AtW ตอนที่ 48 การรวมพลังของเหล่าอัศวิน
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย
ในขณะที่พวกออร์คนั้นสามารถทะลวงแนวป้องกันของกองทัพมนุษย์ได้พวกมันก็โห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นทันที พวกออร์คนั้นยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น พวกมันยังคงวิ่งไปต่อในทางที่พระอาทิตย์ตกดิน ในตอนนั้นเองอัศวินทั้ง 33 คนก็เพิ่มความเร็วมากขึ้นเพื่อมาจัดการกับพวกออร์คที่บุกทะลวงแนวป้องกันมา
เหล่าอัศวินทั้งหลายก็เป็นเหมือนกับอาวุธลับของขบวนกองทัพนี้ อัศวินซาโรหยานเป็นอัศวินที่อยู่แนวหน้าสุดของขบวนอัศวิน โดยที่มีอัศวินชั้นสูงอย่างเบอร์นอลและอัศวินชั้นสูงฮอปเปอร์นั้นตามมาอย่างติดๆ
อัศวินซาโรหยานตะโกนอย่างเสียงดัง “ความภักดี!”
ทันใดนั้นเองแสงสีขาวของพลังลมปราณนั้นก็ได้เข้าปกคลุมร่างกายของอัศวินซาโรหยานในทัน ในไม่ช้าอัศวินทุกคนที่ได้ติดตามมาอย่างใกล้ชิดก็ได้เริ่มปลดปล่อยพลังลมปราณในการต่อสู้ด้วยเช่นเดียวกัน
อัศวินซาโรหยานตะโกนออกไปอีก “เกียรติยศ!”
พลังลมปราณที่ใช้สำหรับต่อสู้นั้นเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน ตอนนี้แม้แต่อัศวินที่เหลืออีกกว่า 30 คนก็ได้ปล่อยพลังลมปราณออกมาอย่างเต็มที่เพื่อใช้สำหรับต่อสู้แล้ว
“เสียสละ!”
พลังลมปราณจากเหล่าอัศวินทั้งหลายได้ไหลออกมาจากร่างกายมากขึ้น ตอนนี้พวกเขากำลังรวบรวมพลังต่อไป
“ความกล้าหาญ!”
ตอนนี้พลังลมปราณที่ใช้สำหรับต่อสู้นั้นได้ไหลซึมเข้าไปในร่างกายของอัศวินชั้นสูงทั้ง 3 คนแล้ว
“ความเมตตา!”
พลังลมปราณได้เริ่มหลอมรวมจนกลายเป็นเกราะสำหรับการต่อสู้บนร่างกายของอัศวินชั้นสูงแล้ว
“จิตวิญญาณ!”
ตอนนี้อัศวินชั้นสูงทั้ง 3 คงยังคงเบ่งพลังลมปราณต่อไป เกราะสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังลมปราณนั้นกำลังปรากฎขึ้นบนร่างกายของอัศวินชั้นสูงทั้ง 3 คน ตอนนี้ขบวนทัพของอัศวินทั้งหมดได้ถูกตั้งแถวคล้ายกับหัวลูกศรแล้ว
“ความซื้อสัตย์!”
อัศวินกว่า 30 คนที่อยู่ด้านหลังเองยังคงส่งพลังลมปราณของพวกเขามาที่ด้านหน้าของแถว ตอนนี้หัวลูกศรได้เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
“ความยุติธรรม!”
ในที่สุดหัวลูกศรขนาดยักษ์ก็ถูกก่อนตัวขึ้นจนสำเร็จ ตอนนี้ขบวนทัพของอัศวินทั้ง 33 คนนั้นได้ห่อหุ้มไปด้วยพลังลมปราณแล้ว
รูปแบบการชาร์จพลังลมปราณนี้เป็นรูปแบบกลยุทธ์ที่ทรงพลังสำหรับมนุษย์มากที่สุดแล้วเท่าที่จะสามารถสร้างได้ในโลกใบนี้ นอกจากจะต้องรวบรวมพลังลมปราณแล้วยังจะต้องรวบรวมจิตวิญญาณของเหล่าอัศวินทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวอีกด้วย เพื่อสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้จะต้องใช้อัศวินอย่างน้อยถึง 10 คนด้วยกัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นการที่มีจำนวนอัศวินมากเท่าไหร่ รูปแบบกลยุทธ์นี้เองก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย
ทวีปศักดิ์สิทธิ์นี้มีตำนานอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อพูดคำว่า “ความภักดี”, “เกียรติยศ”, “เสียสละ”, “ความกล้าหาญ”, “ความเมตตา”, “จิตวิญญาณ”, “ความซื่อสัตย์” และ “ความยุติธรรม” จะทำให้อัศวินทั้งหมดที่พูดคำเหล่านี้พร้อมกันนั้นสามารถรวมกองทัพโดยไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งหรือขัดขวางได้
จากประวัติการสู้รบอันยาวนานนั้น มีเพียงวิธีเดียวที่จะเอาชนะขบวนอัศวินที่รวมตัวกันในรูปแบบนี้ได้ วิธีนั้นก็คือการหยุดการรวมพลังของเหล่าอัศวินนั่นเอง
แต่แท้จริงแล้วการจะหยุดการรวมพลังของเหล่าอัศวินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เหล่านักรบที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลา่ยได้เสียสละเลือดเนื้อไปมากกว่าที่จะคิดขบวนทัพรูปแบบนี้ออกมาเพื่อต่อกรกับเหล่าออร์คโดยเฉพาะ การจะจัดขบวนทัพรูปแบบนี้ได้จะต้องใช้เวลามากกว่าการจัดกองทัพธรรมดานิดหน่อยนั่นเอง แม้ว่าจะต้องเสียเวลาไปกับการรวบรวมพลังลมปราณ แต่การรวมรวมพลังลมปราณนั้นกลับทรงพลังมาก แน่นอนว่าวิธีการนี้สามารถที่จะใช้ในการต่อสู้จริงได้ จุดอ่อนเพียงข้อเดียวของขบวนทัพแบบนี้คือการรวบรวมพลังนั่นเอง ในตอนที่เหล่าอัศวินกำลังรวบรวมพลังนั้นจะถูกศัตรูตรวจพบก่อนโดยง่าย ถ้าหากศัตรูของเหล่าอัศวินนั้นตรวจพบการรวบรวมพลังทัน แน่นอนว่าศัตรูของพวกอัศวินจะสามารถคิดกลยุทธ์โต้ตอบขบวนทัพรูปแบบนี้ได้นั่นเอง
“นั่นพวกอัศวินมันรวบรวมพลังกันแล้ว เร็วเข้า! รีบหนีเร็ว!” ฟาวเลอร์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้พูดเตือนออร์คทั้งหลายขึ้นมา ตอนนี้ความสงบเยือกเย็นนั้นได้หายไปจากตัวฟาวเลอร์แล้ว ฟาวเลอร์กลัวว่าพวกออร์คทั้งหลายนั้นจะไม่สามารถต้านทานขบวนทัพของอัศวินในตอนนี้ได้นั่นเอง
เหล่าออร์คทั้งหลายที่สามารถทะลวงเข้าไปในกองทัพของมนุษย์ได้ต่างช้าลงเมื่อเห็นเหล่าอัศวินนั้นกำลังรวบรวมพลัง ไม่มีทางเลยที่พวกออร์คจะหลบการโจมตีของพวกอัศวินในตอนนี้ได้ ลูกศรยักษ์ที่เกิดจากการรวบรวมพลังของเหล่าอัศวินนั้นพุ่งเข้าไปหาพวกออร์คอย่างรวดเร็ว การที่หัวลูกศรพุ่งเข้าใส่พวกออร์คนั้นเหมือนกับเคียวที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตนั่นเอง
“ปกป้องนายท่านซะ!” เนื่องจากวูฟไรเดอร์นั้นอยู่ใกล้กับฟาวเลอร์มากที่สุดดังนั้นแล้วพวกมันจึงต้องเสียสละร่างกายของพวกมันเพื่อที่จะปกป้องให้ฟาวเลอร์นั้นหลบหนีไปได้
ตอนนี้ฟาวเลอร์ได้สูญเสียวูฟไรเดอร์ไปถึง 2 ตัวด้วยกันแล้ว เหลือเพียงวูฟไรเดอร์ทั้ง 7 ตัวเท่านั้นที่ยังคงคุ้มกันฟาวเลอร์อย่างใกล้ชิด
“เพื่อเกียรติยศของตระกูลวูลฟ!” วูฟไรเดอร์ตัวหนึ่งได้คำรามอย่างเสียงดังก่อนที่จะวิ่งตรงไปหาขบวนทัพของเหล่าอัศวิน แม้ว่าการเสียสละในครั้งนี้จะไม่ได้สร้างผลที่แตกต่างอะไรเลย แต่เหตุการณ์นี้เองทำให้วูฟไรเดอร์ที่เหลือนั้นคำรามอย่างเสียงดังก่อนที่จะวิ่งเข้าไปโจมตีตาม
“ไปตายกันให้หมดซะพวกมนุษย์ วันหนึ่งฉันสัญญาว่าฉันจะพาทหารมาฆ่าพวกนายแน่” ฟาวเลอร์ได้สาบานต่อตัวเองขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นคำสาบานของฟาวเลอร์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงในตอนนี้ไปได้เลย
ออร์คทั้งหลายนั้นแตกต่างจากมนุษย์ สำหรับเหล่าราชวงศ์ของมนุษย์นั้นลูกชายคนโตจะได้รีบสืบทอดทรัพย์สินของครอบครัวไปทั้งหมด ในขณะที่พวกออร์คเองลูกชายที่มีผลงานและทรงพลังมากที่สุดจะกลายเป้นผู้สืบทอดไปนั่นเอง
ฟาวเลอร์เป็นลูกชายคนที่ 6 ของตระวูลฟ เพื่อที่จะมีโอการที่จะสืบทอดมรดกของตระกูล ฟาวเลอร์จึงต้องทำงานหนักกว่าออร์คตัวอื่นๆ นั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่ฟาวเลอร์ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมบททดสอบในครั้งนี้
เป็นเหมือนกับธรรมเนียมประจำของอาณาจักรออร์คที่ทุกๆ ปีนั้นพวกเขาจะส่งทหารวัยรุ่นมายังโลกมนุษย์แบบนี้ ถ้าหากพวกออร์คทั้งหลายสามรถที่จะอยู่รอดในโลกมนุษย์เป็นเวลา 3 เดือนด้วยกันพวกเขาเหล่านั้นก็จะได้รับรางวัลนั่นเอง เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้เป็นเพราะว่าที่อาณาจักรออร์คนั้นไม่ได้มีรางวสัลให้กับออร์คมากพอ ดังนั้นแล้วจึงต้องใช้วิธีการคัดเลือกขึ้้นมานั่นเอง
โดยบททดสอบนั้นสำคัญสำหรับพวกทหารออร์คเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลและทรัพยากรต่างๆ แล้วทหารออร์คพวกนี้ยังสามารถปล้นชิงข้าวของของพวกมนุษย์ได้อีกด้วย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม “บททดสอบความเป็นและความตาย” นั้นได้ถูกสร้างขึ้น แน่นอนว่ามันเป็นการคัดเลือกเหล่าสมาชิกใหม่ของพวกออร์คนั่นเอง
ตอนนี้เหลือเพียงวูฟไรเดอร์ชั้นสูง 2 ตัวเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างฟาวเลอร์ ออร์คชั้นสูงเหล่านี้เป็นเหมือนกับทรัพย์สมบัติที่สำคัญของอาณาจักรออร์ค ในระหว่างการทดสอบเพื่อแสวงหาทหารหน้าใหม่ของเผ่าพันธ์ออร์คการที่จะพวกออร์คชั้นสูงเจอนั้นเป็นเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่เมื่อต้องคำนึงถึงเจ้านายของพวกมันแล้วพวกออร์คชั้นสูงจึงต้องติดตามเจ้านายของมันไปที่โลกของพวกมนุษย์นั่นเอง
“บรู๋ว…” วูฟไรเดอร์ชั้นสูงได้ร้องโหยหวนดังไปทั่วทั้งท้องฟ้า เสียงร้องของวูฟไรเดอร์นั้นเต็มไปด้วยพลังลมปราณ ตอนนี้นกทั้งหลายที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้านั้นได้ยินเสียงร้องของวูฟไรเดอร์แล้ว คนที่กำลังขี่นกอยู่นั้นเข้าใจเสียงร้องของวูฟไรเดอร์ดี ตอนนี้พวกคนขับรู้แล้วว่าจะต้องรับออร์คที่มีสถานะสูงส่งนั้นกลับอาณาจักรออร์คก่อน คนขี่นกไม่รอช้าอีกต่อไปเขารีบบังคับนกกระจอกแห่งท้องนภาให้ลงมาใกล้ๆ ระดับพื้นดินราวๆ 20 เมตรทันที
วูฟไรเดอร์ชั้น 2 ทั้งสองตัวนั้นจับแขนแต่ละข้างของฟาวเลอร์พร้อมกัน ตอนนี้วูฟไรเดอร์ทั้งสองนั้นได้ใช้พลังลมปราณของตัวเองที่มีในการโยนฟาวเลอร์ไปบนท้องฟ้า
“ฉันจะดูแลครอบครัวของพวกนายเป็นอย่างดีเอง!” ฟาวเลอร์ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศนั้นกำลังพูดกับวูฟไรเดอร์ที่กำลังอยู่บนพื้นดิน ในไม่ช้าร่างของฟาวเลอร์ก็ได้ถูกนกแห่งท้องนภาจับตัวไปนั่นเอง
ในขณะที่อัศวินทั้งหลายกำลังรวมตัวกันในรูปแบบของขบวนทัพ ตอนนี้ขบวนกองทัพนั้นได้พุ่งเข้าใส่วูฟไรเดอร์ชั้นสูงที่กำลังยืนอยู่อีก 2 ตัวแล้ว วูฟไรเดอร์ทั้งสองตัวกลับมาเพิ่มพลังด้วยพลังลมปราณพร้อมที่จะต่อสู้อีกครั้งแล้ว ในตอนนี้วูฟไรเดอร์ชั้นสูงทั้งสองตัวนั้นได้ทำภารกิจของมันสำเร็จรุล่วงไปแล้วนั่นเอง เจ้านายของมันได้ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ตอนนี้เจ้านายของมันได้พูดไว้แล้วว่าจะดูแลครอบครัวของมันทั้งสองตัว วูฟไรเดอร์ทั้ง 2 ตัวจึงหมดห่วงแล้วนั่นเอง
เช่นเดียวกับทรายที่ถูกคลื่นอันทรงซัดกลืน ตอนนี้วูฟไรเดอร์ทั้งสองตัวนั้นได้เปลี่ยนพลังลมปราณของตัวเองให้กลายเป็นหมอกควันสีเลือดแล้ว เนื่องจากวูฟไรเดอร์ทั้งสองตัวนั้นเป็นวูฟไรเดอร์ชั้นสูง พวกมันจึงมีพลังที่ต่างจากวูฟไรเดอร์ตัวอื่นๆ นั่นเอง
ตอนนี้ทิวทัศน์ที่นกกระจอกแห่งท้องนภาได้เห็นทำให้ตัวมันนั้นกำลังตื่นตกใจไม่หยุด ในไม่ช้านกกระจอกแห่งท้องนภาก็บินขึ้นสู่บนท้องฟ้าในทันที
อัศวินซาโรหยานรู้ว่าตอนนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะจับนกกระจอกแห่งท้องนภาเอาไว้ได้ ตอนนี้อัศวินทั้งหมดจึงไม่รอช้าพวกเขาได้ปล่อยลำแสงของพลังลมปราณไปที่ท้องฟาไปในทันที แม้ว่านกกระจอกแห่งท้องนภาเองจะสามารถที่จะเร่งความเร็วในการบินได้แต่ความเร็วของพวกมันก็ไม่ได้มีค่าเลยที่จะต้องมาเจอกับลำแสงที่ถูกยิงมาจากพลังลมปราณแบบนี้ได้ ในไม่ช้าพลังลำแสงลมปราณนั้นก็ได้เข้าใกล้นกกระจอกแห่งท้องนภามากขึ้น มากขึ้น
ฟาวเลอร์ที่กำลังรู้สึกถึงอันตรายได้ในอีกครั้ง ตอนนี้เขาได้หยิบสัญลักษณ์รูนอออกมาจากกระเป๋าของตัวเองในทันทีก่อนที่จะทุบมัน สัญลักษณ์รูนได้เรืองแสงสีขาวออกมาคล้ายกับเป็นโล่ห์ขึ้นมาในทันที เแต่ลำแสงพลังลมปราณที่ถูกสร้างโดยอัศวินทั้ง 33 คนนั้นก็ยังคงทรงพลังมากอยู่ดี หลังจากที่่ลำแสงของพลังลมปราณเข้าปะทะกับโล่ห์ที่ถูกฟาวเลอร์สร้างขึ้นนั้นลำแสงพลังลมปราณก็ได้พุ่งทะละการป้องกันไปในทันที
แม้ว่าโล่ห์ของฟาวเลอร์นั้นจะไม่สามารถป้องกันลำแสงพลังลมปราณได้ทั้งหมด แต่มันก็สามารถที่จะดูดซับพลังทำลายล้างของลำแสงพลังลมปราณได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ตอนนี้ลำแสงพลังลมปราณนั้นได้ตัดผ่านไปบนตัวของนกก่อนจะหายไปในที่สุด
ตอนนี้นกกระจอกแห่งท้องนภาได้รับบาดเจ็บแล้ว ถึงแม้ว่าบาดแผลมันจะไม่ได้หนักอะไรแต่คนที่ขี่นกอยู่นั้นก็ไม่สามารถที่จะทำให้นกตัวนี้สงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว นกกระจอกแห่งท้องนภาได้บินไปทั่วท้องฟ้าโดยที่ไม่สนใจคำสั่งของคนขี่นกแต่อย่างใด
ในเวลานั้นเองคนที่ขี่นกก็ตระหนักได้แล้วว่าพวกเขากำลังเจอกับการโจมตีอยู่ ตอนนี้นกกระจอกแห่งท้องนภากำลังเริ่มตื่นกลัวกันมากขึ้นแล้ว
“บ้าเอ้ย พวกเราต้องปล่อยมันไปซินะ” อัศวินซาโรหยานพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่พอใจเท่าไรนัก
พวกออร์คทั้งหลายนั้นมีความสามารถที่สูงมาก ตอนนี้พวกวูฟไรเดอร์กำลังบ้าคลั่งขึ้นมาเรื่อยๆ วูฟไรเดอร์ทั้ง 2 ตัวนั้นตั้งใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่อที่จะให้เจ้านายของมันได้หนีไปนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นอัศวินทั้งหลายไม่เคยเห็นเลยว่าพวกนกกระจอกแห่งท้องนภานั้นจะบินลงมาต่ำขนาดนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าออร์คที่ไหนีไปนั้นจะต้องเป็นออร์คพิเศษอย่างแน่นอน
“มาช่วยกันเก็บกวาดเร็วเข้า” อัศวินเบอร์นอลได้พูดขึ้น ถ้าหากกองทัพของมนุษย์นั้นสามารถฆ่าหมาป่าทั้ง 160 ตัวที่มีพลังการต่อสู้เหนือกว่าระดับ 6 และฆ่าวูฟไรเดอร์ระดับสูงอีกทั้ง 2 ตัวได้นี้จะต้องเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของกองทัพมนุษย์อย่างแน่นอน ตอนนี้ต้องกลับไปรักษาทหารทั้งหมดที่ได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้าในศึกครั้งนี้ก่อน
ไม่ว่าจะตายหรืออยู่เหล่าทหารจะต้องตัดหัวออร์คให้ได้ทุกตัว ตอนนี้ผลงานทางการทหารนั้นจะขึ้นอยู่กับหัวของพวกออร์คที่พวกเขาสังหารนั่นเอง
“จากทหารทั้ง 1000 นาย ตอนนี้ทหารกว่า 302 นายนั้นได้ตายจากการต่อสู้ไปแล้ว ส่วนทหารอีก 54 นั้นบาดเจ็บสาหัส และทหารอีก 5 นายเองบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“ตอนนี้เราเป็นส่วนหนึ่งของสงครามที่สูญเสียอีกครั้งแล้วสินะ” อัศวินซาโรหยานพูดอย่างหมดหวัง ในความจริงแล้วเมื่อมีสงครามเกิดขึ้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตลงได้ ทหารที่มาปราบปรามพวกออร์คนี้ล้วนแต่เป็นทหารฝีมือดีที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาจากเหล่าอัศวินด้วยกันทั้งนั้น อัศวินซาโรยาได้ฝึกฝนเหล่าทหารมานานหลายปี แต่การที่ทหารทั้งหลายจะสู้กับพวกออร์คได้ก็เป็นอะไรที่ท้าทายอยู่ดี ยังไงพวกออร์คทั้งหลายนั้นก็มีพลังต่อสู้ที่มากกว่าระดับ 6 อยู่ดี การที่พวกออร์คสามารถเจาะแนวป้องกันมาได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร