Chapter 65 : ปีศาจ จ่ายมานะ !
ซาเจราสไม่เพียงจะระเบิดเสื้อผ้าของเขาเท่านั้น แต่ร่างกายของเขาก็กำลังลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟ ลาวาสีแดงที่อยู่ข้างในรอยแตกบนผิวของเขาได้เพิ่มอุณหภูมิโดยรอบขึ้นอย่างฉับพลัน
แม็กซ์รู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเขามองไปที่ซาเจราส จะเกิดอะไรขึ้นถ้าซัคคิวบัสกินโร่วเจียหมัวนี้… เขาไม่อยากนึกภาพเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องเพิ่มคำเตือนบางอย่างลงไปในเมนู
โชคยังดีที่เสื้อผ้าของซาเจราสนั้นทำมาจากวัสดุพิเศษบางอย่าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้ เขาไม่ต้องลำบากใจกับการไม่มีเสื้อผ้าใส่
ลูกค้าสองคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาก็กลัวมากเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ กลิ่นหอมที่รุนแรงของเนื้อทำให้พวกเขาต้องกลืนน้ำลาย แต่ปีศาจลาวาที่บ้าคลั่งทำให้พวกเขารีบปิดประตูและถอยออกไปจากร้านอย่างเงียบ ๆ
แม็กซ์ทำอะไรกับปีศาจลาวานั่น ? ทำไมเขาถึงเตรียมพร้อมต่อสู้ ? ลูกค้าสองคนนั้นเดินออกไปได้แค่ไม่กี่ก้าว พวกเขายังไม่สามารถตัดใจจากกลิ่นหอมที่แสนเย้ายวนนี้ได้ พวกเขารู้สึกกังวลเล็กน้อยและแปลกใจ
ปีสาจลาวามีพลังมากแม้แต่ในหมู่ปีศาจด้วยกัน พวกเขามีพลังในการทำลายล้างและสามารถเผาบ้านเมืองได้ด้วยลูกไฟจำนวนมาก
แม็กซ์มักจะใจดีและสงบมาก เขาสร้างความรำคาญให้กับปีศาจได้ยังไง ? ถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่ เขาอาจจะอาละวาดและทำลายร้านอาหารนี้ ! พวกเขาคิด
ถ้าหากเจ้าของร้านมีพลังอำนาจหรือไม่ก็คนมีอำนาจหนุนหลัง เขาจะไม่ต้องกังวลกับคนที่มาสร้างปัญหาเลย
แต่แม็กซ์และเอมี่ไม่มีใครหนุนหลัง และพวกเขาก็ไม่สามารถสู้กับปีศาจที่แข็งแกร่งได้ พวกเขารู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้กินอาหารอร่อยๆแบบข้าวผัดหยางโจวอีกต่อไป พวกเขารีบมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อมาลองกินอาหารจานใหม่
ลูกค้าในร้านต่างก็รู้ว่าซาเจราสเป็นแบบนี้ก็เพราะโร่วเจียหมัว พวกเขารู้สึกว่าเลือดของพวกเขาร้อนขึ้นเช่นกันหลังจากที่กินโร่วเจียหมัวเข้าไป แต่ผลที่ออกมานั้นไม่ได้รุนแรงมากนักและพวกเขาก็รู้สึกสบายพอสมควร
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าปีศาจคนนี้จะตอบสนองอย่างรุนแรง – เขาเข้าสู่สภาวะพร้อมต่อสู้ของเขาในทันที ! พวกเขาสงสัยมากว่าแม็กซ์ใส่อะไรเข้าไปในโร่วเจียหมัว
ซาเจราสลุกขึ้นยืนและถอยหลังไปหลายก้าว เขาไม่ต้องการเผาทำลายโต๊ะ เลือดและลาวาของเขาปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขารู้สึกว่าคอขวดที่ขัดขวางเขามาหลายปีเริ่มที่จะคลายออก หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
เขาได้ลองมาหลายวิธีแล้วนับตั้งแต่ที่พลังของเขาหยุดชะงักเมื่อ 50 ปีก่อน รอยเท้าของเขาครอบคลุมไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของทวีป แต่เขาก็ยังไม่พบวิธีแก้ปัญหา
เขาไม่เคยคิดเลยว่าการกินโร่วเจียหมัวนี้จะทำให้เลือดของเขาสูบฉีดอย่างรุนแรงและทำให้เขารู้สึกว่าเขามีโอกาสที่จะเลื่อนขั้นขึ้นไปอีก เขารู้สึกราวกับว่ามีประกายไฟถูกจุดขึ้นในตัวเขา
เขารู้สึกว่าถ้าเขายังคงกินต่อไป ประกายไฟพวกนั้นจะรวมกันกลายเป็นไฟขนาดใหญ่อย่างช้าๆและเขาจะขึ้นมาจากเปลวไฟ ทำลายคอขวดนั้นและกลายเป็นปีศาจลาวาคนแรกที่ขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นในรอบร้อยปี
จากนั้นเขาก็จะสามารถทำตามแผนที่เขาคิดเอาไว้เมื่อ 50 ปีก่อนได้ และสิ่งที่อยู่ภายใต้ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์นั้นจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
ในขณะที่คนอื่นๆกำลังกลั้นหายใจและมองซาเจราสด้วยความสงสัยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เอมี่ก็ชี้นิ้วไปที่กองขี้เถ้าบนพื้นแล้วพูดว่า “พ่อ เขาเผาเก้าอี้ของเรา” จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมามองซาเจราส ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความจริงจัง “คุณต้องจ่ายนะหัวล้านใหญ่ ! คุณอาจจะเป็นปีศาจ แต่อารมณ์ของฉันแย่มาก จ่ายมา ไม่งั้นฉันจะเผาคุณ !”
“เหมียว !” ลูกเป็ดขี้เหร่เองก็โกรธเช่นเดียวกัน มันคำรามใส่ซาเจราสแต่เสียงมันฟังดูน่ารักมาก
ซาเจราสยังคงดื่มด่ำอยู่กับความตื่นเต้นของเขา เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วมองลงไปที่กองขี้เถ้าของเก้าอี้และเกาหัวล้านๆของเขาด้วยความลำบากใจ
ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก เขาจึงไม่สนใจว่าเขาจะต้องจ่ายค่าเก้าอี้ เขาควบคุมไฟและอุณหภูมิโดยรอบให้ลดลง แต่ยังสามารถมองเห็นลาวาสีแดงและทองที่ไหลเวียนอยู่ภายในรอยแตกบนตัวของเขา “ฉันจะจ่ายให้ เจ้าของร้าน ฉันต้องการโร่วเจียหมัวอีก 10 อัน” เขาพูดพร้อมกับโบกมือ
เอมี่พยักหน้า “จำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้นะ” มีคำเตือนปรากฏขึ้นมาในแววตาของเธอ
ชายตาเล็กวางถุงกระดาษลงแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างพอใจ “เจ้าของร้านตัวน้อย คิดเงินให้ฉันหน่อยได้มั้ย ?” เขาพูดกับเอมี่ในขณะที่เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมา มันรู้สึกสบายมากหลังจากที่กินโร่วเจียหมัวเข้าไป ความรู้สึกสดชื่นเป็นอะไรที่น่าพึงพอใจ
เอมี่พยักหน้า “โร่วเจียหมัวหนึ่งอัน สามเหรียญทอง”
ชายตาเล็กหยิบเหรียญทองออกมาจากกระเป๋าเงินสามเหรียญและวางลงบนมือของเอมี่ “นี่ สามเหรียญทอง” จากนั้นเขาก็พูดลาแม็กซ์และเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรักษาระยะห่างจากซาเจราสแล้วออกจากร้านไป
“สาม…เจ้าของร้าน ขนมปังของคุณราคาอันละสามเหรียญทอง ?! ถ้าอย่างนั้นฉันจะต้องจ่ายหนี้ค่าเก้าอี้นี่เท่าไหร่ ?” ซาเจราสถามและมองไปที่แม็กซ์ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เขาแตะกระเป๋าเงินของเขาโดยที่ไม่รู้ตัว เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับขนมปังอันทรงพลังที่มีราคาสามเหรียญทอง แต่มันเป็นเพราะว่าเขามีเหรียญทองเพียงแค่ 13 เหรียญเท่านั้นในกระเป๋าของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถซื้อโร่วเจียหมัว 10 อันได้ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้จ่ายค่าเก้าอี้
ลูกค้าคนอื่นๆต่างก็มองมาทางพวกเขาด้วยความสงสัยว่าเขาจะต้องจ่ายเท่าไหร่สำหรับเก้าอี้ตัวนี้ สไตล์การตกแต่งของร้านอาหารทำให้พวกเขารู้สึกสะดวกสบาย โต๊ะและเก้าอี้เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา มันเป็นสไตล์คลาสสิก
แม็กซ์พยักหน้ายิ้ม “ใช่แล้ว โร่วเจียหมัวอันละสามเหรียญทอง” จากนั้นเขาก็เหลือบไปที่กองขี้เถ้าแล้วถามในใจว่า “ระบบ เก้าอี้ตัวนี้ราคาเท่าไหร่”
“เก้าอี้แบบกำหนดเองหนึ่งตัวราคา 10 เหรียญทอง” ระบบตอบอย่างช้าๆ
ปากของแม็กซ์เบะลงในทันที “10 ? นายกำลังพยายามโกงเขาเหรอ ?” แม็กซ์ถาม ถึงแม้ว่าเก้าอี้นี้จะมีคุณภาพสูง แต่ราคามันก็แพงเกินไปหน่อย
“โต๊ะและเก้าอี้ทั้งหมดทำมาจากต้นไม้ต้นเดียวกัน ต้นไม้ต้นนี้มีอายุหลายร้อยปีและเติบโตขึ้นในป่าแห่งสายลม วงปีและสีของพวกมันเหมือนกันโดยสมบูรณ์ ให้พวกเขาได้เห็นความจริงด้วยตาของตัวเอง ตอนนี้เหลือเก้าอี้เพียงแค่ห้าตัวเท่านั้น มันจะดีกว่าถ้าคุณสั่งซื้อในตอนนี้เพราะว่ามันเป็นสินค้าชุดสุดท้ายแล้ว” ระบบตอบอย่างสงบ
“นายใช้น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของเอลฟ์เพื่อรดน้ำข้าวและใช้ต้นไม้อายุหลายร้อยปีในการทำโต๊ะและเก้าอี้ นายให้ความสำคัญกับชีวิตของฉันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จริงมั้ย ?” แม็กซ์รู้สึกไม่สบายใจกับวิธีการที่ระบบทำกับสิ่งต่าง ๆ
เป็นไปได้ว่าระบบอาจจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อยกระดับสไตล์ของร้านอาหาร ร้านอาหารของเขาอาจจะเป็นเพียงแค่ร้านเดียวในเมืองเคออสที่ใช้โต๊ะและเก้าอี้ที่ทำมาจากต้นไม้ในป่าแห่งสายลม
“ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน ไม่ต้องกังวลและอย่าดูแคลนฉัน” ระบบพูดด้วยความน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย
แม็กซ์ไม่ได้พูดอะไรกับระบบต่อ เขามองไปที่ซาเจราสและพูดด้วยรอยยิ้ม “เก้าอี้นี้ราคา 10 เหรียญทอง”
“13…13 เหรียญทอง !” ซาเจราสก้มลงมองเหรียญทองที่มีอยู่ในมือของเขา
เอมี่ยืนเขย่งปลายเท้าและมอง “13 เหรียญทอง หัวล้านใหญ่” เธอพูดและพยักหน้า