Abe the Wizard (AtW) AtW ตอนที่ 83 ปล้นสะดม
AtW ตอนที่ 83 ปล้นสะดม
หลังจากที่ดาเรนได้ถูกอาเบลจัดการไป เขาก็ได้โยนศพของทั้งสองคนไปใส่รถม้าที่พวกเขาได้เดินทางและปล่อยให้ม้าเดินไปอย่างอิสระถุงที่เต็มไปด้วยหญ้าแห่งผู้คุมวิญญาณได้ถูกแขวนเอาไว้เหนีอต้นไม้ต้นหนึ่งเอาไว้
ในเวลานี้อาเบลยังไม่ได้ไปตามหาแหล่งกบดานแหล่งที่สองของโวร์แกนการที่เขาได้ตามหาดาเรนแบบนี้ทําให้โวร์แกนเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างแล้วนั่นเอง โชคยังดีที่อาเบอรู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว เขารู้ได้ทันทีว่าตอนนี้รูฟไรเดอร์ระดับสูงกําลังจับตามองดูเขาอยู่ ดูเหมือนว่ารูฟไรเดอร์ตัวนี้จะเป็นผู้บัญชาการอีกด้วย
ในตอนนี้ยังมีรูฟไรเดอร์ที่เป็นผู้บัญชาการยังอยู่ที่นี่อยู่ ถ้าหากอาเบลไม่รีบออกไปจากที่เกิดเหตุแล้วละก็ลําพังตัวเขาในตอนนี้ที่ไม่ได้เอาอุปกรณ์สวมใส่มาครบตัวคงจะไม่สามารถป้องกันตัวเองจากโวร์แกนระดับสูงแบบนี้ได้วูฟไรเดอร์ตัวนี้คงจะมีฝีมือการต่อสู้พอๆ กับไวเคานต์ดี้กเคน ด้วยพลังที่มากกว่าคนทั่วๆไปจะทําให้ใครก็ตามที่เขาใกล้นั้นจะต้องหวาดกลัวไปโดยปริยาย แน่นอนว่าการที่จะเอาชนะศัตรูที่มีฝีมือขนาดนี้การใช้เพียงอาวุธเวทย์นั้นคงไม่เพียงพอ
แต่ถึงโวร์แกนจะมีฝีมือการต่อสู้มากแค่ไหนอาเบลก้ยังไม่ต้องการที่จะหนีจากพวกมันไปอยู่ดี วูฟไรเดอร์ทั้งหมดที่กําลังเดินทางอยู่นี้คือพวกวูฟไรเดอร์ที่เดินทางไปโจมตีปราสาทแฮรี่นั่นเอง แต่ถึงอาเบลจะอยากจัดการพวกมันมากเท่าไรแต่ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังคิดอะไรไม่ออกอยู่ดี สุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้นึกถึงสร้อยคอแปลงร่างที่ เขาได้มา บางที่ตัวเขาเองอาจจะรู้อะไรบางอย่างจากพวกโวร์แกนกเป็นได้
อาเบลเป็นคนคนหนึ่งที่ตัดสินใจจะทําอะไรแล้วเขาจะเริ่มทําในทันทีเขาไม่รอช้ารีบถอดชุดเกราะออกรวมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งก่อนที่ตัวเขาจะหยิบสร้อยคอแปลงร่างออกมา อาเบลได้ถือสร้อยของของเขาไว้ในมือก่อนที่จะเริ่มพูดอะไรบางอย่างออกมาอีกหลายคํา หลังจากที่เสร็จสิ้นการพูดตัวของเขาก็ล้อม รอบไปด้วยแสงสีเขียวและเมื่อแสงทั้งหมดจางหายไปตอนนี้อาเบลก็ได้กลายเป็นโวร์แกนไปแล้วนั่นเอง
“นอกจากกล้ามเนื้อและกระดูกที่ใหญ่ขึ้นแล้วสร้อยคออันนี้นี่มันเจ๋งจริงๆ” อาเบลได้กล่าวชมเชยสร้อยเส้นนี้ด้วยความเสแสร้ง
หลังจากที่เสร็จสิ้นการแปลงร่าง อาเบลก็ได้วางแผนที่จะหลบหนีหากการปลอมตัวของเขาในครั้งนี้ล้มเหลว เขาวางแผนที่จะใช้ดาบระเบิดทั้งสามเล่มที่อยู่ในฮอร์ราดริกคิวบ์ขว้างเข้าใส่พวกโวร์แกนและหลังจากนั้นตัวอาเบลจะวิ่งหนีออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเรียกเมฆาสีขาวมาให้ไวที่สุด
ด้วยแผนสํารองของอาเบลที่เก็บเอาไว้ในใจทําให้ตัวเขาในตอนนี้มีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว ตัวเขานั้นก้าวเดินเข้าไปที่คฤหาสน์ที่เป็นเป้าหมายในทันทีนี่อาจเป็นเพราะตัวอาเบลนั้นดูผ่อนคลายมากขึ้นแล้วทําให้ไม่มีผู้คุ้มกันประตูคนไหนตรวจสอบเขาเลย
” เอาจริงดิ? ไม่แม้กระทั่งจะตรวจร่างกายกันเลยอย่างงั้นหรอ? ทั้งๆที่หมาพวกนี้ต้องการที่จะบุกรุกดินแดนของมนุษย์แท้ๆ” อาเบลได้แต่คิดอยู่ในใจ มาตรการรักษาความปลอดภัยของพวกโวร์แกนนั้นต่ํามากถ้าหากตอนนี้อาเบลตัดสินใจที่จะวิ่งหนีไปจริงเขาก็ไม่อาจเดาได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่
ในความจริงแล้วอาเบลไม่สามารถที่จะตําหนีโวร์แกนที่ได้รับหน้าที่เฝ้าระวังได้เลย เดิมที่คฤหาสน์แห่งนี้ได้ถูกคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนาแล้วการที่จะเข้าคฤหาสน์นี้มาได้จะต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้คุ้มกันที่เป็นมนุษย์ซะก่อน ในตอนนี้รูฟไรเดอร์ที่อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้กว่า 100 ตัวนั้นมีหลายตัวที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ด้วย แน่นอนว่าฝ่ายมนุษย์ที่ได้รับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันเองไม่กล้าพอที่จะเข้ามายุ่งกับพวกวูฟไรเดอร์เหล่านี้แบบจริงๆ จังๆ
สุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้เข้ามาคฤหาสน์มาเป็นกรณีพิเศษโดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบครั้งที่สองแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าผู้คุ้มกันที่เป็นมนุษย์เองคงคิดไว้ว่าอาเบลเป็นโวร์แกนเช่นเดียวกับโวร์แกนตัวอื่นๆ เมื่อเขาได้เดินเข้ามาที่คฤหาสน์แห่งนี้วูฟไรเดอร์ที่ยืนอยู่ในคฤหาสน์อยู่แล้วต่างก็คิดว่าอาเบลนั้นเป็นโวร์แกนเช่นกัน อาเบลสา มารถเข้ามาที่คฤหาสน์ได้โดยการพยักหน้าเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
วูฟไรเดอร์ระดับปกติตอนนี้กําลังกินข้าวอยู่ ระหว่างที่พวกมันกําลังกินข้าวอยู่พวกมันก็ได้แต่พูดกันถึงเรื่องการบุกโจมตีก่อนหน้านี้การบุกโจมตีที่ล้มเหลวของพวกมันทําให้พวกวูฟไรเดอร์ทุกตัวรู้สึก ละอายใจจนท้ายที่สุดแล้ววูฟไรเดอร์ทุกตัวก็ได้กลัวมนุษย์ที่มาจากปราสาทแฮรีไปในที่สุดดูเหมือนว่าศัตรูของพวกวูฟไรเดอร์ที่อยู่ ในปราสาทนี้จะได้รับการประทานพรจากสวรรค์มา
ในความคิดที่ศัตรูที่แปลงรางไปเจอกับมนุษ
นี่เป็นความคิดที่แสนจะเรียบง่ายของโวร์แกนนั่นเอง พวกโวร์แกนไม่เคยเจอกับศัตรูที่แปลงร่างได้มาก่อนเลยไม่รู้วิธีการรับมีอนั่นเอง ในเวลานี้พวกมันมั่นใจว่าจะไม่เจอกับมนุษย์จากปราสาทแฮรี่อีก
ในเวลาเดียวกันนี้เองอาเบลก็ได้ไปเจอกับผู้บัญชาการของพวกวูฟไรเดอร์ โวร์แกนที่เป็นผู้บัญชามีชื่อว่าฟาวเลอร์ ฟาวเลอร์เลือกที่จะอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้โดยคฤหาสน์แห่งนี้อยู่ไกลจากเมืองฮาเวสอยู่พอสมควร ฟาวเลอร์ไม่อยากที่จะให้ทหารจากเมืองฮาเวสจับได้ว่ามีรูฟไรเดอร์มากบดานกันอยู่แบบนี้
คฤหาสน์หลังนี้ได้ถูกซื้อมาโดยเจ้าชายองค์ที่เจ็ด เจ้าชายมิดเดิลตัลจอร์จนั่นเอง โดยเจ้าชายได้ซื้อคฤหาสน์ไว้เพื่อให้กับตระกูลวูลฟจนถึงตอนนี้แล้วสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่สําหรับการทําธุรกิจสําหรับเจ้าชายมิดเดิลตันไปในที่สุด เจ้าชา ยมิดเดิลตันยินดีที่จะทําธรุกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนกับโวร์แกนในสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองแห่งนี้ ยังไงการทําธุรกิจระหว่างมนุษย์กับพวกออร์คเองก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากอยู่ดี
อาเบลไม่ได้ลังเลเลยที่จะสังเกตรอบๆ คฤหาสน์หลังนรู้เวลาส่วนใหญ่ที่เขาได้เดินเข้ามาอาเบลได้ใช้เวลาไปกับสังเกตสิ่งรอบๆตัวในคฤหาสน์หลังนี้เองมีโกงและสถานที่สําหรับพักผ่อนอยู่ นอกจากการสังเกตสิ่งรอบๆ ตัวในคฤหาสน์หลังนี้แล้วความสนใจของอาเบลส่วนใหญ่นั้นก็อยู่กับผู้บัญชาการฟาวเลอร์
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง เสียงเห่าหอนก็ได้ดังมาจากในที่ไกลแสนไกล และหลังจากที่ผ่านมาไม่นานเสียงหอนก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันใกล้กว่าครั้งที่แล้วมาก หลังจากได้ยินเสียงหอกอีกหลายครั้งผู้คุ้มกันก็ได้รับไปหาผู้บัญชาการฟาวเลอร์ในทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมถึงได้มีข้อความฉุกเฉินแบบนี้กันล่ะ?”หนึ่งในวูฟไรเดอร์ได้ถามวูฟไรเดอร์ตัวอื่นๆ
ดูเหมือนว่าโวร์แกนที่อยู่ไม่ไกลกับอาเบลเท่าไรนักจะเข้าใจสัญญาณอันนี้ดี โวร์แกนอีกตัวที่ได้ฟังพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนว่าสัญญาณนั้นจะถูรายงานสถานการณ์ของอีก 20 ไมล์ข้างหน้าฉันไม่รู้เลยว่ากําลังเกิดอะไรขึ้นตอนนั้นตรงแน่ ถึงแม้ว่าการส่งเสียงเห่าหอนจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนที่ดีที่สุดแต่ก็ดูเหมือนว่าการส่งสัญญาณเตือนแบบนี้จะไม่สามารถบอกรายละเอียดของสถานการณ์ได้เลย”
“20 ไมล์อย่างงั้นหรอ… นั่นเป็นที่ที่พวกมันพบกับรถม้าอย่างงั้นสินะ” อาเบลได้แต่คิดในใจ ตอนนี้เขากําลังคิดมากกับเรื่องที่ได้ทําไปมากขึ้น
ในขณะที่อาเบลกําลังใช้ความคิดอยู่ เงาของอะไรบางอย่างก็ได้ออกมาจากใจกลางคฤหาสน์ เงานั่นคือผู้บัญชาการฟาวเลอร์นั่นเองหลังจากที่เขาปรากฏตัวออกมาอีกครั้งเขาก็เริ่มหอนในทันทีจากนั้นเงาอะไรบางอย่างก็ได้รีบวิ่งมาด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ข้างๆ กับผู้บัญชาการฟาวเลอร์ ความรวดเร็วของมันนั้นดูเหมือน จะแหกกฏของฟิสิกส์ไปแล้ว ” นี่มันพลังอะไรกัน”อาเบลได้แต่คิดในใจ
ผู้บัญชาการฟาวเลอร์ได้หันไปหาหมาป่าที่ได้พุ่งตรงมาหาเขาหมาป่าตัวนี้สามารถกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางที่สูงได้ถึง 4 เมตรด้วยกันทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่รวดเร็วมากอาเบลแทบจะมองไม่เห็นเลยนั่นเอง
ในตอนนี้โอกาสที่แสนจะหายากได้เดินทางมาถึงแล้วในขณะที่โวร์แกนตัวอื่นๆกําลังใช้สมาธิเพ่งเล็งไปฟาวเลอร์อาเบลก็ได้ลุกขึ้นยืนเขาเดินไปใกล้ๆกับห้องของผู้บัญชาการก่อนที่จะเปิดประตูอย่างเบามือ
อาเบลพบว่าร่างกายของพวกโวร์แกนนั้นสามารถยืดหยุ่นได้ดีกว่าร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างมาก แม้จะเพิ่งเคลื่อนไหวก็ตามแต่ร่างกายของโวร์แกนนี้เองก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาเลยสาเหตุที่ทําให้ไม่มีเสียงนี้เองเป็นเพราะว่าที่เท้าของโวร์แกนนั้นมีปุ่มเนื้ออยู่แน่นอนว่าเมื่อพวกโวร์แกนต้องการพวกมันสามารถที่จะเก็บก รงเล็บเอาไว้ภายในอุ้มเท้าของพวกมันได้นั่นเองและเมื่อถึงเวลาที่จะต้องใช้งานแล้วกรงเล็บพวกนั้นยังสามารถใช้ได้ดังใจนึกอีกด้วย
เมื่ออาเบลเดินเข้ามาที่ห้องของฟาวเลอร์เขาก็พบว่าภายในห้องนั้นถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย ภายในห้องมีเพียงเตียงชนาดใหญ่เก้าอี้โต๊ะและยังมีไข่มุกยามราตรีที่ส่องสว่างไสวไปทั่วอยู่ที่เหนีอหัวของอาเบลของทั้งหมดภายในห้องมีแค่นี้เพียงเท่านั้น
มีถุงใบเล็กถุงหนึ่งถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ อาเบลได้ก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะเปิดถุงใบเล็กๆ อันนั้นขึ้นมา ถ้ามองจากภายนอกแล้วถุงใบนี้เป็นแค่ถุงใบเล็กๆ เท่านั้น แต่หลังจากที่ตัวเขาได้เปิดถุงอันนี้ขึ้นมาภายในถุงนั้นกลับมีพื้นที่กว้างขวางพอๆ กับขนาดห้องเลย
กวาด
อาเบลรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นของสิ่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นสิ่งของที่สามารถเก็บของได้นอกเหนือจากฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาเองอาเบลไม่เคยได้ยินว่าจะมีของแบบนี้มาก่อนเลย
อาเบลตัดสินใจที่จะนั่งลง ตอนนี้ถุงผ้าอันนี้ได้เป็นของเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาเบลได้แต่คิดว่าพวกโวร์แกนจะเก็บอะไรไว้ภายในถุงผ้าอันนี้กันแน่ ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นใน การตรวจสอบทันทีดูเหมือนว่าถุงผ้าอันนี้จะเก็บยาเอาไว้
อาเบลคุ้นเคยกับยาพวกนี้เป็นอย่างดี มันคือยาแห่งโลหิต ยาแห่งการเติมพลัง และยาแห่งการควบแน่นนั่นเอง ยาเสริมพลังทั้ง 3 อย่างนี้เป็นยาที่ถูกปรุงโดยพวกมนุษย์นั่นเอง เดิมทีแล้วยาพวกนี้จะถูกเก็บเอาไว้ไม่ให้รั่วไหลออกจากดินแดนของมนุษย์อย่างเด็ดขาดแม้แต่อาเบลเองที่ได้ซื้อยาเสริมพลังไปเป็นจํานวนมากก็ตามเขาก็ถู กสงสัยด้วยเช่นกันว่าจะเป็นผู้ลักลบขนยาเหล่านั้น
ยาทั้งหมดได้ถูกเก็บเอาไว้ภายใต้ถุงเล็กๆ ใบนี้เพียงเท่านั้นจากการประมาณการของอาเบลเองแล้วยาเสริมพลังในถุงผ้าทั้งหมดคงจะสามารถใช้ได้นานถึง 2 เดือนด้วยกัน ซึ่งหมายความว่ายาภายในถุงเองมีมูลค่ามากกว่า 1.2 ล้านเหรียญทอง
ของขวัญอันนี้คงจะเพียงพอแล้วที่จะทําให้อาเบลหายโกรธพวกรูฟไรเดอร์ที่ยกพลบุกปราสาทแฮรี่ของเขา
อาเบลไม่ทันได้สังเกตเห็นหนังสัตว์ที่อยู่บนเตียงในตอนแรกที่เขาได้เข้าห้องห้องนี้มาเลย เมื่อเขาได้มองเข้าไปใกล้ๆกับหนังสัตว์ผืนนั้นอาเบลก็เห็นแสงอะไรบางอย่างที่กําลังเปล่งออกมาดูเหมือนว่าแสงออร่านี้จะเป็นแสงที่เลือนรางเป็นอย่างมาก โดย การพบแสงออร่าแบบนี้ได้ส่วนมากจะพบอยู่กับหนังสัตว์ของพวกสัตว์ร้ายที่ตายแล้วนั่นเอง ส่วนสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นจะไม่มีออร่าแบบนี้
สัตว์ร้ายตัวนี้ต้องทรงพลังขนาดไหนกันในตอนที่พวกมันนั้นมีชีวิตอยู่?
อาเบลได้ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินไปหยิบหนังสัตว์ผืนนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าใบเล็ก หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้เวลาในการตรวจสอบห้องต่อไปหมอนที่อยู่บนเตียงขนาดใหญ่เองก็มีรูปร่างที่สวยงามมากทันทีที่อาเบลวางมือลงบนหมอนเขาก็สา มารถสัมผัสได้ถึงความเย็นในทันทีดูเหมือนว่าหมอนใบนี้จะถูกออกแบบมาให้สามารถนอนได้อย่างสบายตัวเป็นอย่างมากเพื่อที่เขาจะไม่ได้ต้องเผลอหลับไปสุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้รีบเก็บหมอนใบนี้ลงไปในถุงผ้าไปในที่สุด