Chapter 406 : เธอมีค่ามาก
“พ่อคะ แดฟเน่ ถั่วน้อยแล้วก็คุณป้าให้ของขวัญที่สวยมาก ๆ กับหนูด้วยล่ะ” เอมีรีบวิ่งไปที่ครัวในทันทีเพื่อบอกข่าวดีกับแม็กซ์
“หนูขอบคุณพวกเขารึยัง?” แม็กซ์เดินมาที่ทางเข้าครัวและถามด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนค่ะ หนูขอบคุณพวกเขาแล้ว” เอมีพยักหน้ารับ
“เอ๊ะ? เป็นคุณนั้นเอง!” สายตาของแม็กซ์หยุดอยู่ที่กายและมีความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขามองไปที่แดฟเน่และเข้าใจได้ในทันทีและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“โชคชะตามักจะทํางานในรูปแบบที่น่าสนใจจริง ๆ”
“เห็นด้วยเลย ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้” กายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับทุกคนนะครับ มีแขกอีกหลายคนที่ยังมาไม่ถึงดังนั้นช่วยรอกันอีกสักแปปนึงนะครับ” แม็กซ์มองทุกคนด้วยรอยยิ้ม
“เชิญนั่งเลยค่ะ” ยาเบะมิยะยิ้มขณะที่เธอชี้ไปที่โต๊ะและเก้าอี้ที่จัดเรียงเอาไว้เป็นครึ่งวงกลม
เมื่อจอร์จประคองมิแรนด้านั่งลงเรียบร้อยเธอก็มองไปรอบ ๆ ร้านอาหารด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “เป็นร้านอาหารที่สวยมาก ที่นี่ต้องเป็นร้านอาหารที่สวยที่สุดในลานเอเดนแน่ ๆ เลยใช่มั้ย?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ร้านอาหารของแม็กซ์เป็นร้านที่สวยที่สุดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยปกติแล้วมันจะยุ่งวุ่นว่ายมากและมีลูกค้าจํานวนมากรอคิวที่นั่งอยู่เสมอเลย” จอร์จพยักหน้าด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาเปลี่ยนไปอุ้มแอกัสด้วยแขนอีกข้างหนึ่งอย่างเบามือ สายตาของแองกัสให้ความสนใจอยู่กับโคมระย้าคริสตัลและมองมันอย่าง มีความสุข
พาเมอร์และพาเบอร์นั่งลงสองฝั่งของทั้งสอง พาเมอร์เลือกที่นั่งที่มุมห้องและมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยราวกับว่าเขากําลังคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่
แดฟเน่และกายเองก็ก็นั่งลงพร้อมกับอิคนัตสึ พวกเขาทั้งสองคนกําลังมองลูกเป็ดขี้เหร่ด้วยดวงตาที่เบิกกว่างลูกแมวตัวเล็กสีส้มตัวนี้น่ารักมาก พวกเขาอยากจะอุ้มมันจริง ๆ !
เอมเอาของขวัญของเธอไปเก็บก่อนที่จะถามขึ้น “พวกเธออยากเล่นกับลูกเป็ดขี้เหร่มั้ย?”
“เล่น!” พาเบอร์เป็นคนแรกที่ยกมือขึ้น
“พวกฉันก็เล่น” แดฟเน่และอิคนัตสึเองก็พยักหน้ารับหลังจากนั้น
“งั้นก็เอาเลย” เอมอุ้มลูกเป็ดขี้เหร่ที่ไม่เต็มใจลงมาจากเคาน์เตอร์แล้ววางมันลงบนพื้นด้วยรอยยิ้ม
“เอมี่ เธอใจดีที่สุดเลย!” แดฟเน่พูดอย่างมีความสุข เธอก้มตัวลงมาลูบหัวลูกเป็ดขี้เหร่ด้วยรอยยิ้ม
“ลูกแมวน้อยน่ารักมาก ผมเองก็อยากจะอุ้มมัน…” พาเบอร์เดินโซเซเข้ามาและพยายามกัมลงไปอุ้มลูกเป็ด ขี้เหร่ด้วยแขนเล็ก ๆ ของเขา
ลูกเป็ดขี้เหร่กลอกตามองพาเบอร์ก่อนที่มันจะถอยหลังไปสองก้าวเพื่อหลบมือของเขา
“อย่าหนี้สิ! ฉันไม่ได้อยากให้แกอุ้มฉันซะหน่อย ฉันต่างหากที่อยากอุ้มแก” พาเบอร์เดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าวก่อนที่จะกางแขนเล็ก ๆ ของเขาออกอีกครั้ง
ลูกเป็ดขี้เหร่ถอยหลังไปสองสามก้าวอีกครั้งแล้วซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเอม
“ลูกเป็ดขี้เหร่ไม่อยากให้นายอุ้มมันแล้วมันก็กลอกตามองนายด้วย” เอมี่แบมือด้วยท่าทีว่าเธอทําอะไรไม่ได้
“ก็ได้ แต่ยังไงซธฉันก็ยังชอบแกอยู่ดี” พาเบอร์ประกาศด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“สาวน้อยเหล่านี้น่ารักมาก ฉันหวังว่าฉันจะมีลูสาวตัวน้อยแบบนี้บ้าง” มิแรนด้ามองเอมและแดฟเน่ด้วยแววตาคาดหวัง
จอร์จมองมิแรนดาด้วยสีหน้าอ่อนโยนและพูดว่า “คุณจะมีแน่ คราวนี้ลูกของเราจะต้องเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆอย่างแน่นอน”
“เอมี่ พวกเรามาแล้ว” เสียงเคาะดังขึ้นพร้อมกับเสียงของฉีฉี
“พี่สาวฉีฉีกับคุณหมีใหญ่มาแล้ว” ตาของเอมเป็นประกายขึ้นมาในขณะที่เธอรีบวิ่งไปเปิดประตู
“ขอบคุณที่เชิญพวกเรามาร่วมงานเลี้ยงนะจ๊ะเอม” ฉีฉีที่สวมชุดเดรสสีขาววางมงกุฎดอกไม้ลงบนหัวของเอมด้วยรอยยิ้มพวกมันเป็นดอกไม้ดอกเล็ก ๆ มีทั้งสีเหลือง สีขาวและสีชมพูทั้งหมดล้วนบานสะพรั่งและมีความสวยงามเป็นพิเศษเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยใบไม้สีเขียว
“ขอบคุณค่ะพี่สาวฉีฉี แล้วก็ยินดีต้อนรับพี่กับคุณหมีใหญ่ด้วยนะคะ” เอมีลูบมงกุฎดอกไม้บนหัวของเธอด้วย รอยยิ้มสดใส
ลู่ลู่ยืนอยู่ด้านหลังฉีฉีด้วยรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย เขาหิวกรงนกมาด้วยสองกรง กรงด้านซ้ายเป็นถั่วเขียวที่กางปีกออกอย่างสง่างามก่อนที่จะโค้งคํานับเอมี่และพูด “ขอบคุณนะเอม”
“ขอบคุณนะเจ้าหญิงเอม แต่ฉันต้องอยู่ในกรงสีดําที่น่ากลัวนี่ตลอดช่วงเวลาของงานปาร์ตี้เลยเหรอ? นี่คือการทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของฉันเลยนะ” มีผ้าสีดําคลุมอยู่บนกรงทางขวาและมีเสียงอ้อนวอนของถ่านดําดังมาจากข้างในนั้น
“นายไม่สามารถออกมาได้ วันนี้มีเด็กหลายคนดังนั้นนายจะต้องอยู่ในกรง ถ้านายออกมาด้วยตัวเองฉันจะหยุดและพานายกลับบ้าน”เอมส่ายหัวด้วยสีหน้าไม่ยอม
“เอาล่ะ ฉันไม่ออกไปก็ได้” ถ่านดําตอบอย่างไม่พอใจเล็กน้อยก่อนที่จะเงียบไป
ในตอนนั้นเองอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังของลูลู่ “ว้าว เอมี่ ที่นี่คือร้านอาหารของครอบครัวเธอเหรอ? มันสวยมาก ๆ เลย!”
ลู่ลูก้าวออกไปด้านข้างทําให้พวกเขามองเห็นเจสสิก้าและรีเบคก้าที่เพิ่งมาถึง
เจสสิก้าเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดรสสีเหลืองที่เอมมอบให้เธอและติดกิ๊บรูปผีเสื้อสีเหลืองตามคําแนะนําของเอมเธอมองหน้าต่างคริสตัลใสที่สูงจากพื้นจรดเพดานด้วยความประหลาดใจ มือข้างหนึ่งของเธออยู่ข้างหลังราวกับ ว่าเธอกําลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้
รีเบคก้ายืนอยู่ข้าง ๆ เจสสิก้าในชุดเดรสลายดอกไม้สีเขียวและสีเทา ชุดนั้นเก่าไปหน่อยและค่อนข้างยับราวกับว่าเธอเพิ่งจะค้นมันออกมาจากกล่อง ผมของเธอถูกมัดไว้อย่างง่าย ๆ และมีรอยยิ้มที่อบอุ่นอยู่บนใบหน้า ของเธอ
“ใช่แล้วล่ะ ที่นี่เป็นร้านอาหารของครอบครัวเรา เจสสิก้า เธอดูดีมากเมื่อใส่ชุดนี้” ดวงตาของเอมเป็นประกายขึ้นมาในทันทีเมื่อเธอมองเห็นเจสสิก้า “เธอสวยเหมือนกับผีเสื้อตัวน้อยเลย”
“ใช่เลยล่ะ และเจสสิก้าก็เป็นชื่อที่น่ารักมาก” ฉีฉีมองเจสสิก้าด้วยรอยยิ้มอบอุ่นและลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะคะ” คําตอบของเจสสิก้านั้นค่อนข้างเขินอาย จากนั้นเธอก็หันมาหาเอมด้วยสีหน้าจริงจังและพูดว่า “เอมี่ ขอมือให้ฉันหน่อยสิ ฉันมีของขวัญจะให้เธอ”
“ได้สิ” เอมี่ยื่นมือซ้ายออกมาและมองเจสสิก้าด้วยสีหน้าคาดหวัง
เจสสิก้าวางกําปั้นเล็ก ๆ ของเธอลงบนมือของเอมแล้วคลายมันออกเผยให้เห็นคริสตัลสีม่วงขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือบนฝ่ามือของเอม
พื้นผิวของผลึกนั้นไม่เรียบนักแต่มันก็สะอาดและใสมาก ด้วยความที่มันไม่มีสิ่งสกปรกใด ๆ เจือปนอยู่เลยเมื่อมันกระทบกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมามันจึงฉายแสงสีม่วงที่สวยงามออกมา
“ว้าว เป็นคริสตัลสีม่วงที่สวยมาก ๆ เลย!” ดวงตาของเอมเป็นประกายขึ้นมาในทันที สีม่วงเป็นสีโปรดของเธออย่างไรก็ตามเธอรีบวางคริสตัลกลับเข้าไปในมือของเจสสิก้าและส่ายหัวในทันที “ไม่ เจสสิก้าฉันไม่สามารถรับของขวัญที่มีค่าขนาดนี้ได้”
“พ่อของฉันมอบสิ่งนี้ให้ฉันก่อนที่เขาจะเกิดอุบัติเหตุ เขาบอกฉันว่าในโลกนี้มิตรภาพที่แท้จริงนั้นมีค่ายิ่งกว่าหินที่สวยงาม” เจสสิก้าคว้ามือของเอมมาแล้ววางคริสตัลนั้นลงบนฝ่ามือของเธอ รอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอในขณะที่เธอพูด “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันมอบมันให้เธอ เธอมีค่ามากกว่าก้อนหินนี้และฉันก็แน่ใจว่าพ่อจะคิดเหมือนกัน