AtW ตอนที่ 9 พัฒนาตัวเอง
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย
เมื่อถึงรุ่งเช้าวันรุ่งขึ้นนอร่าได้ออกจากห้องของอาเบลไป หลังจากที่ผู้เป็นแม่ออกจากห้อง อาเบลนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง อาเบลกำลังนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้ง 2 ปีที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้
ถึงแม้รูปร่างภายนอกของอาเบลจะเป็นเด็กหนุ่มอายุ 12 ปี แต่ภายในของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาไม่รู้เลยว่าอัศวินเบ็นเน็ตต์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แน่นอนว่าอาเบลยอมรับการตัดสินใจของเขา ถ้าหากเขาไม่ใช่เด็กที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อยเรื่องทั้งหมดนี้อาจจะต่างไปจากนี้ก็ได้ ตอนนี้อาเบลจะได้แยกย้ายจากลาครอบครัวของเขา เขาจะได้ใช้ชีวิตให้เหมือนกับผู้ใหญ่สักที
อาเบลรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาดี และแน่นอนว่าเขาเองก็ยอมรับมันได้ เขาหยิบฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาออกมาก่อนที่จะเปิดมันเพื่อหยิบน้ำยาเดินลมปราณในนั้น เขาเปิดฝามันออกอย่างช้าๆ ตอนแรกอาเบลต้องการที่จะเก็บมันไว้ใช้ในภายหลัง แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางที่เขาจะต้องเดินต่อไปในอนาคตจะเต็มไปด้วยอุปสรรค เส้นทางนั้นจะต้องไม่ปลอดภัยและอบอุ่นเหมือนบ้านแท้ๆ อย่างปราสาทเบ็นเน็ตต์อย่างแน่นอน อาเบลไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ฉะนั้นเขาจะต้องปกป้องตัวเองให้ได้มากที่สุด นี้เป็นสิ่งที่อาเบลเชื่อเสมอมา
น้ำยาเดินลมปราณระดับสุดยอดนี้เป็นเหมือนของเหลวสีอำพัน อาเบลค่อยๆ กลืนมันไปอย่างช้าๆ เขาเริ่มรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอะไรบางอย่างในตัวเขาที่กำลังเพิ่มมากขึ้น พลังลมปราณที่ถูกสะสมมานานค่อยๆ ไหลไปมาภายในกล้ามเนื้อของเขา แน่นอนว่ามันไม่ใช่น้ำยาเดินลมปราณทั่วไป อาเบลไม่เคยกินน้ำยาพิเศษแบบนี้มาก่อน ลมปราณทั้งหมดในตัวอาเบลรวมกันเป็นเมอร์ริเดียนอันที่สาม แม้ว่ามันจะแตกต่างจากที่เขาเคยฝึกมาแต่อาเบลไม่ต้องกังวลว่าการเพิ่มเมอร์ริเดียนในครั้งนี้จะล้มเหลว
อาเบลฝึกฝนเทคนิคการหายใจของอัศวินในทุกคืน แต่เขาก็ไม่เคยทำสำเร็จเท่ากับตอนนี้มาก่อน ในคืนวันธรรมดานั่นอาเบลสามารถฝึกได้มากสุดเพียง 20 เซ็ทเท่านั้น และนอกจากนี้อาเบลจะต้องพักระหว่างเซ็ทอีกด้วย สิ่งที่อาเบลกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ช่างแตกต่างจากวันคืนที่ผ่านมา เขากำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ผ้าม่านภายในห้องอาเบลยังคงเคลื่อนไหวตามจังหวะการหายใจของเขา
ดูเหมือนว่าน้ำยาเดินลมปราณนี้จะมีฤทธิ์ทั้งหมดชั่วโมงครึ่ง ในตอนนี้อาเบลสามารถเพิ่มเมอร์ริเดียนอย่างเสถียรภายในตัวเขาได้แล้ว ร่างกายของอาเบลยังคงเหลือพลังลมปราณอีกครึ่งหนึ่ง อาเบลรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก ดูเหมือนว่ายาเดินลมปราณระดับสุดยอดจะมีพลังมากกว่าที่วีเว็ตต์เคยบอกไว้
ข้อมูลที่วีเว็ตต์บอกมาผิดพลาดไปงั้นหรอ? หรืออาจจะเป็นเพราะการปรุงยาของนักปรุงยามากประสบการณ์ยังห่างไกลจากคำว่า “สมบูรณ์แบบ” สินะ ถึงแม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ แต่ดูเหมือนว่างานปรุงยาก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ มันเป็นงานฝีมือของมนุษย์นั่นเอง งานฝีมือของมนุษย์อาจจะไม่ใช่งานที่สมบูรณ์แบบเสมอไป แต่ฮอร์ราดริกคิวบ์ไม่ได้มีข้อจำกัดเหมือนกับงานฝีมือของมนุษย์ ทุกๆ ขั้นตอนของงานฝีมืออาจจะเกิดข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยได้
แต่สำหรับฮอร์ราดริกคิวบ์นั้นต่างออกไป ในฐานะที่ฮอร์ราดริกคิวบ์เป็นเหมือนกับไอเท็มวิเศษ มันมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงของที่มีอยู่ให้กลายเป็นของที่สมบูรณ์แบบได้ นี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้น้ำยาเดินลมปราณที่สร้างมาจากคิวบ์อันนี้จึงเป็นน้ำยาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าน้ำยาเดินลมปราณที่สร้างมาจากฝีมือของมนุษย์
การเพิ่มระดับความสามารถของตัวเองภายในไม่กี่ชั่วโมงทำให้อาเบลไม่รีรอที่จะใช้น้ำยาเดินลมปราณที่เหลืออยู่อีกขวด
เขาดื่มน้ำยาพิเศษอีกครั้งหนึ่ง ไม่นานนักพลังลมปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อาเบลมีเมอร์ริเดียนเพิ่มขึ้นมาอีกอันแล้ว ตอนนี้อาเบลมีเมอร์ริเดียนทั้งหมด 4 จุด ผลของน้ำยาเดินลมปราณหายไปอย่างรวดเร็วทันทีที่อาเบลเพิ่มเมอร์ริเดียนได้
อาเบลรีบยืนขึ้นในทันที เขาสังเกตเห็นว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบสกปรกและกลิ่นเหม็นอับ หลังจากที่ร่างกายของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลานั้นจะทำให้สิ่งสกปรกต่างๆ ภายในร่างกายของอาเบลถูกขับออกมาเช่นกัน
อาเบลรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาใช้ถังราดน้ำตัวเองไปถึงสามถังก่อนที่จะขัดตัวเพื่อขจัดกลิ่นเหม็นและสิ่งสกปรกทั้งหมดออกไป หลังจากที่ทำความสะอาดตัวเองเสร็จแล้วอาเบลรีบเปิดหน้าต่างในห้องเพื่อระบายกลิ่นเหม็นออก
อาเบลกำลังเปลือยท่อนบนตอนเปิดหน้าต่าง ส่วนสูงของเขาเพิ่มขึ้นมา 10 เซนติเมตรภายในระยะเวลาหกเดือน ตอนนี้อาเบลสูง 160 เซนติเมตรแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะยังเป็นเด็กอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีกล้ามเนื้อที่มากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
ถึงแม้ว่าอาเบลจะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองจนมากขึ้น แต่เขาก็ยังคงถ่อมตนอยู่ดี ในโลกใบนี้อาเบลเคารพนับถือพวกนักสู้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทหารรับจ้างหรืออัศวินทุกคนพวกเขาทั้งหมดมักจะสู้ไม่ถอยเสมอ ถึงแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้ศิลปะการต่อสู้ก็ตาม ถ้าหากมีชายสองคนกำลังชกกันด้วยหมัดเปล่า พวกเขาจะใช้หมัดของตนโจมตีศัตรูจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มไป พวกเขาจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
ในฐานะที่อาเบลเคยเป็นอดีตเทรนเนอร์ยิม เขาคุ้นเคยกับศิลปะการต่อสู้ดี อาเบลรู้จักทั้งการชกมวย ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน มวยไทย และไทเก็ก ถึงแม้ว่าอาเบลจะไม่สามารถใช้ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดนี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่อาเบลก็พอมีความรู้และทักษะพื้นฐานติดตัวมาบ้าง ศิลปะการต่อสู้ทั้งหลายนี้เป็นอาวุธที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก
ถ้าหากต้องสู้กันด้วยมือเปล่า อาเบลสามารถเอาชนะซัคที่ตัวสูงกว่าเขาได้อย่างง่ายดายด้วยศิลปะการต่อสู้ ความแข็งแกร่งไม่ใช่ทุกอย่าง พลังของกีฬาและวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่อาเบลมีติดตัวมา ผู้คนในโลกนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้ พวกเขาจะใช้เพียงหมัดต่อยกันอย่างป่าเถื่อน ไม่มีการใช้ศิลปะการต่อสู้ใดๆ
ในโลกใบนี้ที่ไม่มีการพัฒนาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม่มีใครคิดจะใช้มัน ศัตรูที่สำคัญของมนุษยชาติคือพวกออร์คนั่นเอง การจะสู้มือเปล่ากับสัตว์ประหลาดพวกนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายแบบหนึ่งก็ว่าได้
และการต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกันเองล่ะ? พวกราชวงศ์หรือขุนนางต่างๆ ใช้การแก้ปัญหาด้วยวิธีดวลดาบกันอย่างเดียวหรอ? การต่อสู้กับศัตรูโดยไม่ใช้อาวุธคงเป็นเหมือนการดูถูกคู่ต่อสู้สินะ
อาเบลลองฝึกชกหมัดดู เขารู้สึกได้ถึงพลังและความเร็วของหมัดที่เพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนว่าการพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วจะมีข้อเสียอยู่ อาเบลยังไม่คุ้นเคยกับพลังที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง อาเบลยกถ้วยไม้ขึ้นเพื่อจะดื่มน้ำ แต่เขาก็ทำถ้วยไม้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป
การพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้อาเบลตามการพัฒนานั้นไม่ทัน แต่ตอนนี้อาเบลยังมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น ภายในเดือนหน้าอาเบลก็จะอายุครบ 13 ปีแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นอาเบลจะสามารถสร้างผลงานได้เหมือนซัคตอนอายุ 18 ได้
อาเบลเตรียมพร้อมที่จะฝึกไทเก็ก ในขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหว สมองของเขาพยายามนึกถึงการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องและกระบวนท่าต่างๆ ของไทเก็กที่อาจารย์ของอาเบลเคยสอนเขาไว้ เขาจำคำพูดหนึ่งของอาจารย์สอนไทเก็กได้ ไทเก็กเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เหมาะสมสำหรับต่อสู้กับพวกใช้กำลังป่าเถื่อน ไทเก็กเป็นการใช้พลังที่เก็บซ่อนไว้เคลื่อนไหวเป็นกระบวนท่าต่างๆ โดยไม่มีที่สิ้นสุด สามารถใช้ทั้งรุกและรับได้ในเวลาเดียวกัน การต่อสู้โดยทั่วไปแล้วมักจะต้องการสองจังหวะนี้อยู่เสมอ การใช้ไทเก็กที่สมูบูรณ์แบบนั้นจะต้องใช้ทั้งกระบวนท่ารุกและกระบวนท่ารับในสถานการณ์ที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงทีได้ แน่นอนว่าการพูดถึงทฤษฎีย่อมง่ายกว่าหลักปฏิบัติอยู่แล้ว
อาเบลต้องทำจิตใจให้สงบมากกว่านี้ ตอนนี้เขายังไม่สามารถควบคุมพลังได้ หากเขาสามารถทำจิตใจให้สงบได้อีกครั้งหนึ่ง ตอนนั้นอาเบลก็จะสามารถฝึกกระบวนท่าไทเก็กทั้ง 74 กระบวนท่าได้ ในขณะที่ฝึกกระบวนท่า อาเบลจะต้องใช้ที่ถ่วงน้ำหนักถ่วงตัวเขาเองไว้อีกด้วย หลังจากที่อาเบลฝึกไทเก็กทั้ง 74 กระบวนท่าสำเร็จ เวลานี้ก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว
การรำไทเก็กทำให้พลังลมปราณในตัวอาเบลสงบมากขึ้น อาเบลส่องกระจกก่อนทีจะพบว่าพลังลมปราณรอบตัวเขาในตอนนี้กำลังลดระดับลงไป การฝึกไทเก็กจะทำให้อาเบลสามารถเก็บซ่อนพลังลมปราณที่แท้จริงของเขาไว้ได้ ซึ่งระดับของอาเบลไม่ได้ลดลงอย่างแท้จริง เพียงแต่เขาสามารถควบคุมให้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามความต้องการนั่นเอง
ความสามารถในการควบคุมพลังนี้เป็นพลังที่สะดวกสบายสำหรับอาเบลมาก มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับอาเบลเองที่ระดับลมปราณของเขาเพิ่มขึ้นออย่างรวดเร็วถึง 2 ระดับ ถ้าหากมีใครสังเกตหรือรู้ความลับเรื่องนี้ของอาเบลคงจะทำให้เขาต้องลำบากอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่อาเบลสามารถเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงได้จึงเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขาเอง อาเบลสามารถอำพรางพลังของเขาให้เหลือเพียงแค่ระดับสองได้ หลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกอาเบลก็กลับไปเก็บกระเป๋าของเขาต่อ