Chapter 70 : เด็กผู้หญิงมาก่อน
แม็กซ์พยักหน้า “ได้เลย รอสักเดี๋ยวนะ” เขาเดินเข้าไปในห้องครัว เขาค่อนข้างพอใจกับคำตอบของเอมี่ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ตอบตกลงในทันที เมื่อเห็นว่านักเวทย์คนนี้ยังไม่ยอมแพ้ เขาก็ยังตื่นตัวอยู่
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าครัสซูไม่ได้มาที่นี่เพื่อขายไม้ขีดไฟและเขามีเงิน ดังนั้นเอมี่จึงไม่ได้รีบไล่เขาออกไป “คุณปู่เคราขาวคุณมาจากไหน ?” เธอถามอย่างสงสัย
“ฉันชื่อครัสซู เอล มาจากเมืองโรดู เมืองหลวงของอาณาจักรรอท ที่นั่นใหญ่กว่าเมืองเคออสแห่งนี้เป็นสิบเท่า ฉันต้องเดินทางอยู่ครึ่งปีกว่าจะมาถึงที่นี่” ครัสซูตอบด้วยรอยยิ้ม เขาพยายามทำน้ำเสียงให้นุ่มนวลในขณะที่พูด
ถ้าผู้คนจากหอคอยรับใช้มาเห็นครัสซูที่พวกเขาเห็นว่าเป็นคนเคร่งขรึมและเข้มงวดพูดกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้อย่างอ่อนโยนพวกเขาก็คงจะรู้สึกพูดไม่ออก
แม็กซ์หยุดขยับและกำหมัดแน่น
ราวๆครึ่งหนึ่งของนักเวทย์มนุษย์ที่ทรงพลังอาศัยอยู่ในเมืองโรดูและส่วนหนึ่งที่มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดจะถูกส่งไปประจำการที่หอคอยนักเวทย์ 36 ชั้น พวกเขาจะทำงานรับใช้ราชวงศ์ ดังนั้นหอคอยนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อหอคอยรับใช้
ในคืนนั้นมีนักเวทย์สามคนที่มาโจมตีเขาและสองคนในนั้นมาจากหอคอยรับใช้ นั่นหมายความว่าราชวงศ์หรืออย่างน้อยก็บางคนได้มอบคำอนุญาตให้กับพวกเขา
เหตุการณ์นั้นทำให้กองทัพของอาณาจักรตกตะลึง กษัตริย์สั่งให้ทำความสะอาดหอคอยนักเวทย์และหาคนที่ไม่สำคัญในราชวงศ์สองคนมาเป็นแพะรับบาป แล้วเรื่องทุกอย่างก็หายเงียบไป
แม็กซ์พบครัสซูในความทรงจำของแม็กคนเก่า เขาเป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่รับใช้ราชวงศ์ ว่ากันว่าเขามีอายุมากกว่า 120 ปี เขาเก็บตัวและลึกลับมากและไม่เคยออกมาจากหอคอย แม้ว่าจะมีเหตุการณ์สำคัญในอาณาจักรรอท เขาก็ไม่เคยเข้าร่วม กษัตริย์เองไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้
ในฐานะอัศวิน แม็กซ์รู้สึกไม่ชอบนักเวทย์เป็นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นครัสซูมาก่อนจนกระทั่งตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นได้รับการเห็นชอบโดยนักเวทย์ทั้งหมดในหอคอยหรือว่าเป็นภารกิจลอบสังหารสำหรับนักเวทย์สองคนนั้นเพียงเท่านั้น
ไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหนก็ตาม แม็กซ์ก็ตัดสินใจว่าจะให้เอมี่หลีกเลี่ยงครัสซูคนนี้ หอคอยรับใช้มีผู้คนหลากหลายประเภท ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนักเวทย์ระดับสูงในนั้น เขาต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ฉันจะไม่ปล่อยให้มีความเสี่ยงอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าเขาพยายามที่จะทำให้เอมี่สนใจเมืองโรดูแม็กซ์ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาจะไม่ปล่อยให้เอมี่ออกไปห่างจากตัวเขา ต้องพูดอะไรบางอย่างที่จะทำให้เธอไม่อยากไปที่หอคอยนักเวทย์ที่ขาดซึ่งความมีชีวิต
เมื่อตัดสินใจได้แม็กซ์ก็เข้าไปในครัวและเริ่มจัดการกับวัตถุดิบต่างๆเพื่อทำข้าวผัดหยางโจว
เขาเดินมาครึ่งปีแล้วเหรอ ? เอมี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและก้มหน้าลง
ในขณะที่ครัสซูกำลังคิดว่าเธอจะสนใจและถามคำถามเกี่ยวกับเมืองโรดูเอมี่ก็ถอนหายใจ “คุณปู่เคราขาว คุณแก่มากแล้ว” เธอพูดออกมา “ถนนเส้นสั้นๆแบบนี้ใช้เวลาตั้งหกเดือน ทำไมคุณไม่อยู่บ้านล่ะ ถ้าคุณหกล้มจะต้องมีใครบางคนพาคุณกลับมา มันลำบากมากนะ”
ครัสซูที่กำลังจะพูดออกมาถึงกับสำลักน้ำลาย จริงๆมันควรจะใช้เวลาแค่ 20 วันเท่านั้นในการเดินทางด้วยเกวียนโดยสาร
แต่เขาเลือกที่จะเดินเพราะว่าเขาต้องการค้นหาลูกศิษย์ดีๆและเขาแวะไปดูมาหลายที่ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกเอมี่มองว่าเป็นชายชราที่อ่อนแอ
ครัสซูพยายามสงบสติ “จริงๆแล้วฉันสามารถใช้เวทย์มนตร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้…” เขาพยายามดึงความสนใจของเอมี่ด้วยเวทมนตร์อีกครั้ง
“ลูกเป็ดขี้เหร่ แกอยากเห็นเวทมนตร์ของเขาไหม ?” เอมี่ถามในขณะที่เธอก้มลงมองลูกแมวของเธอ
ลูกเป็ดขี้เหร่มองไปที่ชายชราแล้วส่ายหัว
“ฉันก็ไม่อยาก” เอมี่พูดและยักไหล่
“…” ครัสซูได้เรียนรู้เป็นครั้งแรกว่าเด็กไม่ถูกหลอกง่ายอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เด็กผู้หญิงลูกครึ่งเอลฟ์คนนี้ยากที่จะโน้มน้าวใจ เธอมีลิ้นที่ชั่วร้ายและจิตใจที่อยู่ไม่นิ่ง เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ผิดปกติ
ในขณะที่ครัสซูกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะทำให้เอมี่สนใจเขาได้อย่างไรแม็กซ์ก็ถือจานข้าวผัดหยางโจวออกมา “ข้าวผัดหยางโจวของคุณ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มในขณะที่วางจนลงตรงหน้าเขา
นี่มันอะไรน่ะ ? ดวงตาของครัสซูเป็นประกายขึ้นมาในทันทีที่เขาเห็นข้าวผัดสีสันสดใสตรงหน้าเขา มันเป็นเหมือนกับที่เอมี่บอก มันเป็นเหมือนกับสายรุ้ง มีสีสันจำนวนมากผสมกันอยู่และถูกผัดเข้าด้วยกัน ไข่เคลือบอยู่ทั่วเม็ดข้าวและวัตถุดิบอื่นๆก็ถูกหั่นให้มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวด้วยทักษะที่น่าทึ่ง พอนำทุกอย่างมารวมกันแล้วมันก็กลายเป็นจานที่สวยงาม
กลิ่นหอมของไข่และวัตถุดิบต่างๆทำให้เขาต้องกลืนน้ำลาย กลิ่นของมันรุนแรงและน่าดึงดูดยิ่งกว่าอาหารที่พ่อครัวในวังทำเสียอีก ครัสซูสูญเสียความรู้สึกอยากอาหารมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกอยากที่จะกินมัน
เขาหยิบช้อน ตักข้าวขึ้นมาจนพูนช้อนแล้วกินเข้าไป ไข่ที่เคลือบข้าวอยู่นั้นนุ่มและรสชาติแสนอร่อยของแฮมก็ไหลออกมาในขณะที่เขากัดลงไป รสชาติที่หลากหลายของวัตถุดิบที่แตกต่างกันทำให้ต่อมรับรสที่ตายไปแล้วของเขาฟื้นขึ้นมาใหม่ พวกมันถูกจัดเตรียมมาเป็นอย่างดีและทำให้เขาพบกับความอยากอาหารที่หายไปนานอีกครั้ง
เมื่อเขาเคี้ยวข้าว ครัสซูก็ลืมตาขึ้นมาในทันที นี่คือ… ข้าวนี้หวาน อร่อยและอุดมสมบูรณ์ มันเข้าไปช่วยบำรุงร่างกายของเขาในขณะที่เขากลืนมันลงไป
เขารู้สึกตกใจและสับสน ฉันคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ มันคือรสชาติของน้ำพุแห่งชีวิต !
น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของเอลฟ์ ครั้งหนึ่งมีเด็กผู้หญิงชาวเอลฟ์ที่น่าสนใจคนหนึ่งมาเยี่ยมเขาและนำน้ำขวดเล็กๆจากน้ำพุแห่งชีวิตมาให้เขา เขาไม่เคยลืมรสชาติของมัน น้ำนี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน
แม้ว่าเขาจะเคยได้ดื่มน้ำนี้เพียงแค่สามครั้งและอีกสองครั้งก็เป็นเพราะสวัสดิการของการเป็นนักเวทย์หลวง น่าเสียดาย เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ ! แต่เธอแต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสม
รสชาติของน้ำพุแห่งชีวิตมาจากไหน ? เจ้าของร้านใส่มันลงไปในขณะที่ทำอาหาร ? แค่หยดเดียวมันก็มีค่ามาก
มือของครัสซูชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะตักเข้าปากอีกช้อนเต็มๆ การได้สัมผัสความอร่อยภายในปากของเขาทำให้เขาหลงลืมเกี่ยวกับน้ำพุแห่งชีวิต ความทรงจำที่น่าหดหู่และการเดินทางที่ยากลำบากของเขาเพื่อค้นหาลูกศิษย์ รสชาติของมันทำให้เขาหลงลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ