Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง – ตอนที่ 16

R/C – 2-6

โลกแห่งนิทาน

 

“……นิทานจริงๆ สินะ”

เรดพึมพำแบบนั้น เพราะแม้เรดจะไม่ได้ตอบด้วยกระต่ายตัวนี้ยังพูดเป็นแพทเทิร์นเหมือนกับว่าทุกอย่างถูกวางมาไว้หมดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอต้องเจอกับกระต่าย และกระต่ายต้องหลอกล่อให้เธอออกนอกเส้นทางดังกล่าว แม้เรดจะไม่ได้ตอบกระต่ายแต่มันก็รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น

ไม่สิ แทนที่จะบอกว่ารู้ทุกอย่าง ต้องบอกว่าถูกกำหนดมาให้พูดแบบไหนอะไรยังไงมากกว่า.. เรดสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วทุกอย่างในโลกแห่งนี้เหมือนกับเป็นศูนย์รวมความไม่สมเหตุสมผล

นิทานทุกเรื่องนั้น อาจจะเป็นเพราะเป็นเรื่องราวที่เล่ากันปากต่อปาก หรือเป็นเรื่องเล่าที่ถูกคิดขึ้นมานานแล้ว

ดังนั้นนิทานบางส่วนไม่ได้มีความสมจริงเท่าที่ควรไม่สิ ต้องบอกว่ามันไม่ได้สร้างมาเพื่อความสมจริงแต่แรกแล้ว ทว่ามันก็ยังมีความสมเหตุสมผลในแบบของมัน และสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเรดตอนนี้มันกลับมีความไม่สมเหตุสมผลขึ้น

อาจจะเป็นเพราะเธอทำสิ่งที่แตกต่างจากในนิทานมันเลยทำให้การกระทำของกระต่ายตัวน้อยนั้นดูไม่สมเหตุสมผลก็ได้

ถึงเรดจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เหมือนกับว่าโลกนี้จะเป็นโลกที่ถูกวางไว้ให้เป็นตามแบบในนิทาน พอเรดไม่ทำตามนิทาน ซึ่งเหตุผลอาจจะเพราะเธอเป็นคนที่มาจากต่างโลกหรืออะไรก็แล้วแต่

และการที่เธอไม่ทำตามสิ่งที่โลกนี้กำหนดมาไว้ทำให้เรื่องราวมันดูไม่สมเหตุสมผลนั่นแหละ ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ ละก็

สมมุติมีหนังเรื่องหนึ่งที่มีบทพูดว่า

“ฉันจะไปที่ดวงจันทร์”

“งั้นเหรอ จะไปทำไม?”

แล้วหากลบบทว่า ‘ฉันจะไปดวงจันทร์’ ออกไป ก็จะเหลือแค่ ‘ไปทำไม’ แล้วไอ้การ ‘ไปทำไม’ นี่มันจะหมายถึงไปไหนเหรอ ? หมายถึงไปอะไร..?

ประมาณนั้นและสิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เหมือนกับว่าเรดไม่พูดตามสคริปต์ที่ผู้กำกับหรือผู้เขียนบทให้มามันเลยมีแค่บทของคู่สนทนาคุยอยู่ฝ่ายเดียว

เพราะงั้นมันเลยออกมาแบบนี้นั่นเอง.. แต่ก็มีสิ่งที่เรดสงสัยนี่ไม่ใช่หนัง ไม่ใช่การแสดงที่เตรียมกันมาก่อนแล้วทำไมกระต่ายตัวนี้ถึงพูดเหมือนมีบทที่ให้พูดมาแบบนี้

หรือว่า.. นี่คือโลกอะไรสักอย่าง..

“ก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ…?”

หรือว่าจะเป็นโลกดิจิตอลอะไรแบบนั้น..?ไม่สิ มันเป็นไปได้ด้วยเหรอโลกดิจิตอลที่สมจริงทุกอย่างแบบนี้ ไม่สิ เรดเองก็ไม่ได้เก่งเรื่องแบบนี้

เธอไม่มีทางรู้เลยว่ามันจริงหรือปลอมกับสิ่งที่เธอคิด อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอมั่นใจนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือโลกนี้มีความไม่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน

เมื่อกี้แม้เรดจะไม่พูดด้วยกระต่ายยังคงพูดบทพูดตามสคริปต์.. ไม่สิ อาจจะไม่เหมือนเป๊ะ แต่ก็รู้สิ่งที่เรดจะทำแม้เธอจะไม่บอก

นี่ก็พิสูจน์ชัดเจนแล้วล่ะว่า.. โลกนี้ขาดซึ่งความสมเหตุสมผล

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เรดทำต่างจากนิทานอาจจะเป็นเพราะฝันเมื่อคืนทำให้เรดตระหนักถึงเรื่องที่ควรและไม่ควร เลยทำให้เรดหลุดออกมาจากโลกแห่งนิทานนี้ได้ละมั้ง

หากพิจารณากับสโนว์ไวท์ที่เจอก่อนหน้านี้ด้วยอาจจะสรุปได้ว่าเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของนิทานเหมือนกัน

“เอ๊ะ.. ถ้าฉันบอกเรื่องราวเธอไปแบบนั้นจะเป็นการ ‘สปอย’ หรือเปล่านิ..?”

จู่ๆ เรดก็นึกขึ้นได้เพราะตัวเองเล่นเล่าทุกอย่างที่อาจจะเป็นอนาคตของเธอให้ฟังซะละเอียดยิบเลยนี่หว่า อีกอย่างพอมองแบบนั้นทุกอย่างจะดูสมเหตุสมผล

เพราะโลกใบนี้อาจจะไม่ได้มีนิทานแค่เรื่องเดียว แต่เป็นหลายๆ เรื่อง ส่วนเรดกันดันเผลอไปทำอะไรเข้าทำให้ส่วนของนิทานสโนว์ไวท์กับนิทานหนูน้อยหมวกแดงมาบรรจบกันในที่สุด

กลายเป็นว่าเธอเลยได้คุยกับนิทานสโนว์ไวท์ด้วยความบังเอิญนั่นเอง และจากที่เรดพิจารณาดูแล้ว สโนว์ไวท์ไม่ใช่คนที่มาจากต่างโลกเหมือนกับเธอ

นั่นอาจจะอธิบายได้ว่าสถานการณ์ของเรดในตอนนี้ต่างจากนิทานเรื่องอื่นๆ เพราะเธอคือผู้ที่มาจากต่างโลก… หรืออีกความเป็นไปได้คือเข้ามาในโลกดิจิตอล

ซึ่งในมุมมองของเรดการเข้ามาในโลกดิจิตอลยังมีมากกว่าไปต่างโลกด้วยซ้ำ แต่คำถามคือทำไมเธอถึงเข้ามาในนี้ได้

แล้วไอ้ความสมจริงนี่มันคืออะไร.. เธอไม่คิดว่านี่เป็นโลกดิจิตอลเพราะความสมจริงที่ราวกับทุกอย่างคือโลกจริงนี่เลยก็ว่าได้

ทำให้เรดไม่อาจสรุปได้ว่าโลกนี้คืออะไรกันแน่

แต่เรื่องนั้นไว้คิดทีหลังก็ได้ เพราะตอนนี้เธอได้รู้เรื่องสำคัญอย่างหนึ่งแล้ว นี่คือโลกในนิทานทุกอย่างจะเดินตามสคริปต์ในนิทานแม้จะไม่สมเหตุสมผล

บทก็ยังต้องเดินต่อไป.. และในโลกนี้.. อาจจะมีโลกนิทานปลีกย่อยอีกหลายโลกนอกจากนิทานหนูน้อยหมวกแดงของเธอ

และข้อได้เปรียบของเรดคือการที่เธอเป็นคนที่มาจากต่างโลก ดังนั้นทางสิ่งแรกที่เธอจะทำตอนนี้คือต้องไม่โดนหมาป่าคาบไปแดก

แต่ก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องนั้น เราต้องมาตั้งคำถามกับโลกนิทานหนูน้อยหมวกแดงแห่งนี้เสียก่อน แน่นอนว่ามันยังเป็นคำถามเดิมคือ..

นิทานหนูน้อยหมวกแดงที่เรดกำลังเจอคือเรื่องไหน.. และถ้าหากเป็นเรื่องที่ทุกคนตายหมด หมายความว่าเรดก็ต้องตายงั้นเหรอ

“ไม่หรอก.. นี่ไม่ใช่แบบนั้น”

เรดก้มมองกระต่ายที่อยู่ด้านข้างซึ่งกำลังพูดไม่หยุด ชวนเธอไปเถลไถลด้านนอกเส้นทางไม่หยุดเลย

กระต่ายพูดได้แสดงให้เห็นว่าเป็นเวอร์ชันสำหรับเด็กจริงๆ งั้นปัญหาของเรดตอนนี้คืออะไร..? จากการเปลี่ยนแปลงของเรดแล้ว

เธอมั่นใจว่าเธอสามารถเปลี่ยนการกระทำของตัวเองได้ แต่ทุกคนจะยังทำตามสคริปต์ต่อไป กล่าวคือหากเธอหนีกลับไปตอนนี้คุณยายจะต้องตาย

และต่อให้เธอไม่ไปพบกับจิ้งจอกและพูดคุยกับมัน แต่กระต่ายนี้ยังรู้เรื่องที่เธอจะไปหาคุณยายโดยที่เธอไม่พูดด้วยตามสคริปต์นิทานที่วางไว้

หมาป่าเองก็ต้องรู้! หากเรดไม่ไปคุณยายจะถูกจับเอาไว้หลังบ้านก่อน หมาป่าจะรอกินคุณยายพร้อมกับเรด

และถ้าเรดไม่ไปคนที่ถูกกินก็จะมีแค่คุณยายนั่นเอง

“คุณยาย..ที่ไม่รู้จัก…”

เรดพึมพำ.. เธอไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นเรื่องเลวร้ายก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำมาก่อน จะให้มาเสี่ยงชีวิตช่วยคุณยายที่ไม่รู้จักเนี่ย

ถึงจะเป็นคุณยายของเด็กสาวที่เป็นเจ้าของร่างนี้ แต่ในความจริงแล้วสำหรับเรดเธอไม่ได้เป็นอะไรด้วยเลย ขนาดหน้ายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำๆ

แต่ว่ารอยยิ้มของผู้เป็นแม่ลอยขึ้นมา เรดไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นมาก่อน คำพูดลาที่ก่อนจะออกจากบ้านมานั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและไว้ใจ

ไว้ใจว่าเธอจะสามารถทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จได้.. เรดกัดริมฝีปากเบาๆ ด้วยความสับสนที่คุกรุ่นอยู่ในใจ

“จริงสิ.. ถ้ามีนายพรานละก็..”

ใช่แล้ว.. ถ้ามีนายพราน.. ไม่สิ.. คุณยายจะเป็นคนไปพานายพรานมาช่วยหนูน้อยหมวกแดงนี่น่า ถ้าเป็นเวอร์ชันสำหรับเด็กน่ะ

หมายความว่าไม่ต้องไปคุณยายก็ไม่โดนหมาป่ากินอย่างงั้นเหรอ.. งั้นเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปแล้วน่ะสิ

ใช่ เพราะถ้าคุณยายไม่เป็นอะไรแล้วเรดก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปที่นั่นเพื่อเสี่ยงชีวิต.. ไม่สิ ตามนิทานเธอไม่ตายหรอกแต่ต้องไปอยู่ในท้องมันเฉยๆ

“ฉันไม่ต้องไปก็ได้.. ไม่ต้องไปก็ได้แท้ๆ…”

“แต่ว่า.. โอกาสที่จะเป็นเวอร์ชันสำหรับเด็กที่นายพรานไม่มาช่วย ส่วนคุณยายเป็นคนมาช่วยหลังจากนั้นล่ะ”

เธอพึมพำแบบนั้นมือกับแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วถ้าเธอไม่ไปคนที่ถูกกินจะไม่มี หมาป่าจะสามารถเล่นงานคุณยายได้.. จนคุณยายถูกกินซะเอง..

เธอกัดฟันจนดังกรอด..

“ในเมื่อเป็นแบบนี้.. ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ…”

เรดหยุดชะงักพร้อมกับพึมพำเบาๆ ..ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นขนาดนี้ก็มีแต่ต้องฟาดกับเจ้าหมาป่าแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันแล้วแหละ

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเธอโดนไฟลนก้นอยู่ยังไงยังงั้น ทั้งความอึดอัดและสับสนไม่เข้าใจการเลือกของตัวเอง

ฉันกำหมัดกำลังจะต่อยต้นไม้ คุณกระต่ายก็ร้องขึ้น

“หยุดๆ.. เธอทำอะไรของเธอเนี่ย…?”

“….?”

มือฉันหยุดชะงักลง ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเมินคุณกระต่ายอีกต่อไป เพราะเมินไปก็ไร้ความหมายอยู่ดี

“ฟังกันสักทีนะ.. แม่เธอไม่เคยบอกหรือไงว่าห้ามทำลายป่า..”

“เอ่อ.. ฉันคิดว่าแรงฉันไม่พอที่จะต่อยต้นไม้ตายได้หรอกนะ?”

“เธอคิดงั้นเหรอ?”

“….?”

“เอางี้.. ฉันจะเล่านิทานดีๆ ให้เธอฟัง.. เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพผู้สรรค์สร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมาใหม่”

เรดมั่นใจว่า ไอ้เทพสรรค์สร้างอะไรนั่นคงมาจากสักนิทานที่ถูกมายำรวมกันสร้างเป็นโลกนิทานแห่งนี้ขึ้นมาเป็นแน่แท้

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง ชื่อเรื่อง : Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง เรื่องย่อ – เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่มีความผิดปกติทางจิต เขาจึงต้องคอยเดินทางไปรักษากับจิตแพทย์อยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่เป็นปัญหากับชีวิตเขามากเท่าไหร่.. ละมั้งนะ ? เขามีชื่อว่า ‘เรด’ เป็นอาจารย์สอนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองธรรมดาๆ แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นอาจารย์สอนโรงเรียนอนุบาลทำให้เขาศึกษานิทานพื้นบ้านอยู่หลายเรื่อง.. หนึ่งในนั้นคือนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดง หนูน้อยหมวกแดงเป็นนิทานพื้นบ้านสอนเด็กที่ตัวของเรดได้อ่านให้เด็กๆ ฟังบ่อยๆ เพราะมันมีการให้ข้อคิดว่าไม่ควรออกนอกลู่นอกทางอะไรแบบนั้น …… แต่ทว่าอยู่มาวันหนึ่งเรดก็พลันหายตัวไปราวกับผีได้ลักซ่อนตัวของเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset