีแม่ที่ดี
“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่ได้กินซุปไก่ของคุณและฉันก็ซื้อยามาด้วยดังนั้นตอนนี้ฉันจึงเกือบจะหายขาดแล้ว” รีเบคก้าพยักหน้าด้วยความขอบคุณก่อนที่เธอยื่นมือมาหาแม็กซ์ มีเหรียญทองวางอยู่บนฝ่ามือของเธอ “หลังจากการต่อสู้ฉันหาเงินเจอแค่หนึ่งเหรียญทอง แต่ฉันจะคืนเหรียญมังกรให้คุณอย่างแน่นอน ฉันทำงานเกี่ยวกับการเย็บผ้าแต่รายได้ก็ไม่ได้ดีมากนัก ฉันน่าจะประหยัดได้วันละเล็กละน้อยและมีเงินพอที่จะคืนให้คุณได้ในอีกสองเดือน”
“เก็บเงินเอาไว้เถอะ ถือซะว่ามันเป็นของขวัญเพื่อให้เจสสิก้ามีอาหารดี ๆ กิน” แม็กซ์ส่ายหัวและผลักมือของรีเบคก้ากลับไปเบา ๆ ดูเหมือนว่าเธอจะคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อเก็บหนี้จากเธอ
“ไม่ ฉันต้องคืนเงินนี้ให้คุณ” รีเบคก้ายื่นมือออกมาอีกครั้งแล้วมองมาที่แม็กซ์ด้วยท่าทีแน่วแน่
“ใช่แล้วค่ะพ่อของเอม พ่อของหนูสอนหนูว่าถ้าหนูยืมอะไรบางอย่างมาจากใครสักคนหนจะต้องคืนมันให้กับเขา ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอกค่ะ หนูช่วยแม่ทำงานได้เราจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น” เจสสิก้าพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอาล่ะ ๆ ผมจะรับเงินคืนก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ อีกสามเดือนค่อยคืนให้ผมก็แล้วกัน” แม็กซ์พยักหน้าเมื่อเห็นถึงความแน่วแน่ของเจสสิก้าและรีเบคก้า จากนั้นเขาหยิบถุงเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนตักของเขาขึ้นมาแล้วส่งมันให้กับเจสสิกในขณะที่เขาพูด “นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเงิน วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อเชิญเจสสิก้าไปงานปาร์ตี้อาหารกลางวันของเรา นี่คือของขวัญที่เอมี่เตรียมไว้ให้หนู ฉันหวังว่าหนูจะชอบมันนะ”