Chapter 69 : หนูต้องการเรียนมั้ย ?
แม็กซ์ถูกทำให้ประหลาดใจ “คุณปู่ไม้ขีดไฟ ?” เขามองดวงตาที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจของเอมี่และจำนิทานที่เขาเคยเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับสาวน้อยไม้ขีดไฟขึ้นมาได้ เห็นได้ชัดว่าเธอคิดว่าครัสซูเป็นชายชรายากไร้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ดูน่าสงสารสำหรับแม็กซ์ เมื่อดูจากท่าทางของเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นคนที่รักสันโดษหรือไม่ก็เป็นคนที่มีตำแหน่งสูงมากในอาณาจักร การตกแต่งของร้านไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเพราะพวกมันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขา รายละเอียดต่างๆสามารถบอกได้แบบนั้น
เอมี่พยักหน้า “ใช่ เขาดูน่าสงสารมาก ! เขารออยู่นานแล้วแต่ไม่มีใครซื้อไม้ขีดไฟของเขาเลย ทำไมเราไม่ซื้อไว้ซักอันล่ะคะ ?” จากนั้นเธอก็มองไปที่ครัสซูแล้วพูดว่า “คุณปู่ไม่ต้องกังวลนะ คุณอาจจะตายจากความหิวถึงแม้ว่าเราจะซื้อมันจากคุณ แต่คุณก็ดีกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ขายไม้ขีดไฟไม่ได้แม้แต่อันเดียว ดังนั้นคุณก็น่าตายได้อย่างสงบ”
ครัสซูรู้สึกสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิด เขาส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย จริงๆแล้วฉันไม่ใช่ -”
“คุณจะต้องหนาวเหน็บและหิวโหยมากแน่ๆ แล้วคุณก็กำลังมองหาห่านย่างอยู่” เอมี่ขัดจังหวะ “แต่ลูกเป็ดขี้เหร่ยังเด็กอยู่ ตอนนี้คุณยังกินมันไม่ได้” เธอพูดอย่างระมัดระวังในขณะที่เดินถอยหลังและกอดลูกแมวเอาไว้ในอ้อมแขนของเธอ
“เหมียว !” ลูกเป็ดขี้เหร่รู้สึกกังวลเล็กน้อยและเงยหน้ามองเอมี่ด้วยตาที่เบิกกว้าง
“…” ครัสซูพูดไม่ออก สาวน้อยมองว่าฉันเป็นชายชรายากจนที่ต้องการกินห่านย่างก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรเสียอีก และมันเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับแมวตัวเล็กๆนั่น ?
แม็กซ์อยากจะหัวเราะเบาๆเมื่อเขาเห็นเอมี่ที่มีท่าทีเฝ้าระวัง เขาเห็นใบหน้าที่ดูสับสนของครัสซูและยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “ขอโทษด้วย ก่อนหน้านี้ฉันเล่านิทานให้เธอฟังและเธอก็เชื่อมัน คุณอยากกินอะไร ? เมนูอยู่บนโต๊ะ เปิดดูได้เลย แต่โร่วเจียหมัวขายหมดแล้วนะ”
“ขอบคุณ” ครัสซูไม่ได้คิดมากและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเอมี่ เขาพิงไม้เท้าของเขาเอาไว้กับหน้าต่างแล้วยิ้มให้กับเอมี่และหยิบเมนูบนโต๊ะขึ้นมา
เขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบความสามารถในการเรียนเวทมนตร์ของเอมี่และถามความคิดเห็นของผู้ดูแลของเธอ แต่เขาไม่ต้องการที่จะถามมันออกมาในทันที
แน่นอนว่าการถูกปฏิเสธก็เป็นสิ่งที่เขากังวลน้อยที่สุด จำนวนคนที่ต้องการฝึกฝนกับเขานั้นมีเยอะมากจนเอามาเรียงเป็นแถวยาวได้ตั้งแต่วังไปจนถึงประตูเมือง
อาจมีแรงกดดันจากคนอื่นอยู่บ้างถ้าหากเขารับลูกครึ่งเอลฟ์เป็นลูกศิษย์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้นหลังจากที่เขาอายุ 120 ปี ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการก็คือนักเรียนดีๆที่เขาสามารถส่งต่อทักษะของเขาได้
ครัสซูไม่สนว่าลูกศิษย์ของเขาจะเป็นมนุษย์ เอลฟ์หรือแม้แต่ลูกครึ่งเอลฟ์ เขาไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่นแม้แต่น้อย ผู้คนต่างก็รู้ดีว่าไม่ควรทำให้เขารู้สึกรำคาญใจ
ที่นี่เป็นร้านอาหารที่สะดวกสบายที่สุดตั้งแต่ที่เขามาถึงเมืองเคออสในหลายๆวันมานี้ แน่นอนว่าความโอ่โถงของมันไม่สามารถเทียบกับวังของอาณาจักรรอทได้
ที่นี่ดูยุ่งมาก ร้านอาหารนี้อยู่ตรงมุมในสุดของลานแต่กลับมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก มันต้องมีอาหารที่หลายหลายมากแน่ๆ ครัสซูเปิดเมนูและรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อพบว่ามีอาหารเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น เขาบอกว่าโร่วเจียหมัวขายหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือแค่ข้าวผัดหยางโจวเท่านั้น
“เจ้าของร้าน ข้าวผัดหยางโจวคืออะไร ?” ครัสซูถามในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมามองแม็กซ์ เขามีชีวิตอยู่มานานกว่า 120 ปีและไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาหารจานนี้มาก่อน 600 เหรียญทองแดงนั้นไม่ถูกเลย ราคาของอาหารจานนี้สามารถใช้ได้ถึง 10 วันสำหรับครอบครัวปกติสามคน
“ข้าวผัดสายรุ้งแสนอร่อย !” เอมี่โพล่งออกมาก่อนที่แม็กซ์จะพูด จากนั้นเธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าคุณต้องการกินมัน แต่เราไม่รับไม้ขีดไฟนะ เรารับแต่เงินสดเท่านั้น ถ้าคุณไม่มีเงินจ่ายหนูจะใช้ไฟของหนูเผาคุณ “
“ที่จริงแล้วฉันมีเงิน” ครัสซูพูดและยิ้ม เขายื่นมือผอมๆออกมาจากเสื้อคลุมของเขาแล้วแบมือออก มีเหรียญมังกรสองเหรียญอยู่ในมือของเขา
“งั้นคุณก็ไม่ได้ขายไม้ขีดไฟเหรอ ?” เอมี่มองเหรียญมังกรในมือของเขาแล้วรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ฉันไม่ได้ขายไม้ขีดไฟ แต่ถ้าหนูต้องการฉันสามารถทำให้หนูได้” จากนั้นเขาก็ดีดนิ้วและ…พรึบ ! ไม้ขีดไฟที่หนาประมาณนิ้วก้อยและยาวประมาณสองนิ้วปรากฏขึ้นมาที่ปลายนิ้วของเขา
แม็กซ์รู้สึกตกใจเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ มันเป็นเวทมนตร์ระดับสูง – สร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
ลูกไฟของเอมี่มีดีแค่พลังทำลายเท่านั้น แต่การเสกไม้ขีดไฟขึ้นมาด้วยเวทมนตร์การของครัสซูนั้นดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยทักษะ เขาผสมผสานเวทมนตร์กับชีวิตและเขาเก่งมากในเรื่องนั้น แม็กซ์คิด เขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ
“ว้าว ! คุณสามารถใช้เวทมนตร์ได้ ?” ตาของเอมี่เป็นประกายขึ้นมาทันทีในขณะที่เธอมองไปที่ไม้ขีดไฟบนมือของครัสซู
ครัสซูพยักหน้ายิ้ม “แน่นอน ฉันเป็นนักเวทย์ เวทมนต์แค่นี้ไม่นับเป็นอะไรเลย เวทมนตร์บางอย่างสามารถเอาชนะได้แม้แต่มังกรยักษ์และโทรลล์ หนูต้องการเรียนมั้ย ?”
แม็กซ์คิดว่าครัสซูกำลังจะสั่งอาหารและไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะหลอกล่อให้เอมี่อยากเรียนเวทมนต์ เขาเริ่มระมัดระวังตัวเล็กน้อย
เขารู้ว่าเอมี่อยากเรียนแต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนว่าพวกเขาเป็นใครได้
เขาออกจากเมืองหลวงและมาที่เมืองเคออสแห่งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาที่เย้ยหยันพวกนั้น
คนพวกนั้นปล่อยให้เขามีชีวิตในคืนนั้นเพื่อที่พวกมันจะได้หัวเราะเยาะชีวิตที่น่าสังเวชของเขา เขาแกล้งฆ่าตัวตาย เปลี่ยนใบหน้าและย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ ตอนนี้มันก็ผ่านมาเกือบสี่ปีแล้ว
พวกนั้นส่วนใหญ่น่าจะคิดว่าพวกเราตายไปแล้ว แม็คซ์คิด แต่มันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ดังนั้นเราจึงไม่สามารถระวังตัวมากเกินไปได้ เอมี่น่าจะได้รับพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์มาจากแม่ของเธอ ถ้าพรสวรรค์แบบนี้ถูกครอบครองเอาไว้โดยราชวงศ์เท่านั้น งั้นฉันก็มีเหตุผลมากพอที่จะหาครูที่เชื่อถือได้ให้เธอ
เอมี่ส่ายหัวทันทีโดยไม่ได้หยุดคิด “ไม่” จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่แม็กซ์และพูดอย่างภาคภูมิใจ “พ่อของหนูเองก็เป็นนักเวทย์ที่เก่งมากเหมือนกัน เขาเสกร้านอาหารสวยๆร้านนี้ขึ้นมาและเขาสามารถทำอาหารอร่อยๆได้ทุกชนิด คุณสามารถทำได้มั้ย ?”
ครัสซูชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้วิธีการทำอาหาร
เขาเงยหน้าขึ้นมามองแม็กซ์และไม่พบคลื่นเวทมนตร์ใดๆบนตัวเขาและเขาพบว่าร้านอาหารแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากวัสดุธรรมดา
วัสดุก่อสร้างของมันนั้นดีกว่าร้านอาหารอื่นๆ แต่พวกมันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะโกหกลูกสาวของเขาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ในฐานะพ่อที่ยิ่งใหญ่
“เจ้าของร้าน ฉันต้องการข้าวผัดหยางโจวหนึ่งจาน” ครัสซูพูดในขณะที่เขามองไปที่แม็กซ์ด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากสาวน้อยไม่รับฟัง ดังนั้นฉันจะต้องพูดคุยผ่านทางพ่อของเธอ