AtW ตอนที่ 65 ประเมินราคา
“คุณไม่รู้หรอว่าอาวุทเวทย์ของผมถูกประมูลชายที่ร้านเอ็ดมันเท่าไร?” อาเบลได้ถามพร้อมกับมองไปที่เจ้าชายที่ดูโง่เขลาคนนี้
“ดาบนั่นแพงกว่า 10,000 เหรียญทองอย่างงั้นหรอ?” เจ้าชายไวแอดต์ไม่รู้ราคาที่แท้จริงของอาวุธเวทย์นั่นเอง เมื่อเจ้าชายได้ฟังที่อาเบลพูดเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าราคาของอาวุธเวทย์นั้นสูงกว่านี้ ”ราคาที่โรงประมูลนั้นมันสูงเกินไป ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าชายฉันจะจ่าย 10,000 เหรียญทองให้กับอาวุธเวทย์ของนาย หวังว่าเงินจํานวนนั้นจะมากเพียงพอละนะ”
ตามที่เจ้าชายไวแอดต์คิดไว้ แม้ว่าอาเบลจะเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กแต่เขาก้ยังดูเด็กเกินไป ยังไงเด็กอย่างอาเบลจะต้องกลัวในสิ่งที่เจ้าชายพูดอย่างแน่นอน เมื่อเจ้าชายเห็นว่าอาเบลยังคงเงียบต่อไป เจ้าชายไวแอดต์ก็ว่าอาเบลได้ยอมรับข้อเสนอของเขาแล้ว
ณ จุดนั้นเองอาจารย์โซรินผู้เป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอดทนต่อคําพูดอันเย่อหยิ่งของเจ้าชายต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว คนแคระคนนี้ได้จับหนวดที่ยาวของตัวเองก่อนจะพูดว่า “นี่เจ้าชายกําลังคุกคามสหพันธ์ช่างตีเหล็กของพวกเราอยู่อย่างงั้นสินะ?”
ตอนนี้เจ้าชายไวแอดต์ได้รู้แล้วว่าคนที่เขากําลังยืนคุยด้วยอยู่คือโซริน โซรินเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนแคระนั่นเอง ในตอนแรกเจ้าชายไม่ทันได้สังเกตเห็นโซรินก็เพราะความสูงของเขานั่นเอง การที่จะสังเกตเห็นโซรินได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยเนื่องจากเขาถูกความสูงของอาเบลบดบังอยู่นั่นเอง
“ไม่เลย ท่านอาจารย์โซริน ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลย” เจ้าชายไวแอดต์ได้พูดปฏิเสธพร้อมกับอธิบายในทันที
เจ้าชายไวแอดต์ไม่ได้มีเงินจํานวนมากพอในเวลานี้ เนื่องจากสุภาพของกษัตริย์เองไม่ค่อยดีมากนัก เวลาในฐานะของเจ้าชายในเชื้อพระวงศ์นั้นจึงกําลังจะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้นั่นเอง นี่เป็นเหตุผลที่ทําให้เจ้าชายคนนี้ใช้เงินและเวลาส่วนใหญ่ในพื้นที่ของดยุคคาร์เมลเพื่อที่จะใช้เงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ ถ้าหากใช้เงินซื้อของที่จําเป็นทั้งหมดแล้วเจ้าชายไวแอดต์จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายในบั้นปลายชีวิตข้างหน้า
เพื่อปกป้องชีวิตของตัวเองรวมไปถึงของมีค่าเอาไว้ นอกจากการหาทหารยอดฝีมือแล้วการที่มีอาวุธเวทย์เองก็เป็นเหมือนกับอาวุธในฝันอีกด้วย แน่นอนว่าในอนาคตเจ้าชายไวแอดต์วางแผนเอาไว้ว่าจะหาอัศวินระดับสูงมารับใช้นั่นเอง
สถานการณ์ในตอนนี้ทําให้ไวแอดต์ดูสิ้นหวังและหมดหนทางอีกต่อไป ถ้าหากเขาเสียฐานะเจ้าชายไปแล้วแน่นอนว่าชีวิตของเจ้าชายคนนี้ก็จะตกอยู่ในอันตรายนั่นเอง ด้วยความสิ้นหวังนี้เองจึงทําให้เจ้าชายคนนี้ดูร้อนใจราวกับว่าเขานั้นได้เสียสติไปแล้ว
” งานของปรมาจารย์ตีเหล็กอาเบลมีมูลค่ามากถึง 20,000 เหรียญทอง แต่เจ้าชายกลับบังคับให้เขาขายให้ในราคา 10,000 เหรียญทองเท่านั้น จากนั้นเจ้าชายก็ขู่เขาโดยใช้ฐานะเจ้าชาย เจ้าชายรู้ใช่ไหมว่าสหพันธ์ช่างตีเหล็กจะโกรธขนาดไหนถ้ารู้เรื่องนี้เข้านะ?” เสียงของโซรินสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พูด โดยท้ายที่สุดแล้วโซรินก็จบคําพูดด้วยเสียงคํารามของเขา
ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของอาเบลคนเดียวอีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่จากนี้เป็นต้นไปจะเป็นเรื่องระหว่างเจ้าชายไวแอดต์กับสหพันธ์ช่างตีเหล็ก สิ่งที่เจ้าชายจะได้รับจากการต่อต้านสหพันธ์คือผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่าไรนัก
จากเสียงคํารามของโซรินปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนแคระทําให้ขุนนางทั้งหมดที่อยู่ในงานเลี้ยงตอนนี้ตกใจขึ้นมาทันที เมื่อพวกขุนนางทั้งหมดรู้ว่าเจ้าชายไวแอดต์ได้ทําให้ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนนี้ไม่พอใจ พวกขุนนางทั้งหมดเองก็เผยความไม่พอใจออกมาบนสีหน้าของพวกเขาเช่นกัน อาเบลเป็นใครกันแน่? เขาเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของเมืองฮาเวส เขาเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่มีมาและเขายังเป็นท่านลอร์ดตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่ด้วย อาเบลนั้นได้ประสบความสําเร็จมากมายตั้งแต่อายุยังน้อยดังนั้นแล้วเขาจึงเป็นเหมือนกับความภาคภูมิใจของชาวเมืองฮาเวสนั่นเอง
ไวเคานต์ดิ้กเคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเองก็ไม่พอใจกับการกระทําของเจ้าชายเช่นกัน เขาเป็นคนที่พาเจ้าชายคนนี้มาที่งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้แต่เจ้าชายไวแอดต์กลับทําให้ชื่อเสียงของไวเคานต์ดิ้กเคนนั้นต้องเสื่อมเสียไป ซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศนี้เองเป็นเหมือนกับสิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับขุนนางแล้ว
” ท่านอาจารย์โซริน ผมไม่รู้จริงๆ ว่าราคาของอาวุธเวทย์นั้นเท่าไรกันแน่ ผมก็แค่สงสัยว่าราคาเท่าไร ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะขู่อาเบลเลยนะ” เจ้าชายไวแอดต์พูดอธิบายตอนนี้ สีหน้าของเจ้าชายไวแอดต์ได้ซีดเซียวไปแล้ว ดูเหมือนว่าโอกาสที่เขาจะได้ครอบครองอาวุธเวทย์นั้นจะหลุดลอยไปแล้ว
ถ้าหากกษัตริย์อาสเตอร์รู้ว่าไวแอดต์ได้ล่วงเกินสหพันธ์ช่างตีเหล็ก สิ่งแรกที่เขาจะทําก็คือการเตะลูกชายคนนี้ออกจากพระราชวังอย่างแน่นอน แน่นอนว่าเขาจะถูกถอดยศเจ้าชายออกด้วย ไวแอดต์จะกลายเป็นพลเมืองคนธรรมดาไปในที่สุด แน่นอนว่าไวแอดต์ไม่ได้ต้องการที่จะเป็นแบบนั้น
“อาเบล นายต้องการจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?” โซรินได้พูดขึ้น เดิมทีแล้วสหพันธ์ช่างตีเหล็กไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหา แต่สถานการณ์ทุกอย่างในปราสาทแฮรี่ตอนนี้ทําให้โซรินต้องออกเคลื่อนไหวเพราะอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
” ท่านโซรินวันนี้เป็นวันเกิดของลอร์ดมาแชล และเจ้าชายไวแอดต์อยากที่จะซื้ออาวุธจากราคาที่แท้จริง ดังนั้นแล้วผมจะนําอาวุธเวทย์ชิ้นใหม่ที่สร้างขึ้นมาให้ท่านอาจารย์โซรินประเมินราคาให้ ผมหวังว่าราคาที่ท่านอาจารย์โซรินประเมินมา เจ้าชายไวแอดต์จะสามารถซื้อได้นะครับ” อาเบลได้สร้างดาบเวทย์ใหม่ทั้งหมด 2 เล่มด้วยกัน ดาบที่อาเบลสร้างขึ้นเป็นดาบแห่ง 120 ทักษะ และอาเบลยังใช้หมึกระดับกลางในการเขียนรูนอีกด้วย ดังนั้นแล้วพลังเวทย์ของดาบเล่มนี้จะต้องเสถียรมากอย่างแน่นอน อาจารย์โซรินเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กมานานแล้วดังนั้นเขาจะต้องรู้ราคาที่แท้จริงของดาบอย่างแน่นอน ในตอนนี้อาเบลไม่ต้องการให้สถานการณ์ในงานเลี้ยงตรึงเครียดไปมากกว่านี้ดังนั้นอาเบลจึงตัดสินใจที่จะขายดาบให้กับเจ้าชายไป
“ถ้าหากนายต้องการอย่างนั้นแล้วละก็ได้เสมอ” โซรินได้ตอบกลับอาเบลไป เขารู้ดีว่าอาเบลไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขึ้นไปมากกว่านี้แล้วดังนั้นอาเบลจึงเสนอทางแก้ออกมานั่นเอง
หลังจากที่ตกลงกันเสร็จอาเบลก็ได้โบกมือไปให้กับพ่อบ้านลินด์เซ่ก่อนที่จะเดินไปที่เก็บดาบเวทย์ในห้องตีเหล็กส่วนตัวของอาเบล หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านลินด์เซ่ก็ออกมาพร้อมกับดาบใหญ่เล่มหนึ่ง
“ท่านอาจารย์โซรินครับ นี้เป็นผลงานชิ้นล่าสุดของผมเอง ได้โปรดตรวจสอบและประเมินค่าของดาบเล่มนี้ด้วย” อาเบลได้ให้พ่อบ้านลินด์เซ่นําดาบใหญ่เล่มนั้นมาให้กับอาจารย์โซริน
ขุนนางหลายคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็อยากเห็นดาบเวทย์ด้วยตาของพวกเขาเองเช่นกัน ดาบเวทย์ของอาเบล เดิมทีนั้นถูกขายอยู่ในตลาดด้วยราคาที่มากถึง 20,000 เหรียญทอง ราคาของดาบเวทย์จํานวนนั้นแพงกว่าราคาของปราสาทบ้างหลังด้วยซ้ำไป ด้วยราคาที่สูงนี้เองจึงทําให้ทุกคนสนใจที่จะอยากดูดาบเวทย์เล่มนี้ด้วย
โซรินได้ตรวจสอบดาบเวทย์อย่างใกล้ชิด โซรินได้ใช้นิ้วของตัวเองสัมผัสดาบอย่างช้าๆ ทันทีที่สัมผัสใบดาบ แสงสีฟ้าก็เปล่งประกายขึ้นบนนิ้วของโซรินทันที ตอนนี้นิ้วของโซรินถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งแล้ว
โซรินได้สะบัดน้ำแข็งที่นิ้วออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็หันมามองที่อาเบลอย่างสงสัย ” ดูเหมือนว่าฝีมือของนายจะพัฒนาไปอีกแล้วสินะ ถ้าหากนายอายุมากกว่านี้นายจะต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอน ดาบเล่มนี้เป็นดาบชั้นเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าดาบจะถูกทํามาจากแร่เหล็กธรรมดาๆ แต่คุณภาพของมันกลับดีกว่าดาบแห่งร้อยทักษะมาก”
บรรดาขุนนางทั้งหลายได้ฟังโซรินอธิบายถึงคุณสมบัติของดาบอาเบลอย่างเงียบๆ นี้เป็นโอกาสที่หายากมากที่จะได้ยินปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนแคระประเมินอาวุธ
โซรินได้โน้มตัวเข้าหาอาเบลก่อนจะพูดว่า “อาเบล ยินดีด้วยนะที่นายสามารถผลิตอะไรที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กได้แล้ว แน่นอนว่าฉันจะบอกความสําเร็จครั้งนี้ของนายไปที่หอเกียรติยศของสหพันธ์ช่างตีเหล็กเอง”
หอเกียรติยศของสหพันธ์ช่างตีเหล็กนั้นเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ของทวีปศักดิ์สิทธิ์นี้ โดยหอเกียรติยศนี้เองเป็นที่บันทึกความสําเร็จของช่างตีเหล็กที่สามารถพัฒนาเทคนิคในการสร้างอาวุธได้ และเทคนิคนี้เองจะถูกส่งต่ออย่างนับไม่ถ้วนในทวีปแห่งนี้สืบต่อไป
“ผมรู้แล้วว่าผมจะพูดอะไรกับท่านอาจารย์หลังงานเลี้ยงอาหารค่ำแล้ว” อาเบลได้ยิ้มพร้อมตอบกลับ
โซรินมองดูอาเบลด้วยสีหน้าที่แสดงความยินดี “ฉันยินดีที่จะคุยกับนายเสมอนะอาเบล!”
โซรินได้หยิบดาบเวทย์ของอาเบลชูขึ้นพร้อมกับพูดต่อไปว่า “ได้โปรดหาท่อนไม้มาให้ฉันหน่อย”
หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านลินด์เซ่ก็ได้ให้คนรับใช้หยิบท่อนไม้ที่มีขนาดยาวกว่าหนึ่งเมตรมาให้กับโซริน
โซรินได้ใช้ดาบเวทย์ของเขาอาเบลฟันไปที่ท่อนไม้ด้วยแรงของเขาโดยตรงอย่างอ่อนนุ่ม ดาบของอาเบลได้ฝังลึกไปที่ท่อนไม้กว่าหนึ่งเซนติเมตร ในตอนที่ดาบฝังเข้าไปในไม้ น้ำแข็งก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งท่อนไม้แล้ว
“ดูเหมือนว่าการใช้หมึกเขียนรูนของนายนั้นจะไม่เหมือนใคร เพราะดูเหมือนว่าผลที่เกิดจากรูนที่นายได้วาดนั้นจะส่งผลยาวนานกว่ารูนปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับดาบเวทย์เล่มอื่นๆ แล้วดูเหมือนว่าดาบเวทย์ของอาเบลจะดูทรงพลังกว่ามาก ฉันอยากจะรู้สูตรหมึกเขียนรูนของนายจริงๆ”
“เอ่อ…” การตอบคําถามครั้งนี้ของอาเบลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย อาเบลได้ใช้ฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาในการผสมหมึกระดับกลางขึ้นมา ดังนั้นแล้วอาเบลจึงไม่รู้สูตรที่แท้จริงนั่นเอง
“ฉันขอโทษที่ทําให้นายต้องลําบากใจนะอาเบล นายคงไม่อยากจะบอกสูตรลับกับใครสินะ” โซรินได้แตะหนวดของตัวเองคล้ายกับว่าเขากําลังจะกลบเกลื่อนความอับอายของตัวเองในครั้งนี้ การที่จะอยากรู้สูตรลับของคนอื่นนั้นเป็นเรื่องอะไรที่ไม่มีเหตุผลหรือความจําเป็นเลย ถ้าหากไม่มีสูตรสําหรับทําหมึกแล้วการจะสร้างอาวุธเวทย์ที่ทรงพลังได้จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย โซรินรู้สึกเสียใจที่ได้เอยคําขอที่ทําให้อาเบลรู้สึกลําบากใจ
ใบหน้าของเจ้าชายไวแอดต์ได้เริ่มหม่นหมองไปในทันที จากคําพูดที่โซรินพูดออกมานั้นทําให้เขารู้สึกว่าเป้าหมายของเขาในตอนนี้ได้เริ่มห่างไกลออกไปทุกที่แล้ว การที่โซรินชื่นชมอาวุธชิ้นนี้อย่างไม่หยุดนั้นจะทําให้มูลค่าของอาวุธชิ้นนี้พุ่งสูงขึ้นไปอย่างแน่นอน แน่นอนว่าการทําแบบนี้จะทําให้เจ้าชายไวแอดต์ต้องเสียเงินเพิ่มมากขึ้น
ไวเคานต์ดิ้กเคนได้พูดขัดจังหวะขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มในทันที “แล้วดาบเวทย์อันนี้มีราคาเท่าไรกันแน่ละท่านอาจารย์โซริน”
ในตอนนั้นเองโซรินก็จําได้ว่าเขาจะต้องประเมินมูลค่าของ ดาบเวทย์เล่มนี้ต่อไป โซรินได้คํานวณอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดในท้ายที่สุดว่า “ฉันโซริน ขอประกาศว่าดาบเล่มนี้มีมูลค่า 50,000 เหรียญทอง”
เมื่อโซรินได้ประเมินราคาเสร็จ บรรดาเหล่าขุนนางทั้งหลายที่อยู่ในปราสาทก็ได้แต่มองดาบเวทย์เล่มนี้ด้วยอิจฉาริษยา ตอนนี้ทุกคนกําลังจ้องมองไปที่ดาบเวทย์ของอาเบลโดยไม่กระพริบตา
ไวเคานต์ดิ้กเคนได้หยิบดาบเวทย์ของอาเบลด้วยความอยากรู้อยาเห็น จากนั้นเขาก็ลองโบกดาบของอาเบลไปมาแล้วจึงหันไปถามอาเบลทันที “ท่านปรมาจารย์อาเบลทําดาบแบบนี้มาแล้วกี่ครั้งหรอ? ถ้ายังไงท่านช่วยขายให้ฉันหน่อยได้ไหม?”