Chapter 41 : พ่อ รอเดี๋ยว !
“หุบปากไปไอ้ถั่วเขียว ! แกทำลายชื่อเสียงของฉันอีกแล้ว ! วันนี้ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้แก !” อีกาตะโกนใส่นกแก้ว
“หยุดเรียกฉันว่าถั่วเขียว” นกแก้วเริ่มไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย “ชุดของแกหล่นหมดแล้ว” เธอชี้ไปที่ใบไม้ที่ตกลงไปใต้กรง
อีกาก้มหน้าลงในทันที เขามองเห็นใบไม้ที่ค่อยๆร่วงลงไปช้าๆ
“โอ้ !” ตาของมันเบิกกว้างทันทีและรีบใช้ปีกที่ไร้ขนของมันมาปิดบังตัวของมันเอาไว้ “ขอโทษด้วยครับ ท่านช่วยหยิบเสื้อผ้าให้ข้าหน่อยได้มั้ยครับ ?” มันรีบถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ
เอมี่หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน เธอเดินไปที่ใบไม้และยิบมันขึ้นมา “ถ่านดำ เสื้อผ้าของนายอยู่ในมือฉันแล้ว ฉันจะให้คืนถ้านายทำตัวดีๆ ไม่งั้นฉันจะเอาพวกมันไปด้วย” เธอยิ้มและพูดขึ้น
“ฉัน…ฉัน…” ถ่านดำมองไปที่เอมี่และไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง จากนั้นก็มีลมหนาวพัดผ่านมาจนทำให้มันหนาวจนตัวสั่น มันรีบพยักหน้าทันทีและมองไปที่ใบไม้ในมือของเอมี่ “ได้ ฉันจะทำตัวดีๆ !”
เอมี่พยักหน้าอย่างดีใจ “ดีมาก จำคำพูดของนายไว้ด้วยล่ะ” เธอเขย่งเท้าของเธอเพื่อส่งใบไม้ให้กับอีกา แต่กรงนั้นสูงเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึงได้ เธอจึงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
แม็กซ์ก้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้น ตอนนี้เธอสูงพอๆกับกรงนกแล้ว “ตอนนี้ลูกสามารถเอื้อมถึงได้แล้ว”
“พ่อเป็นพ่อดีที่สุดเลย” เอมี่จูบไปที่แก้มของแม็กซ์และส่งใบไม้คืนให้กับอีกา “เอานี่เจ้าถ่านดำโง่”
“ฉันยอมรับความช่วยเหลือของเธอ” ถ่านดำรับใบไม้จากมือของเอมี่แล้วเอามันมาห่อตัวอีกครั้ง
เอมี่ลงจากการอุ้มของแม็กซ์แล้วโบกมือให้กับนกทั้งสอง “ลาก่อน ถ่านดำกับถั่วเขียว” จากนั้นเธอก็เดินออกไปพร้อมกับแม็กซ์
“ลาก่อน แต่ครั้งหน้าเรียกฉันว่าซันนี่นะ” ถั่วเขียวพูดขึ้น
“บางทีเธอก็น่ารักดีนะ ฉันจะทำตามที่เธอบอกก็ได้” ถ่านดำพึมพำออกมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักขณะที่เขามองดูเอมี่ที่เดินออกไป
หลังจากที่พวกเขาเดินออกมา แม็กซ์กับเอมี่ก็เดินไปที่กลางลานเอเดน มันเป็นลานขนาดใหญ่ ตรงกลางนั้นเป็นพื้นที่เปิดกว้างและมีพื้นที่ว่างหลายจุดอยู่โดยรอบ แต่ละจุดนั้นมีรูปปั้นหรือไม่ก็สวนที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละเผ่าพันธุ์
สามารถพูดได้ว่าลานเอเดนนั้นเป็นเหมือนแผนที่ขนาดใหญ่ของทวีปนอร์แลน ซึ่งตรงกลางนั้นเป็นที่ตั้งของเมืองเคออสที่มีเผ่าพันธุ์อื่นๆอยู่รายล้อม
ลานนี้ดูคึกคักมากขึ้นเมื่อพวกเขาเดินไปทางตะวันออกของลาน ปิศาจลาวาเด็กน้อยที่ตัวเต็มไปด้วยรอยแตกของความร้อนวิ่งผ่านพวกเขาไป ผมของเขาราวกับเปลวไฟทำให้เขาดูเหมือนกับคบไฟ
เขาถูกวิ่งตามโดยโทรลเด็กที่มีหญ้าอยู่บนหัว ตามมาด้วยคนแคระเด็กสองคนที่ถือค้อนวิ่งตามมา
ในเมืองเคออสแห่งนี้ พ่อแม่ไม่มีทางรู้เลยว่าลูกของพวกเขาไปเล่นกับใครบ้าง
เมื่อเด็กๆวิ่งผ่านแม็กซ์กับเอมี่ไป พวกเขาก็ลดความเร็วลงและมองมาที่เอมี่อยู่สักพัก
เมื่อเห็นแบบนั้นแม็กซ์ก็จ้องเขม็งไปที่พวกเขาก่อนจะหันหน้ากลับมาแล้วเดินไปบังสายตาของพวกเขาเอาไว้
เธอเป็นลูกสาวของเขา เขาไม่มีทางปล่อยให้เด็กพวกนี้เล่นกับเธอแน่
วันนี้เป็นวันที่เอมี่มีความสุขมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเด็กๆหลายคนมองด้วยสายตาอิจฉา
แม็กซ์ไปนั่งพักที่ม้านั่งหินกับเอมี่อยู่สักพักและในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินกลับ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอายุประมาณ 5 ปีที่ผมมัดเป็นซาลาเปาก็มาหยุดยืนอยู่ข้างๆพวกเขา “พ่อ หนูอยากได้ทรงผมแบบนี้ นะพ่อนะ !” เธอพูดพร้อมกับเขย่าแขนของพ่อไปมา เขาอายุประมาณ 30 ปีและแต่งตัวดูเรียบร้อย
ชายคนนั้นมองมาที่ผมเปียที่ดูดีของเอมี่และรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา “อืมม…ยาย่า ตอนนี้ก็สวยมากแล้ว” นักรบแบบเขาจะถักเปียที่สวยแบบนี้ได้ยังไง ?! แค่นี้ก็ถือว่าเขาทำได้เกินตัวแล้ว !
จากนั้นเขาก็มองมาที่แม็กซ์ด้วยความอิจฉา เขามีทักษะที่ยอดเยี่ยมหรือไม่ก็มีภรรยาที่ดีที่ทำผมให้กับสาวน้อยของพวกเขาได้ ไม่เหมือนกับฉัน เขาโดนสั่งให้พาลูกสาวออกมาเดินเล่นเพราะเมียของเขากำลังจะไปเล่นไพ่
“แต่ผมซาลาเปานี่น่าเกลียดออก หนูอยากได้เปียแบบนั้นอ่ะ” สาวน้อยลูบผมตัวเองอย่างไม่พอใจ “หนูอยากได้เปียแบบเธอ !” เธอพูดขึ้นพร้อมกับชี้มาที่เอมี่ด้วยความอิจฉา จากนั้นเธอก็เริ่มร้องไห้
ชายคนนั้นก้มลงไปเช็ดน้ำตาให้กับลูกของเขา “อย่าร้องไปเลยนะสาวน้อย เดี๋ยวพ่อจะซื้อของดีๆให้ลูกเยอะๆเลยนะ” เขามองไปที่แม็กซ์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
แม็กซ์มองเขาด้วยความเห็นใจในขณะที่อีกฝ่ายพยายามปลอบลูกของเขาอยู่ โชคดีสำหรับฉันที่เอมี่ไม่ได้ทำผมซาลาเปาแบบนี้ออกมาเมื่อวาน แต่การเห็นสีหน้าสลดของชายคนนี้ในขณะที่ปลอบลูกทำให้เขารู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ฉันนี่สุดยอดจริงๆที่สามารถทำผมเปียให้กับลูกสาวของฉันได้ ! จากนั้นเขาก็จับมือของเอมี่และพูดว่า “ไปกันเถอะเอมี่”
“พ่อ รอเดี๋ยวนะ” เอมี่เดินเข้าไปหาสาวน้อยคนนั้นและเช็ดน้ำตาให้สาวน้อยคนนั้นด้วยมือเล็กๆของเธอ
เธอเป็นคนที่ค่อนข้างห่วงใยคนอื่นด้วย แม็กซ์รู้สึกมีความสุขอย่างมาก
ชายคนนั้นถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หวังว่าเธอจะช่วยปลอบลูกสาวของฉันนะ
“อย่าร้องไห้ไปเลยนะ มีแค่พ่อฉันเท่านั้นแหละที่สามารถถักเปียแบบนี้ได้ พ่อของเธอทำให้ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าเธอจะร้องไห้ดังแค่ไหนก็ตาม” เอมี่พูดด้วยสีหน้าจริงจังแล้วดึงมือของเธอกลับมา
สาวน้อยกำลังจะหยุดร้องก่อนที่เอมี่จะพูด แต่ตอนนี้เธอก็ต้องผงะไปเพราะคำพูดของเอมี่ เธอเงยหน้าขึ้นมองพ่อของเธอจากนั้นก็มองไปที่แม็กซ์ อยู่ๆเธอก็รู้สึกเศร้าและร้องไห้ออกมาหนักยิ่งกว่าเดิม
ฉัน…ฉันไม่คิดว่า… แม็กซ์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลูกสาวของเขาไม่ใช่เด็กผู้หญิงทั่วไป เขามองไปที่พ่อของสาวน้อยคนนั้นที่กำลังตกใจพอๆกันกับลูกสาวของเขาและรีบจับมือของเอมี่อย่างรวดเร็ว “ขอโทษด้วยนะ” จากนั้นพวกเขาก็เดินออกมาในทันที
ระหว่างทางกลับร้าน แม็กซ์ได้หยุดมองร้านที่ขายแพนเค้กข้างทาง เจ้าของร้านเป็นชายชราที่มีเตาอบขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนกระบอกและมีอ่างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแป้งข้าวโพดสีเหลืองเข้มวางอยู่ข้างๆ เขานำแป้งที่เตรียมเอาไว้แปะเข้าไปที่ด้านในของเตาอบและหลังจากนั้นไม่นานแพนเค้กก็เสร็จ
ธุรกิจของเขาดีมาก หลายคนมาต่อแถวที่หน้าร้านของเขาและส่วนมากก็เป็นเด็กเล็ก พวกเขาถือเงินไว้คนละ 1-2 เหรียญทองแดงและคอยมองไปรอบๆและรอคิว เด็กคนอื่นๆที่ไม่มีเงินก็นั่งยองๆอยู่ที่พื้นและมองไปที่ร้านด้วยสายตาละห้อย
ธุรกิจนี้เป็นไปได้ดีมาก บางทีเขาน่าจะขายได้สักหนึ่งพันแผ่นต่อวัน มันถูกมากแต่มันก็ไม่ยากที่เขาจะขายได้ 30,000 เหรียญทองแดงต่อเดือน
อยู่ๆแม็กซ์ก็จำได้ว่าแม็กซ์คนเก่าเคยออกมาตามหาเอมี่ แล้วเขาก็เห็นลูกสาวของเขามานั่งยองๆอยู่ที่พื้นและมองดูร้านแพนเค้กแบบนี้ เขากำมือของเอมี่แน่น “กลับบ้านกันเถอะเอมี่ พรุ่งนี้เช้าพ่อจะทำโร่วเจียหมัวที่อร่อยกว่าแพนเค้กเป็นร้อยเท่าให้ลูกกิน” แม็กซ์พูดพร้อมกับยิ้ม
เอมี่พยักหน้ารับอย่างจริงจัง “ขอบคุณค่ะพ่อ อาหารที่พ่อทำน่ะดีที่สุดเลย” เธอเชื่อฟังแม็กซ์เป็นอย่างมาก