AtW ตอนที่ 71 สังหารเจ้าชาย
“โวร์แกน” หนึ่งในอัศวินชั้นสูงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นอาเบลที่กําลังแปลงร่างอยู่ในระหว่างที่อัศวินคนนี้ตะโกนอยู่ เลือดสดๆจากร่างกายของเขาก็ไหลออกจากบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าอัศวินคนนี้จะไม่ได้สนใจบาดแผลของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เขาหันไปหาอัศวินอีกคนก่อนจะตะโกนขึ้นมาว่า ” พาเจ้าชายหนีไปซะ!”
อัศวินชั้นสูงคนที่พูดสั่งการได้วิ่งไปเผชิญหน้ากับอาเบลในทันที อัศวินคนนี้รู้ดีว่าถ้าไม่รีบจัดการกับอาเบลในตอนนี้ เขาจะไม่สามารถทําอะไรต่อได้อย่างแน่นอนเนื่องจากอาการบาดเจ็บของเขานั่นเอง
นี่เป็นการเผชิญหน้ากับอัศวินชั้นสูงครั้งแรกของอาเบล ถึงแม้ว่าตอนนี้อาเบลจะใช้หอกยาวตามเคล็ดวิชาของตระกูลวูลฟ แต่พลังของหอกยาวนั้นไม่ได้ด้อยพลังเลย ถ้าหากอาเบลใช้วิชาหอกยาวอันนี้พร้อมกับสัตว์ขี่ด้วยแล้ว แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของตัวเขาจะต้องเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่าแน่นอน
อาเบลในร่างของออร์คได้คํารามออกมาอย่างสุดเสียง ตอนนี้เขาได้เริ่มร่ายมนตร์คาถาสําหรับการใช้หอกยาวแล้ว ด้วยเคล็ดวิชาการใช้หอกยาวหมายเลข 11 อาเบลจะสามารถพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับการใช้หอกยาวอันนี้โจมตีศัตรูได้นั่นเอง ตอนนี้ตัวเขาได้เข้าใกล้กับอัศวินชั้นสูงมากขึ้นแล้ว
อาเบลไม่รู้เลยว่าอัศวินชั้นสูงนั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหน แต่ถ้าจะเทียบกับอัศวินระดับกลางอย่างลอร์ดมาแชลแล้ว พละกําลังของอัศวินระดับสูงของจะมีไม่เกิน 1000 ปอนด์อย่างแน่นอน และถ้าใช้พลังลมปราณในการต่อสู้ด้วยแล้วพละกําลังจะต้องเป็น 2000 ปอนด์ไม่ผิดแน่ ด้วยพละกําลังที่มากมายขนาดนั้น อัศวินชั้นสูงอาจจะทําลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็เป็นได้
แต่พละกําลังของอาเบลที่มีในตอนนี้ก็มีทั้งหมด 2000 ปอนด์ด้วยกัน ถ้าหากอาเบลได้ใช้เทคนิคหอกยาวด้วยแล้ว พละกําลังของเขาจะเพิ่มไปถึง 3000 ปอนด์ด้วยกัน ตอนนี้อัศวินชั้นสูงที่กําลังเผชิญหน้ากับอาเบลก็ยังมีบาดแผลอยู่หลายที่ แน่นอนว่าเขาจะต้องมีพละกําลังไม่ถึง 2000 ปอนด์อย่างแน่นอน
เมื่อหอกยาวได้เข้าปะทะกับดาบของอัศวินชั้นสูง หอกยาวที่อาเบลได้ใช้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แม้หอกจะปะทะกับดาบแล้วแต่หอกของอาเบลก็ยังคงพุ่งตรงไปอยู่ดี ในไม่ช้าหอกที่อาเบลได้ใช้ ก็ได้เจาะทะลุร่างกายของอัศวินชั้นสูงคนนั้นไปอีกด้าน
เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นในทันที อาเบลได้ขว้างร่างของอัศวินชั้นสูงที่ถูกหอกยาวเสียบไปในทิศทางที่เจ้าชายไวแอดต์ได้วิ่งหนีไป
อัศวินชั้นสูงอีกคนกําลังคุ้มกันเจ้าชายไวแอดต์ที่กําลังวิ่งไปที่บ้านของพวกเขา แต่ในทันที พวกเขาจะวิ่งไปถึงม้าพวกเขาทั้งสองคนก็เห็นร่างของอัศวินคนหนึ่งลอยตรงมาทางพวกเขา
ดูเหมือนว่าสิ่งที่อัศวินชั้นสูงไม่ได้คาดคิดเอาไว้ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพายในพริบตาเดียวเท่านั้น
แม้ว่าอัศวินชั้นสูงจะบาดเจ็บสาหัสแต่การที่จะจัดการกับอัศวิน แบบนี้ในระยะเวลาอันสั้นได้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย อัศวินชั้นสูงคนนั้นที่ได้ต่อสู้กับอาเบล เขาคนนั้นไม่ใช้ดาบในการป้องกันนั่นเอง การใช้ดาบรับการโจมตีอันรุนแรงของหอกอาจจะทําให้ดาบถูกทําลายไปได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงปล่อยให้หอกเข้าโจมตีไปที่ร่างกายโดยตรง
ทันทีที่ร่างของอัศวินคนนั้นได้ลอยมาใกล้กับพวกเจ้าชาย อัศวินอีกคนก็รู้ได้ทันทีว่าอัศวินที่เป็นเพื่อนของเขานั้นได้ตายจากไปแล้วนั่นเอง ดูเหมือนว่าคนที่สังหารอัศวินคนนี้จะได้เข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นเองเจ้าชายก็ได้ขึ้นไปบนม้าของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาเบลได้เดินเข้ามาใกล้เจ้าชายไวแอดต์มากขึ้นพร้อมกับหอกยาวที่อยู่ในมือ หอกยาวของเขาเองกําลังเรืองแสงสีเขียวอยู่
อัศวินชั้นสูงที่ได้รับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันเจ้าชายได้ขวางทางอาเบลเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาไปหาเจ้าชายไวแอดต์ได้ แต่ไม่ทันที่อาเบลจะได้ลงมือทําอะไร เจ้าชายไวแอดต์ก็ได้หมดสติไปก่อนแล้ว
อัศวินชั้นสูงได้แต่กระพริบตาแบบแผ่วเบา ก่อนที่จะพูดออกไปด้วยเสียงที่แหบแห้งอีกว่า “นายมาจากตระกูลวูลฟสินะ?”
เคล็ดวิชาในการใช้หอกยาวของเผ่าวูลฟนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่กับสมาชิกคนอื่นๆ นอกเหนือจากสมาชิกของครอบครัวของตระกูลวูลฟด้วยกันเอง ถ้าหากมีออร์คตัวไหนก็แล้วแต่แอบเรียนเคล็ดวิชานั้น ออร์คตัวนั้นก็จะถูกตามล่าเอาชีวิตอย่างแน่นอน
เทคนิคการใช้หอกของตระกูลวูลฟหมายเลข 11 นั้นเป็นเทคนิคที่เลื่องชื่อมากในโลกของมนุษย์และออร์ค ศัตรูมากมายที่ได้เผชิญหน้ากับเทคนิคนี้ล้วนแต่ต้องถึงความตายด้วยกันทั้งนั้น แสงไฟสีเขียวที่เปล่งประกายออกมาจากหอกนั้นเป็นเหมือนกับซิกเนเจอร์ของการใช้เทคนิคนี้นั่นเอง
อาเบลไม่ได้ฟังในสิ่งที่อัศวินชั้นสูงคนนั้นพูดออกมาเลย เพราะเขาไม่ต้องการที่จะพูดอะไรนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นออร์คหรือมนุษย์ก็แล้วแต่ต่างก็พยายามที่จะหยุดการร่ายมนตร์คาถาของการใช้เทคนิคหอกยาวอันนี้ ตอนนี้อาเบลอยู่ในระดับที่ต่ํากว่าอัศวินชั้นสูงถึง 2 ระดับด้วยกัน มีเพียงการใช้เทคนิคในการโจมตีที่ทรงพลังเท่านั้น จึงจะเติมเต็มความห่างชั้นในครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าเทคนิคการต่อสู้ที่อาเบลได้ใช้นั้นสามารถเติมเต็มความต่างนั้นได้ แถมเทคนิคนี้ยังเป็นเทคนิคการโจมตีจากระยะไกลอีกด้วย
ถ้าจะพูดถึงการฝึกฝนเป็นอัศวินนั้นอาเบลมีประสบการณ์ในการฝึกฝนเพียง 1 ปีเท่านั้น แน่นอนว่าหนทางการจะเป็นอัศวินที่แท้จริงได้นั้นไม่ใช่หนทางที่จะฝึกฝนกันง่ายๆเลย แต่อาเบลกลับใช้ทางลัดมากมายจนสามารถฝึกฝนผ่านช่วงอัศวินฝึกหัดไปได้ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานแต่สิ่งที่อาเบลยังขาดไปมากอยู่ นั่นคือเรื่องของประสบการณ์ การที่ขาดประสบการณ์อาจจะทําให้เกิดความผิดพลาดในการต่อสู้ได้ตลอดเวลา ความผิดพลาดที่เล็กน้อยนิดเดียวในการต่อสู้นั้นอาจจะทําให้ตัวเขาเองต้องไปพบกับจุดจบก็เป็นได้
อัศวินชั้นสูงคนนี้รู้สึกว่าเรี่ยวแรงของเขากําลังจะหายไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาเสียเลือดไปมากแล้วนั่นเอง ดังนั้นโอกาสเดียวที่จะจัดการกับอาเบลได้ก็มีเพียงโอกาสนี้เท่านั้น
อัศวินคนนี้ได้ใช้พลังลมปราณของตัวเองในการเคลือบไปที่ดาบใหญ่ การรวบรวมพลังลมปราณไว้ที่ดาบใหญ่ไว้เป็นปริมาณมหาศาลแบบนี้เป็นการโจมตีรูปแบบระยะไกลของอัศวินชั้นสูงนั่นเอง อาเบลไม่สามารถทําอะไรได้นอกซะจากถอยกลับไปตั้งรับให้ไกลขึ้นกว่าเดิม ด้วยระยะทางที่ไกลขึ้นนี้จะสามารถทําให้ตัวเขาปัดป้องการโจมตีในรูปแบบของระยะไกลนี้ได้
การโจมตีของอัศวินชั้นสูงคนนี้เริ่มที่จะอ่อนแรงลงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เลือดที่ไหลอาบร่างของอัศวินได้ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดแล้วการโจมตีระยะไกลในครั้งสุดท้ายนั้นก็ถูกอาเบลปัดป้องไปได้ในที่สุด
โอกาสทองในการโจมตีครั้งนี้อาเบลจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปอย่างแน่นอน อาเบลได้ใช้หอกยาวของเขาที่เต็มไปด้วยแสงสีเขียวโจมตีไปที่อัศวินชั้นสูงคนนี้ทันที อัศวินชั้นสูงคนนี้ได้กระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นอาเบลก็ไม่ได้ ตามร่างของอัศวินคนนี้อีกต่อไป ตอนนี้เขาได้รีบตามเจ้าชายไวแอดต์ไปในทันที
ทันทีที่อาเบลจัดการกับอัศวินผู้คุ้มกันไปได้ เจ้าชายไวแอดต์ก็ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นตอนนี้สิ่งๆเดียวที่เจ้าชายเห็นคือร่างของโวร์แกนนั่นเอง
“ไม่ ไม่ อย่าฆ่าฉัน” เจ้าชายไวแอดต์ไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไปแล้วนอกซะจากการรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาจะทําได้ก็คือการขอร้องให้โวร์แกนตัวนี้ไว้ชีวิตของเขานั่นเอง
แต่ในตอนนี้อาเบลเป็นวูฟไรเดอร์นั่นเอง ในดินแดนอาณาจักรของมนุษย์นั้นออร์คทุกตัวก็เป็นเหมือนกับศัตรูของมนุษชาตินั่นเอง ดังนั้นแล้วอาเบลจึงไม่ต้องรับฟังคําวิงวอนอ้อนวอนของมนุษย์คนนี้เลยแม้แต่น้อย
เจ้าชายไวแอดต์เป็นอัศวินด้วยเช่นเดียวกัน การที่อัศวินจะขอให้ออร์คนั้นเมตตาไว้ชีวิตตัวเองเป็นการกระทําที่น่าอับอายเป็นอย่างมาก สิ่งที่อาเบลคิดในใจมีเพียง “คนทรยศ!” เท่านั้น ตอนนี้เจ้าชายไวแอดต์ได้ทรยศให้กับศักดิ์ศรีความเป็นอัศวินของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
” แต่ฝ่าบาท สิ่งที่ฝ่าบาททํากับพ่อบุญธรรมของผมเป็นอะไรที่ไม่อาจให้อภัยได้หรอกนะ ตอนนี้ผมจะต้องเอาชีวิตของฝ่าบาทคืนมาแล้วล่ะ” ภาษามนุษย์ได้ออกมาจากโวร์แกนที่เป็นร่างแปลงของอาเบล
“นะ..นายมันมนุษย์!” ทันทีที่เจ้าชายได้ยินสิ่งที่อาเบลพูดเขาก็อุทานออกมาทันที “นายมันอาเบลเองสินะ ฉันจําเสียงของนายได้อาเบล!”
” ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ข้างหลังเลยนะ” อาเบลพูดพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของเจ้าชาย จากนั้นเขาก็ได้ใช้หอกที่อยู่ในมือเล็งไปที่คอของเจ้าชายไวแอดต์
“ไม่ ได้โปรด อย่าฆ่าฉันเลยนะ” เจ้าชายไวแอดต์กําลังตกตะลึงอยู่ ตอนนี้ร่างกายของเขากําลังเต็มไปด้วยความหนาวเย็น จากนั้นเขาก็ยังคงขอความเมตตาพร้อมกับกรีดร้องต่อไป “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้เลย ได้โปรด”
” ขอให้เกิดเป็นคนดีในชาติหน้านะ!” แสงสีเขียวได้เปล่งประกายออกมาจากหอกยาวอีกครั้ง หลังจากนั้นเอง คอของเจ้าชายไวแอดต์ก็ได้ถูกหอกที่อยู่ในมือของอาเบลแทงทะลุไปแล้ว ตอนนี้สีหน้าที่อ้อนวอนขอชีวิตของเจ้าชายก็ได้หายไปแล้วเช่นกัน
หลังจากที่มองไปที่ร่างของเจ้าชายที่นอนกองอยู่บนพื้น อาเบลก็ได้สะบัดเลือดที่ติดอยู่ที่ปลายหอกไปในทันที
จากนั้นอาเบลก็ได้ไปตรวจดูว่าอัศวินชั้นสูงที่ตัวเขานั้นโจมตีไป ก่อนหน้านี้ยังหายใจอยู่ไหม หลังจากนั้นไม่นานอาเบลก็ได้เรียกเมฆาสีขาวหลังจากที่ยังเห็นว่าอัศวินคนนั้นยังมีชีวิตอยู่
หลังจากขึ้นขี่เมฆาสีขาวแล้วอาเบลก็ได้กลับไปที่ปราสาทในทันที ในระหว่างที่บินกลับปราสาทอาเบลได้ให้เมฆาสีขาวบินสูงที่สุดเท่าที่มันจะทําได้ หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมงตัวเขานั้นก็ได้ กลับมาถึงปราสาทแฮรี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่อาเบลจะกลับถึงปราสาทเขาก็ได้แวะไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์เบธแฮมก่อน
ข่าวการตายของเจ้าชายไวแอดต์ได้ถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วโดยอัศวินคนหนึ่งที่ถูกอาเบลไว้ชีวิตเอาไว้ เมื่อกษัตริย์ได้รู้ว่าเจ้าชายไวแอดต์นั้นตายจากไปจากอุบัติเหตุ เขาก็เป็นลมหมดสติไปในทันทีเนื่องจากความเศร้าที่จะต้องสูญเสียลูกชายไป
การปรากฏตัวของวูฟไรเดอร์ที่สังหารเจ้าชายไปทําให้หลายๆคนในเมืองต่างหวาดกลัว และเนื่องจากความต้องการทหารยามนั้นมีเพิ่มสูงมากขึ้น ทหารรับจ้างต่างๆภายในเมืองจึงร่ํารวยมากขึ้นตามนั้นเอง
ขุนนางหลายคนต่างก็พูดถึงเรื่องของเจ้าชายไวแอดต์กันทั้งนั้น พวกเขาทั้งหลายต่างคิดว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นสมควรที่จะเกิดขึ้นกับตัวเจ้าชายแล้ว แต่ถึงแบบนั้นความผิดของเจ้าชายก็ยังไม่ถูกศาลของขุนนางให้อภัยแต่โดยดีไป
ความพยายามในการลอบสังหารลอร์ดมาแชลนั้นก็ยังถือเป็นความผิดอยู่ดี ดังนั้นแล้วบ้านพักในเมืองเบกองที่มีมูลค่ากว่า 100,000 เหรียญทองจึงถูกยึดมาจากเจ้าชายก่อนที่จะส่งมอบให้กับลอร์ดมาแชลไปในที่สุดเพื่อชดเชยเรื่องในครั้งนี้
“ฉันได้แต่หวังว่าวิญญาณของเขาจะกลับไปที่สวรรค์ได้นะ!” ลอร์ดมาร์แชลกล่าวคําไว้อาลัยอย่างเคารพ ตอนนี้เขาได้รับเอกสารของผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านพักหลังนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าลอร์ดมาแชลจะไม่ได้ติดใจเอาความอะไรเจ้าชายไวแอดต์อีกต่อไป ตอนนี้เขาให้อภัยเจ้าชายแล้วนั่นเอง
และไม่เพียงแต่เขาจะให้อภัยแล้ว ลอร์ดมาแชลยังหวังว่าวิญญาณของเจ้าชายไวแอดต์นั้นจะได้จากไปอย่างสงบ การกระทําที่ให้เกียรติผู้ตายนี้เองมีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้มาส่งมอบเอกสารนั้นรู้เข้า ลอร์ดมาแชลไม่เพียงแต่มีความกล้าหาญเท่านั้น เขายังมีความยุติธรรมอยู่ในสายเลือดอีกด้วย
อาเบลรู้ดีว่าลอร์ดมาแชลรู้สึกยินดีแค่ไหนที่ได้รับบ้านพักมูลค่าสูงถึง 100,000 เหรียญทองมา แน่นอนว่าบ้านพักบ้านนี้จะต้องสร้างรายได้ให้กับปราสาทแฮรี่ต่อไป
หลังจากเรื่องราวในครั้งนี้เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับมาปกติสุขดังเดิม
แต่ถึงเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงแล้วแต่ความตึงเครียดระหว่างขุนนางและเหล่าราชวงศ์นั้นก็ยังคงทวีความตึงเครียดต่อไป