Chapter 68 : นี่คือคุณปู่ไม้ขีดไฟ
ที่ด้านนอกร้านอาหาร มีชายชราผมขาวสวมชุดนักเวทย์สีขาวกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เงยหน้าขึ้นมองไปทางร้านอาหาร “นี่คืออะไร ?” เขาถามตัวเอง ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย “คลื่นเวทย์มนตร์แบบนี้…เอลฟ์ ? ไม่สิ มนุษย์ ไม่ใช่ มันคืออะไร มันแตกต่างกันมาก”
ครัสซู เอลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบไม้เท้าเวทย์ซึ่งมีความสูงเท่ากับตัวของเขาและเดินอย่างช้าๆไปทางร้านอาหาร เขาหลงทางอยู่ในเมืองเคออสมาหลายวันแล้วและไม่พบอะไรที่น่าสนใจ วันนี้อาจกลายเป็นวันที่โชคดีของเขา
…
ภายในร้านอาหาร ซาเจราสมองดูเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็หันไปมองเอมี่ที่พูดให้กำลังใจเขาและมองไปที่แม็กซ์ที่ไม่มีวี่แววว่าจะให้เขาติดเงิน เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ เงินเป็นสิ่งที่สำคัญมากในโลกนี้
เขาคิดว่าแม็กซ์เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเหตุผลเล็กน้อย แต่เมื่อเขาคิดถึงโร่วเจียหมัวแสนอร่อยและทรงพลังที่แม็กซ์ทำ เขาก็คิดว่ามันค่อนข้างเข้าใจได้ที่แม็กซ์จะตั้งกฎบางอย่างขึ้นมา
แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ก็สามารถสร้างลูกไฟที่น่ากลัวออกมาได้ ดังนั้นแม็กซ์ก็น่าจะเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง เขาดูไม่สะดุดตาเพราะว่าเขายังเด็กและไม่มีอะไรบนตัวของเขาที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นนักเวทย์ ซาเจราสคิด
ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นนักเวทย์ชราที่มีผมสีขาวอยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรรอท เขามีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เขาสามารถเอาชนะมังกรยักษ์ได้ด้วยลูกไฟเพียงแค่ลูกเดียว เขาได้ยินมาในภายหลังว่าชายชราเป็นหนึ่งในนักเวทย์หลวงและเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอาณาจักรรอท แต่เขาจำชื่อของชายชราไม่ได้
“ได้ ฉันจะไม่ทำผิดกฎของคุณ ฉัน ซาเจราส ฉันจะกลับมาอีกครั้ง” ซาเจราสพูดพร้อมกับยื่นมือออกมา
“ซา…ซาเจราส ?” แม็กซ์ถูกทำให้ประหลาดใจ เขาอาจไม่ได้ติดเกม แต่เขาแน่นอนว่าเขาเคยเล่น World of Warcraft เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “กองทัพเพลิงโลกันต์ (Burning Region) ของคุณอยู่ที่ไหน ?”
“อะไรนะ ?” ซาเจราสถามอย่างสับสน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะแค่มีชื่อที่เหมือนกัน แม็กซ์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขามองดูมือของซาเจราส เขาสามารถมองเห็นลาวาที่ไหลเวียนอยู่ได้และส่ายหัวอย่างไม่สบายใจ “ไม่เป็นไร ฉันชื่อแม็กซ์ แล้วกลับมาอีกนะ แต่เรื่องจับมือ…ฉันต้องทำงานต่อ ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องการพันผ้าพันแผลเอาไว้ที่มือของฉัน”
ซาเจราสนิ่งไปในทันที เขามองลงไปที่มือของเขาและนึกขึ้นได้ว่ายังไงนักเวทย์มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ เขาดึงมือของเขากลับ “เอาล่ะ ฉันจะไปแล้ว” เขาควบคุมอุณหภูมิร่างกายของเขาให้กลับสู่สภาพปกติในขณะที่เขาหันหลังกลับ วิธีนี้จะทำให้เขาไม่ละลายที่จับในขณะที่เขาเปิดประตู
ในขณะที่เขาเดินออกไป ซาเจราสก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด “กองทัพเพลิงโลกันต์ ? ชื่อนี้ไม่เลวเลย…” จากนั้นเขาก็เดินไปทางทางออกของลานเอเดนอย่างรวดเร็ว
“พ่อ เอมี่เก่งมากเลยใช่มั้ย ?” เอมี่เงยหน้าขึ้นมองแม็กซ์และรอคำชมจากเขา
แม็กซ์ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เอมี่สุดยอดมากๆ หนูช่วยได้มากเลย” เขารู้สึกว่าเขากำลังสร้างภาพที่น่ากลัวด้วยการลงมือของเอมี่ เขาไม่ได้มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งหรือว่าความแข็งแกร่งอยู่เลย ดังนั้นในตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่นักสำหรับเขาที่จะพึ่งพาเธอ มันยังเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับเขาที่จะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง
เอมี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ความพึงพอใจเขียนอยู่ทั่วใบหน้าเล็กๆของเธอ
“เอาเมนูใหม่ให้ฉันสองอันนะ” ลูกค้าคนหนึ่งพูดอย่างสุภาพในขณะที่ยกมือขึ้น
“ฉันเองก็ต้องการสองอัน ตามสบายนะไม่ต้องรีบ” ลูกค้าคนอื่นๆพูดพร้อมกับยิ้ม
แม็กซ์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้เลย รอสักเดี๋ยวนะ” เขาปล่อยให้เอมี่และลูกเป็ดขี้เหร่อยู่กันเองแล้วเดินไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว
ครัสซูหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างกระจกที่สูงจากพื้นจรดเพดานและรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเขามองเห็นเอมี่ที่กำลังอุ้มสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆสีขาวและส้มอยู่ในอ้อมแขนของเธอ “ดูเหมือนว่าระลอกเวทมนต์ที่สัมผัสได้จะมาจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้” จากนั้นเขาก็ส่ายหัวด้วยความสงสาร “น่าเสียดาย เธอน่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่แท้จริง แต่น่าเศร้าที่เธอไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เพราะการชนกันของสายเลือดทั้งสอง ไม่งั้นฉันคงจะได้ในสิ่งที่ฉันตามหา พรสวรรค์ของเธอนับว่าสูญเปล่า คำแนะนำแค่เล็กน้อยนั่นคือทั้งหมดที่เธอต้องการ”
ครัสซูกระทืบเท้าของเขาด้วยความโกรธ เขาต้องการจากไป แต่เขากลับไม่สามารถขยับเท้าได้เมื่อเขามองไปที่เอมี่ เขายืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง
เอมี่สังเกตเห็นครัสซู เธอเดินเข้าไปใกล้อีกนิด “ลูกเป็ดขี้เหร่ ทำไมคุณปู่เคราขาวถึงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับรูปปั้นเลยล่ะ ? บางทีเขาอาจจะไม่มีเงินและนั่นเป็นสาเหตุที่เขาไม่กล้าเข้ามา ? เหมือนกับสาวน้อยไม้ขีดไฟ ? ถ้าเขาขายไม้ขีดไฟ เราควรช่วยเขาซื้อสักอันมั้ย ?” เธอถามเบาๆในขณะที่เธอเบิกตามองครัสซูและพยายามหาว่าเขามีตะกร้าที่เต็มไปด้วยไม้ขีดไฟซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมของเขาหรือไม่
“เหมียว…” ลูกเป็ดขี้เหร่ตอบ มันเองก็เริ่มที่จะมองหาไม้ขีดไฟบนตัวของเขาเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่รู้ว่าไม้ขีดไฟคืออะไรก็ตาม
เธอดูฉลาดดี เธอเป็นลูกครึ่งเอลฟ์แต่เธออาจจะสามารถฝึกได้และมีศักยภาพ บางทีฉันควรจะตรวจสอบเธอ ครัสซูคิดในขณะที่เขามองไปที่เอมี่ที่มีผมเปียคู่แสนน่ารักที่กำลังมองเขาด้วยดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอ จากนั้นเขาก็มองไปที่ร้านอาหารที่วุ่นวายและเวลาเปิดทำการที่ประตู เขาไม่รีบเดินเข้าไปข้างใน เขายืนมองเอมี่และลูกเป็ดขี้เหร่ผ่านกระจกคริสตัลอยู่นับครึ่งชั่วโมง
แม็กซ์เองก็มองเห็นครัสซูเช่นเดียวกันเมื่อเขามาเสิร์ฟอาหาร แตกต่างจากอูเรี่ยนที่สวมเสื้อคลุมสีดำที่เห็นแล้วดูน่ากลัว ผมสีขาว หนวดเคราสีขาว เสื้อคลุมสีขาวและไม้เท้าสีเทาอ่อนในมือทำให้เขาดูเหมือนกับนักเวทย์
เอมี่ยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งแล้วนั่งลงที่ริมหน้าต่างพร้อมกับลูกแมวของเธอ เธอยังคงมองไปที่ครัสซูต่อ ทั้งคู่ต่างก็ไม่กระพริบ เธอจะไม่ยืนขึ้นยกเว้นในตอนที่เธอต้องเก็บเงิน นอกจากนั้นดวงตาของเธอก็ไม่ได้ขยับไปแม้แต่นิดเดียว
เกือบจะ 9 โมงแล้ว ลูกค้าต่างก็ทยอยกันออกไป เขาขายโร่วเจียหมัวทั้ง 64 อันหมดไปตั้งแต่ 8 โมงครึ่งแล้ว คนที่ไม่ได้กินต่างก็ขอให้แม็กซ์ทำเพิ่มขึ้นในครั้งหน้า
แม็กซ์เองก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาต้องการทำให้มากกว่านี้เพื่อให้ได้เงินที่มากขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทำให้มากขึ้นในวันพรุ่งนี้
เมื่อมีลูกค้าเหลืออยู่แค่สามคนในร้านอาหาร ครัสซูก็ละความสนใจของเขาจากเอมี่และเดินเข้ามา
“ยินดีต้อนรับ” แม็กซ์พูดยิ้มๆ เขาเป็นนักเวทย์คนแรกที่มากินอาหารที่นี่
เอมี่มองไปที่ครัสซู “พ่อ นี่คือคุณปู่ไม้ขีดไฟ” เธอพูดขึ้นอย่างขึงขังเมื่อเธอหันกลับไปมองแม็กซ์