AtW ตอนที่ 31 การ์ดทักษะความสามารถออร์ค
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย
อาเบลรู้ว่าการ์ดทักษะความสามารถของออร์คนั้นคืออะไร แต่ถึงแม้อาเบลจะรู้ว่ามันมีไว้ทำอะไรแต่พลังของการ์ดเองก็พยายามที่จะซ่อนเร้นไม่ให้อาเบลได้ดูง่ายๆ ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้อาเบลไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าการ์ดนี้มีความหมายอะไรกันแน่
อาเบลตัดสินใจที่จะใช้พลังแห่งความตั้งใจเพื่อตรวจดูการ์ดนี้ ทันทีที่อาเบลหลับตาลงเขาก็ได้เพ่งสมาธิทั้งหมดที่มีไปที่พลังงานอะไรบางอย่างที่กำลังปกป้องการ์ดอยู่ อาเบลสามารถเพ่งสมาธิจนสามารถผ่านการป้องกันของพลักลึกลับมาได้ อาเบลรู้สึกได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่างที่คล้ายกับพลังแบบเดียวกันกับที่ร่างกายของเขาสร้างขึ้น ดูเหมือนว่าพลังนี้จะเป็นพลังแห่งวิญญาณ แม้พลังแห่งวิญญาณที่อาเบลสัมผัสได้ดูเหมือนจะไม่ใช่พลังวิญญาณของมนุษย์ก็ตามที
พลังงานที่ว่านี้ได้เริ่มพยายามที่จะเข้ามาในตัวอาเบลมากยิ่งขึ้น อาเบลพยายามที่จะห่างกับพลังงานนี้แต่ดูเหมือนว่าพลังงานนี้จะพยายามหลอมรวมเข้ากับตัวของอาเบล อาเบลไม่ต้องการที่จะหลอมรวมกับพลังนี้แต่มันก็สายไปแล้วนั่นเอง อาเบลปิดใช้พลังแห่งความตั้งใจของตัวเองไม่ทัน
ในขณะที่อาเบลพยายามที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในตอนนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นโวร์แกนไปแล้ว ความรู้สึกที่กลายเป็นโวร์แกนเองดูคล้ายกับภาพยนตร์มากแต่ดูเหมือนว่ามันจะสมจริงกว่า อาเบลไม่สามารถที่จะควบคุมร่างกายของตัวเองได้เลย แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อาเบลเห็นมันดูละเอียดเกินกว่าที่จะเป็นความฝันได้
อาเบลในร่างโวร์แกนได้เดินไปที่ด้านหน้าของหมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่ของมัน โวร์แกนในร่างอาเบลได้วางมืออยู่บนหัวของสัตว์ขี่ของมันก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา ภาษาที่โวร์แกนได้พูดนั้นไม่ใช่ภาษาที่อาเบลรู้จักมาก่อนแต่อาเบลก็พอที่จะเข้าใจความหมายของคำพูดของพวกออร์คได้
ในฐานะที่โวร์แกนนั้นเป็นเหมือนกับผู้ติดตามของเทพเจ้าแห่งสัตว์ร้าย โวร์แกนมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสวดภาวนาต่อผู้เป็นเทพเจ้าด้วยภาษาของพวกออร์ค ภาษาที่พวกออร์คใช้นั้นเป็นภาษาที่แปลกประหลาดแต่ก็ฟังดูพ้องเสียง โวร์แกนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีส่วนผสมของหมาป่าอยู่ดังนั้นแล้วมันจึงเข้าใจดีว่าหมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่ของมันนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นแล้วหมาป่าจึงได้กลายมาเป็นคู่หูของโวร์แกนนั่นเอง โวร์แกนสามารถสั่งการพวกหมาป่าได้โดยไม่ต้องพูดอะไรด้วยซ้ำไป หมาป่าที่เลือกจะเป็นสัตว์ขี่ของโวร์แกนนั้นจะเลือกติดตามโวร์แกนหลังจากที่มันได้รับการสื่อสารผ่านทางกระแสจิตนั่นเอง
หลังจากที่สื่อสารกันหมาป่าที่ถูกชะตาก็จะเลือกเป็นสัตว์ขี่ของโวร์แกน โวร์แกนตัวนี้เองก็ได้ใช้พลังลมปราณของตัวมันในการนวดหมาป่าตัวนี้ ทุกๆ อย่างดูเงียบสงบลงจนท้ายที่สุดอาเบลก็ขาดการเชื่อมต่อกับพลังวิญญาณดวงนี้ไป ตอนนี้จิตใจของอาเบลได้กลับคืนสู่ร่างเดิมอย่างเต็มตัวแล้ว
เมื่ออาเบลหยุดใช้พลังแห่งความตั้งใจของตัวเองลง ภาพที่อาเบลเห็นรวมถึงความรู้สึกบางอย่างก็ได้จางหายไปในที่สุด หลังจากนั้นเองการ์ดทักษะความสามารถก็เริ่มถูกทำลายไปเช่นกัน อาเบลที่เห็นแบบนั้นเขากลัวว่าการ์ดใบนี้จะเป็นเหมือนกับดาบเวทย์ที่ล้มเหลวของเขา อาเบลไม่รอช้าเขาขว้างการ์ดใบนี้ออกไปทันที โชคยังดีที่การ์ดทักษะใบนี้ไม่ได้ระเบิด อาเบลที่ได้แต่มองเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่มึนงงและหยุดนิ่งไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร
ดูเหมือนว่าการ์ดทักษะความสามารถอันนี้จะสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ด้วยความสามารถของการ์ดเองทำให้อาเบลนั้นสามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษาสื่อสารของพวกออร์คได้ ความสามารถที่นอกเหนือจากนี้เองคือการยกระดับขีดความสามารถของสัตว์ขี่ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการ์ดทักษะความสามารถนี้เองไม่ได้มีฟังก์ชั่นอื่นที่จะทำให้อาเบลสามารถเข้าใจภาษาอื่นได้ ส่วนความสามารถในการสื่อสารภาษาออร์คได้นั้นจะต้องใช้พลังแห่งความตั้งใจด้วย ด้วยพลังแห่งความตั้งใจจะสามารถหลอมรวมจิตใจของอาเบลเข้ากับโวร์แกนหนุ่มที่อาเบลเห็นได้นั่นเอง
แม้ว่าพวกออร์คนั้นจะประกอบไปด้วยหลายชาติพันธ์แต่สำหรับออร์คที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันแล้วพวกมันสามารถที่จะพูดคุยสื่อสารกันรู้เรื่องนั่นเอง จากความเข้าใจของอาเบลเองพวกออร์คนั้นสามาถที่จะถ่ายโอนความสามารถตัวเองลงไปในการ์ดทักษะความสามารถที่พวกมันมีได้ ดูเหมือนว่าเทคนิคในการยกระดับขีดความสามารถของสัตว์ขี่เองก็เป็นหนึ่งในทักษะของการ์ดทักษะด้วยเช่นกัน
ถึงตอนนี้อาเบลจะเข้าใจแล้วว่าการ์ดทักษะความสามารถสามารถทำอะไรได้กันแน่ และดูเหมือนว่าการ์ดนี้เองจะเป็นเหมือนกับสิ่งสำคัญที่พวกออร์คนั้นใช้กัน โดยปกติแล้วพวกออร์คสามารถเปิดใช้งานการ์ดทักษะได้โดยการใช้เลือดของพวกมันเองแต่สำหรับอาเบลแล้วเขาสามารถที่จะเปิดใช้งานการ์ดทักษะด้วยพลังแห่งความตั้งใจของเขานั่นเอง การที่อาเบลจะใช้ความสามารถของการ์ดทักษะนี้มันก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน ถ้าหากอาเบลเจอกับนักบวชแล้วละก็บางทีนักบวชคนนั้นอาจจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของอาเบลกันแน่
แต่ยังไงก็ตามตอนนี้อาเบลสามารถที่จะเรียนรู้และเข้าใจภาษาของพวกออร์คได้แล้ว อาเบลไม่รอช้าเขารีบหยิบแผนที่และกระดาษแผ่นหนึ่งก่อนที่จะเริ่มอ่านในทันที ดูเหมือนว่าแผนที่นี้จะเป็นแผนที่ที่ระบุสถานที่และเวลาที่กองกำลังทหารจากอาณาจักรออร์คนั้นจะมาบุกโจมตี อาเบลตื่นเต้นมากที่ได้ล่วงรู้ความลับทางการทหารของพวกออร์ค ด้วยแผนที่นี้เองจะทำให้อาเบลสามารถหยุดผู้บุกรุกไม่ให้ย่างกายมาบุกรุกอาณาจักรของมนุษยชาติได้
การที่พบข้อมูลสำคัญทางการทหารแบบนี้กับมนุษย์หมาป่าแปลว่ามนุษย์หมาป่าตัวนี้คงไม่ใช่ออร์คธรรมดาทั่วไป ดูเหมือนว่าตอนนี้โชคดีได้เข้าข้างมนุษยชาติแล้ว ถ้าหากไซมอนไม่ต้องแยกออกจากทีมเพื่อที่จะให้หมาป่าที่อยู่กับเขานั้นคลอดลูก แผนที่ลับทางการทหารของพวกออร์คคงไม่ตกอยู่ในมือมนุษย์ได้
ก่อนที่จะมืดเกินไปกว่านี้ในที่สุดอาเบลก็จำได้ว่าม้าของเขานั้นอยู่ใกล้ๆ กับที่พักของโวร์แกนตัวนี้ อาเบลรีบเดินกลับไปเอาม้าอย่างช้าๆ
ในตอนที่มาถึงอาเบลได้เห็นว่าม้าทั้งสองตัวของเขาอย่างอยู่ดี สัตว์ขี่ที่เป็นของโวร์แกนตัวนี้อยู่ไม่ไกลจากม้าของอาเบลเท่าไรนัก เมื่อโวร์แกนได้สังหารสัตว์ป่าใกล้ๆ กับม้าของอาเบล ก็ดูเหมือนว่าม้าของอาเบลเองก็ยังไม่ได้สนใจอะไร มันกำลังก้มหัวของมันและกินหญ้าเบื้องล่างต่อไป
หมาป่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากอาเบลนั้นยืนขึ้นและเห็นตัวอาเบลแล้ว ตอนนี้หมาป่าตัวนี้กำลังรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านายของมันที่ได้หายไปนาน มันยกหัวของตัวเองขึ้นหันไปมองตามทิศต่างๆ ด้วยความเป็นห่วง ความเป็นห่วงของหมาป่าตัวนี้เองทำให้อาเบลรู้สึกสงสารมันจากข้างในหัวใจ หมาป่าที่โตเต็มวัยนั้นจะสามารถจดจำใบหน้าของผู้เป็นเจ้านายของมันได้เพียงแค่คนเดียวในตลอดชีวิตของมันเอง แน่นอนว่าการที่โวร์แกนผู้ที่เป็นเจ้านายของมันได้ตายจากไป มันก็คงไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่จะทำให้หมาป่าตัวนี้ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ
อาเบลค่อยๆ เดินไปทางหมาป่าตัวนี้อย่างช้าๆ ในขณะที่อาเบลเดินไปหามันนั้นเองเขาได้ชักดาบเวทย์น้ำแข็งออกมาจากฝักก่อนที่จะซ่อนดาบเล่มนี้ไว้ด้านหลังของตัวเองในขณะที่เดินไปหาหมาป่า หมาป่าตัวนี้ไม่ได้มองอาเบลเพื่อที่จะต่อสู้กับเขา อาเบลสังเกตเห็นถึงความโศกเศร้าของมันได้จากดวงตาคู่นั้นของหมาป่าตัวนี้
ดูเหมือนว่าเจ้านายของหมาป่าตัวนี้จะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว มีแต่ศัตรูเท่านั้นที่กลับมา นี้คงเป็นจุดจบของชีวิตหมาป่าตัวนี้ หมาป่าตัวนี้เองได้แต่ร้องครวญครางราวกับว่ามันกำลังจะขอความเมตตาจากผู้เป็นศัตรู อาเบลรู้สึกสับสนเมื่อเห็นหมาป่าตัวนี้พยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิตต่อไป ในตอนที่แสงอาทิตย์กำลังจะหมดไป อาเบลก็ได้เห็นเงาอะไรบางอย่างที่กำลังโผล่ออกมาจากร่างหมาป่าผู้เป็นแม่
ก่อนที่อาเบลจะเริ่มต่อสู้กับโวร์แกน อาเบลก็พอจะคาดเดาออกแล้วว่าหมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่ของโวร์แกนตัวนี้กำลังตั้งท้องอยู่นั่นเอง เหตุผลที่โวร์แกนตัวนี้แยกออกมาจากฝูงคงเป็นเพราะว่าหมาป่าตัวนี้กำลังจะให้กำเนิดลูกนั่นเอง โดยปกติแล้วอาณาจักรออร์คเองจะเข้มงวดมากในเรื่องของการให้กำเนิดลูก พวกออร์คจะไม่ปล่อยให้สัตว์ตัวไหนหรือใครก็แล้วแต่ที่กำลังตั้งท้องอยู่ได้ออกมาเผชิญกับอันตรายในเขตแดนของศัตรูแบบนี้ สิ่งที่อาเบลได้เจอนั้นเป็นเหมือนกับปรากฏการณ์ที่เป็นไปไม่ได้เลยแต่เหตุการณ์ทุกอย่างก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
ตั้งแต่ที่อาณาจักรออร์คนั้นควบคุมจำนวนหมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่ ทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นไม่เคยพบเห็นพวกหมาป่าอีกเลยในชีวิตของพวกเขา ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือมนุษย์นั้นไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพวกหมาป่าพวกนี้ มีเพียงเรื่องเล่าจากผู้คนในสมัยก่อน ผู้คนในสมัยก่อนได้บอกว่าใครก็ตามที่ลูกหมาป่านั้นเห็นเป็นคนแรก คนคนนั้นจะกลายเป็นเจ้านายของมันไปตลอดชีวิตนั่นเอง โดยเป็นที่รู้กันดีในระหว่างมนุษย์ว่าพวกหมาป่านั้นเป็นสัตว์ที่มีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีขนาดไหน พวกมันจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะปกป้องผู้เป็นเจ้านายของมันให้ได้
เนื่องด้วยความชาญฉลาดและความเร็วที่ไม่ธรรมดาของพวกหมาป่าเองทำให้หมาป่าเป็นสัตว์ขี่ที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ก็ว่าได้ สำหรับผู้คนในโลกเดิมของอาเบลที่ได้จากมาสัตว์ขี่ที่ดีเหมือนหมาป่าในโลกใบนี้ก็คงเปรียบเหมือนกับรถแข่งก็ว่าได้ ความสามารถต่างๆ ของหมาป่าทำให้มันเป็นเหมือนกับสัตว์ที่มีค่าอีกชนิดหนึ่งเลย แน่นอนว่าผู้คนส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสที่จะพบเห็นมันได้เลย
อาเบลที่พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกำลังยืนมองแม่หมาป่าตัวนี้กำลังให้กำเนิดลูกต่อไป แม้ว่าจะดูเจ็บปวดและทรมานแค่ไหนแต่อาเบลก็ยังต้องทนมองต่อไป ในระหว่างที่หมาป่าคลอดลูกนั้นไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่านี้จะเป็นสัญชาตญาณของมันเพื่อที่ไม่ให้ศัตรูของมันจับได้ว่ากำลังให้กำเนิดลูกอยู่นั่นเอง
ในที่สุดสิ่งมีชีวิตตัวน้อยก็ได้คลานออกมาจากร่างของผู้เป็นแม่ ลูกหมาป่าตัวนี้ได้ใช้เรี่ยวแรงที่มันมีไปกับการออกมาจากตัวผู้เป็นแม่จนหมดแล้ว ลูกหมาป่าตัวนี้จึงเหนื่อยเกินกว่าที่จะลืมตาขึ้นมาได้ ลูกหมาป่าตัวนี้เองได้แต่ตะเกียกตะกายตัวของมันเองไปอยู่ข้างๆ กับร่างของผู้เป็นแม่ก่อนที่ตัวมันนั้นจะนอนหลับพักผ่อนลงในที่สุด
หมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่เองได้เงยหน้ามองอาเบลอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นมันก็เริ่มเลียลูกหมาป่าที่เป็นลูกของตัวเอง ด้วยความจงรักภักดีที่มากเกินไปทำให้หมาป่าตัวนี้ลุกยืนขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่แม่หมาป่าลุกขึ้นยืน มันก็ได้ตั้งท่าก่อนที่จะออกวิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่กว้างเกือบประมาณ 50 เซนติเมตร อาเบลคิดว่าหมาป่าตัวนี้พยายามที่จะโจมตีตัวเขาเองอาเบลจึงรีบตั้งท่าที่จะป้องกันการโจมตีนั้น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่อาเบลคิดจะผิดอย่างมหันต์
สิ่งที่หมาป่าตัวนี้ทำคือการวิ่งเข้าใส่ต้นไม้ต้นนั้นอย่างแรงที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ หมาป่าตัวนี้ได้จบชีวิตของตัวเองลงตามผู้เป็นนายของมันไปนั่นเอง
อะไรคือความกล้าหาญและความซื่อสัตย์จงรักภักดีกันแน่ หมาป่าตัวนี้เองก็รักลูกของมันอย่างสุดหัวใจแต่ในขณะเดียวกันมันก็จงรักภักดีให้กับเจ้านายของมันอย่างโวร์แกนตัวนั้น สุดท้ายแล้วมันก็เลือกที่จะเสียสละชีวิตของตัวเองให้ตายตามผู้เป็นนายไปโดยที่ทิ้งลูกของมันไว้ที่เบื้องหลัง
หลังจากที่หมาป่าตัวนั้นได้ตายจากไป อาเบลก็ใช้ดาบเวทย์น้ำแข็งของเขาที่มีอยู่ขุดหลุมหลุมหนึ่งขึ้นมา หลุมนี้เองมีขนาดใหญ่พอๆ กับร่างของหมาป่าตัวนั้น ตอนนี้มันไม่ใช่สัตว์ที่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นอาเบลก็ได้เคารพวิญญาณของมันอย่างสุดหัวใจ อาเบลจึงตัดสินใจที่จะทำหลุมฝังศพให้เพราะไม่ต้องการให้สัตว์ตัวอื่นๆ ไปยุ่งกับซากศพมันนั่นเอง
หลังจากที่ฝังศพเสร็จแล้ว ลูกหมาป่าที่ถูกทิ้งตัวนี้ก็ได้เริ่มร้องออกมาราวกับว่ามันกำลังไว้ทุกข์ให้กับชีวิตของตัวเอง เมื่ออาเบลได้ยินเสียงร้องเขาจึงไม่รอช้าที่จะอุ้มลูกหมาป่าตัวนี้ขึ้นมาจากพื้น
ลูกหมาป่าตัวนี้เป็นลูกหมาตัวเล็กๆ เท่านั้น บนตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยขนสีดำที่ถูกเลียจนเปียกโชก ถึงขนของลูกหมาป่าตัวนี้จะเปียกแต่อาเบลก็สัมผัสได้ว่าขนของมันอ่อนนุ่มเป็นอย่างมาก ลูกหมาตัวนี้เป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ไร้เดียงสา อาเบลจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายมัน แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ทำให้ตอนนี้อาเบลรู้สึกได้ว่าเป็นเหมือนกับพ่อของลูกหมาป่าที่น่าสงสารตัวนี้