Chapter 59 : เหมียว เหมียว เหมียว เหมียว
แม็กซ์ได้เตรียมขนมปังเอาไว้มากกว่า 30 ก้อนสำหรับมื้อกลางวันและพวกเขาก็ขายพวกมันไปจนหมดในเวลาไม่นาน กลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นกระตุ้นความอยากอาหารของลูกค้าเป็นจำนวนมาก จนพวกเขาต้องร้องขอให้แม็กซ์ทำมันเพิ่ม
ยังไงก็ตามไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงเพื่อนวดแป้งและตุ๋นเนื้อ มันไม่เหมือนกับข้าวผัดหยางโจวที่ต้องใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีในการทำออกมา
ลูกค้าให้ความสนใจกับถุงกระดาษคราฟท์ที่ประณีตเช่นกัน ถึงกับมีคนบอกว่าเขาจะใช้มันเป็นกระเป๋าใส่เหรียญ พวกเขาคิดว่าภาพด้านหลังของเอมี่นั้นน่ารักมาก คำชมของพวกเขาทำให้เอมี่รู้สึกมีความสุข
ตอนอาหารเย็น เริ่มมีผู้คนจำนวนมากที่ได้ยินเกี่ยวกับร้านอาหารและที่ร้านก็มีลูกค้าเข้ามามากขึ้น ข้าวผัดหยางโจวและโร่วเจียหมัวอร่อยมากจนทำให้พวกเขารู้สึกคลั่งไคล้ พวกมันถูกปรุงขึ้นมาด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใคร และรสชาติของพวกมันก็ทำให้พวกเขาหลงใหล พวกมันทำลายแนวคิดเกี่ยวกับอาหารของพวกเขาโดยสมบูรณ์
แน่นอน พวกมันมีราคาแพง แต่เมืองเคออสไม่เคยขาดคนรวย พวกเขาไม่รังเกียจที่จะใช้เหรียญทองเพื่อกินอาหารดีๆ
“ขอโทษนะ วันนี้เป็นแค่การทดลองขายเท่านั้นและเราก็ขายจนหมดแล้ว เราจะเริ่มขายมันอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากมันต้องใช้เวลานานในการเตรียม ปริมาณของมันในแต่ละมื้อจึงมีจำกัด กลับมาอีกครั้งพรุ่งนี้นะ” แม็กซ์พูดกับลูกค้าคนสุดท้ายด้วยรอยยิ้มและหันหลังไป เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้ว่าเขาจะกินข้าวผัดหยางโจวและโร่วเจียหมัวไปแล้ว แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหลังจากที่ผ่านวันที่ยาวนานมา
เขาขายโร่วเจียหมัวไปมากกว่า อันในวันนี้ และเนื่องจากความนิยมของโร่วเจียหมัวทำให้จำนวนข้าวผัดหยางโจวที่เขาขายได้ลดลงเล็กน้อย โดยรวมแล้ววันนี้เขาทำกำไรได้มากกว่า 360 เหรียญทอง
วันพรุ่งนี้เขาต้องตื่นให้เร็วขึ้นเพื่อมานวดแป้งให้มากกว่าเดิม เพราะว่าเขาต้องขายโร่วเจียหมัว 1,000 อันเพื่อปลดล็อคพุดดิ้งเต้าหู้
ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของร้านอาหาร เขาตัดสินใจที่จะไม่มีส่วนร่วมในความขัดแย้งระหว่างคนที่ชอบพุดดิ้งเต้าหู้แบบคาวและแบบหวานอีกต่อไป
เขารู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย คนที่นี่จะเป็นเหมือนกับคนในโลกก่อนของฉันมั้ย ? บางคนชอบแบบคาวและบางคนก็ชอบแบบหวาน ? หวังว่าพวกเขาจะเข้ากันได้ดี ไม่งั้นพวกเขาคงจะต่อสู้เพื่อตัดสินกันทุกวันที่นอกร้าน
เสียงของเอมี่กังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของเขา “พ่อ พ่อต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ให้หนูนวดไหล่ให้พ่อนะ” เอมี่พูดกับเขาในขณะที่เธอยังอุ้มลูกเป็ดขี้เหร่เอาไว้ในอ้อมแขนของเธอ
“เหมียว เหมียว…” ลูกเป็ดขี้เหร่ร้องออกมาราวกับว่ามันเห็นด้วยกับเอมี่
แม็กซ์มองไปที่ทั้งคู่จากนั้นเขาก็ลูบหัวเอมี่ “ไม่ต้องห่วง พ่อไม่เหนื่อยหรอก นั่งรอพ่ออยู่ตรงนี้นะ แต่ถ้าลูกรู้สึกง่วงลูกไปอาบน้ำนอนก่อนได้เลยนะ” เขาพูดพร้อมกับส่ายหัว
เอมี่ส่ายหัว “ไม่ค่ะ หนูจะรอพ่อ” จากนั้นเธอก็ก้มลงไปมองลูกเป็ดขี้เหร่ “ใช่มั้ยลูกเป็ดขี้เหร่ ?”
“เหมียว” ลูกเป็ดขี้เหร่ร้องออกมาพร้อมกับหาว มันพยักหน้าเห็นด้วย แต่ความไม่เต็มใจถูกเขียนไว้ทั่วใบหน้าของมัน
แม็กซ์พยักหน้ายิ้ม “งั้นพ่อจะรีบ” เขาล้างจาน เช็ดโต๊ะให้สะอาดและถูพื้น กว่าเขาจะทำเสร็จมันก็ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
เอมี่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงอย่างครึ่งหลับครึ่งตื่นและลูกเป็ดขี้เหร่ก็หล่นออกมาจากอ้อมแขนของเธอแล้ว
แม็กซ์แขวนผ้ากันเปื้อนของเขาเอาไว้และเช็ดมือให้แห้งก่อนที่จะเดินมาหาเอมี่ “เอามันใส่ไว้ในตะกร้านะ เราจะขึ้นไปนอนกันข้างบน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและลูบผมของเอมี่
เอมี่พยักหน้า “โอเคค่ะ”
“เหมียว…” ดูเหมือนว่าลูกเป็ดขี้เหร่จะได้ยินที่เขาพูด มันตื่นขึ้นมาและมองแม็กซ์ด้วยสายตาบึ้งตึง จากนั้นมันก็ส่ายหัวและเกาะชุดของเอมี่เอาไว้ด้วยอุ้งเท้าสีชมพูเล็กๆ ของมันและไม่ต้องการแยกออกไป
เอมี่ส่ายหัว “ไม่เอาน่าลูกเป็ดขี้เหร่ พ่อบอกว่าแกต้องนอนในตะกร้าของแก” จากนั้นเธอก็อุ้มมันขึ้นมาและกอดมันไว้ที่หน้าอกของเธอ “นอกจากนี้แกก็น่าเกลียดมาก ถ้าฉันตื่นขึ้นมาและเห็นหน้าแกตอนกลางดึก ฉันอาจจะเตะแกตกจากเตียงด้วยความตกใจ” เธอพูดในขณะที่เธอลงจากเก้าอี้
แม็กซ์อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นที่เขาจะสอนเธอเลย เธอเกิดมาพร้อมกับลิ้นที่ชั่วร้าย
“เหมี่ยว เหมี่ยว !” ลูกเป็ดขี้เหร่ร้องออกมาราวกับว่ามันอยากจะพิสูจน์ให้เอมี่เห็นว่ามันไม่ได้น่าเกลียด แต่เอมี่ก็วางมันลงไปในตะกร้าแล้วห่มผ้าห่มให้กับมัน
จากนั้นเธอก็ยืนขึ้น “ลูกเป็ดขี้เหร่นอนได้แล้ว ฉันจะมาเล่นกับแกพรุ่งนี้ถ้าแกทำตัวดี” เธอพูดในขณะที่โบกมือ จากนั้นเธอก็จับมือของแม็กซ์เอาไว้และกำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบน
“เหมียว เหมียว เหมียว เหมียว…” ลูกเป็ดขี้เหร่รีบกระโดดออกมาจากใต้ผ้าห่มในทันที มันวางอุ้งเท้าเล็กๆของมันเอาไว้ที่ขอบตะกร้าแล้วร้องออกมาอย่างเศร้าสร้อยเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆที่ถูกทิ้งพร้อมกับมองไปที่หลังของเอมี่
เอมี่หยุดเดินและหันกลับไปมองลูกแมวที่กำลังร้องอยู่ “พ่อ ดูเหมือนว่ามันจะกลัว เราเอามันขึ้นไปที่ชั้นบนด้วยได้มั้ย ? หนูจะระวังไม่เตะมันตกจากเตียง” เอมี่ถามขณะที่เธอมองไปที่แม็กซ์
แม็กซ์มองดูลูกแมวน้อยที่น่าสงสารจากนั้นก็หันมามองเอมี่ เจ้าตัวน้อยทั้งสองนี้น่ารักมากจนเขาไม่สามารถต้านทานการอ้อนวอนของทั้งคู่ได้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้า “เอาล่ะ พามันขึ้นไปที่ชั้นบนด้วยเถอะ”
“เย้” เอมี่ยิ้มอย่างดีใจ แต่เมื่อเธอหันหลังกลับไปเธอก็เก็บซ่อนรอยยิ้มของเธอเอาไว้และอุ้มลูกแมวที่กำลังเสียใจขึ้นมา “แกนี่ปัญหาเยอะจริงๆ คืนนี้แกต้องห่ออะไรมาคลุมหน้าของแกเอาไว้นะ อย่ามาทำให้ฉันกลัว” เธอถอนหายใจ
“เหมียว เหมียว” ลูกเป็ดขี้เหร่ร้องออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นมันก็ทิ้งตัวลงอย่างผ่อนคลายอยู่ในในอ้อมแขนของเอมี่ เอาหัวเล็กๆของมันไปคลอเคลียกับหน้าอกของเธอและหลับตาลงอย่างมีความสุข
เมื่อพวกเขาขึ้นมาถึงชั้นบนเอมี่ก็วางลูกแมวที่หลับไปแล้วเอาไว้บนเตียงเล็กของเธอและวางหัวเล็กๆของมันเอาไว้บนหมอนอย่างระมัดระวัง จากนั้นเธอก็ไปอาบน้ำกับแม็กซ์
แม็กซ์ช่วยเอมี่อาบน้ำจากนั้นก็ซื้อชุดนอนสีม่วงอมฟ้าน่ารักๆอีกชุดให้เธอจากระบบ เขาเป่าผมของเธอให้แห้งแล้วพาเธอไปที่เตียงเล็กๆของเธอ
ทันทีที่เธอทิ้งตัวลงนอน ลูกเป็ดขี้เหร่ก็ยื่นอุ้งเท้าเล็กๆของมันออกมากอดแขนของเธอเอาไว้และขยับหัวเล็กๆของมันเข้ามาไว้ใกล้ๆกับแขนของเธอ
“ตัวแกหนักมาก” เอมี่ผลักมันออกไป “ราตรีสวัสดิ์ค่ะพ่อ…” เธอพูดเบาๆและมองไปที่แม็กซ์ที่กำลังหาว
“ราตรีสวัสดิ์” แม็กซ์ลูบผมของเธอและยิ้มจากนั้นเธอก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ลูกเป็ดขี้เหร่ขยับเข้าไปหาเธออีกครั้งในขณะที่มันยังหลับ มันกอดแขนของเธอเอาไว้และเอาหน้าเข้าไปซุกไว้กับแขนของเธอ
แม็กซ์ส่ายหัวยิ้มๆ มันเป็นเหมือนกับเด็กน้อยที่ต้องนอนซุกคนอื่น เขาห่มผ้าให้ทั้งคู่ ปิดไฟ หยิบชุดนอนของตัวเองแล้วไปอาบน้ำอย่างเงียบๆ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ แม็กซ์ก็นอนลงบนเตียงของเขาอย่างสบายใจ “ระบบ ฉันคิดว่าเราต้องการอะไรที่พิเศษในเมนู ไม่ว่าข้าวผัดหยางโจวหรือโร่วเจียหมัวก็ไม่ใช่อาหารจานหลัก” แม็กซ์พูดขึ้นในหัวของเขา
……….