“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้เจ้าจะหนีออกทะเล เจ้าก็ไม่มีทางหนีข้าพ้น!” เจียงอันหยุนหัวเราะ
หลิงฮันไม่สนใจอีกฝ่าย มันก็แค่ตัวตลก
“สั่งสอนมัน!” เจียงอันหยุนโกรธเคืองเล็กน้อย แต่ยังไงก็ตามเขาก็คือนายน้อยของกลุ่มห้าทมิฬ
“ขอรับ!” ชายร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวพร้อมกับมัดกล้ามเนื้อที่ราวกับทำจากเหล็ก หากมองให้ดีจะเห็นว่ามันเงาวาว
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าเมินเฉยข้า?” เจียงอันหยุนไม่พอใจ กลุ่มห้าทมิฬของเขามีชื่อเสียงมาก แล้วคนอื่นจะไม่ไว้หน้าเขาได้อย่างไร?
“แต่ว่านายน้อย-” ชายชราดึงแขนเขาและพูดกระซิบว่า “พวกเราอยู่บนเรือของหยางเทียนเฉิงที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดคอยดูแลเรือลำนี้อยู่ และว่ากันว่ากายหยาบของเขาแข็งแกร่งเหมือนกับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่อาวุธมีคมยังยากที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เขาเป็นคนที่มีค่ามากในตระกูลหยาง”
เจียงอันหยุนดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาคือนายน้อยของกลุ่มห้าทมิฬ แต่ไม่สามารถเทียบกับตระกูลหยางได้อย่างนั้นหรือ?
“บนเรือของข้า อย่าได้ก่อปัญหาเด็ดขาด!” หยางเทียนเฉิงกวาดสายตามองทุกคนจากบนหัวเรือ
“เมื่อพวกเจ้าลงจากเรือของข้าสามารถแก้ปัญหาความคับแค้นใจของพวกเจ้าได้ แต่บนเรือของข้าถ้ามีใครเริ่มทำร้ายผู้อื่นก่อน เช่นนั้นอย่าได้ตำหนิข้าที่ทำตัวหยาบคาย!” หยางเทียนเฉิงกล่าวและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา
“พี่หยางพูดถูก แต่ถ้าเกิดอาการคันไม้คันมือขึ้นมา พวกเราพอจะปะมือสักสองกระบวนท่าได้หรือไม่?” หลัวยวี่ถามด้วยรอยยิ้ม
“ย่อมได้!” หยางเทียนเฉิงตอบกลับอย่างไม่แยแส
หลัวอวี่ก้าวไปข้างหน้า และหยุดอยู่ตรงหน้าหยางเทียนเฉิง
ปัง! ปัง! ปัง!
หยางเทียนเฉิงโจมตี ทั้งสองคนเคลื่อนไหวกันเร็วมาก เพียงพริบตาพวกเขาก็ต่อสู้กันมากกว่าสิบกระบวนท่าแล้ว
หลัวยวี่กระเด็นไปด้านหลังไม่กี่ก้าว ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูซีดขาว
“พอแล้วหรือยัง” หยางเทียนเฉิงกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน หลัวยวี่โค้งคำนับและพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พี่หยางแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าไม่ใช่คู่มือของท่านเลย”
การต่อสู้ครั้งนี้ หยางเทียนเฉิงต้องการแสดงความแข็งแกร่งของเขาให้ทุกคนบนเรือได้เห็น เพื่อให้พวกเขาหวาดกลัวและไม่ก่อปัญหา
เดิมทีตระกูลหลัวและคนอื่นที่มาจากเมืองจักรพรรดิต่างก็ดูถูกจอมยุทธหลังเขา แต่ความแข็งแกร่งที่หยางเทียนเฉิงแสดงออกมานั้นเป็นเหมือนการตบหน้าพวกเขา
“เขาน่าจะเป็นอัจฉริยะระดับสองดาว”
“และยังเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดอีกด้วย เมื่อบวกกับอัจฉริยะระดับสองดาวแล้ว เขาจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนเรือไม่ผิดแน่”
“ถ้างั้นพวกเราก็ไม่สามารถฆ่าหลิงฮันบนเรือได้”
“รอไปก่อน!”
คนเหล่านั้นพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเป็นใครก็ห้ามทำร้ายแขกบนเรือของข้าเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าจะสังหารมันผู้นั้น!” หยางเทียนเฉิงกล่าว
“หึ่ม!” ทุกคนนิ่งเงียบ มีเพียงแค่เจียงอันหยุนเท่านั้นที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เห็นบนใบหน้า
ข้าอยากจะทำอะไรก็ทำ ข้าอยากจะปล้นใครก็ปล้น แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่เก็บความไม่พอใจเอาไว้เท่านั้น
หลังจากที่หยางเทียนเฉิงพูดจบ เขาก็เข้าไปในห้องโดยสารเพื่อพักผ่อน
การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างกินเวลานานมากทีเดียว
เรือลำนี้จะแล่นอยู่ในทะเลหนึ่งอาทิตย์บนเส้นทางเดินเรือที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ระหว่างนั้นจะหยุดในพื้นที่ทะเลที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง และพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งถึงสามวัน จากนั้นก็จะไปทะเลถัดไป
พื้นที่ทะเลที่มีชื่อเสียงคืออะไร?
มันคือพื้นที่ใต้ทะเลที่อาจมีสมบัติซ่อนอยู่
ในตอนที่ดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้า มันได้แตกออกเป็นเจ็ดส่วน และตกลงไปในทะเลทั้งเจ็ดแห่ง ดังนั้นหากต้องการค้นหาสมบัติ คนส่วนใหญ่จะเลือกมาที่น่านน้ำทั้งเจ็ดแห่งนี้
หลิงฮันมองไปที่ทิวทัศน์รอบข้างอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ทะเลแห่งดวงดาวเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่น่าทึ่ง ถ้าจอมยุทธลงไปว่ายน้ำแล้วใช้พลังปราณไปจนหมด พวกเขาจะต้องถูกดูดลงไปก้นบึ้งของทะเลอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ใต้ทะเลยังมีสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัวจำนวนมาก สัตว์อสูรเหล่านั้นได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงน่าสะพรึงกลัวและยังอาศัยอยู่ในน้ำ ถ้าเผชิญหน้ากับพวกมันคงจะเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และมีโอกาสสูงมากที่จะถูกพวกมันฆ่าตาย
– การต่อสู้ใต้ทะเลนั้น พลังต่อสู้ของเผ่ามนุษย์จะลดลงอย่างมาก
แต่หลิงฮันไม่ได้มาที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติใต้ก้นทะเล ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องพวกนั้นมากนัก หลังจากที่มองทิวทัศน์จนพอใจ เขาก็กลับไปในห้องโดยสารเพื่อฝึกฝนหลอมเม็ดยาต่อจะได้ไม่เสียเวลาเปล่า
แม้เรือจะแล่นอยู่ในทะเล แต่ก็ไม่มีใครสนใจทะเลเลยแม้แต่คนเดียว เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือหลิงฮัน
เจ็ดวันต่อมา หลิงฮันก็หลอมเม็ดยาปราณสวรรค์สำเร็จเป็นครั้งแรก
เม็ดยาปราณสวรรค์มีไว้สำหรับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้น หากจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางกินเข้าไป ประสิทธิภาพของมันจะลดลงอย่างมหาศาล ดังนั้นหลิงฮันจะต้องหลอมเม็ดยาที่ดีที่สุดให้แก่สุ่ยเยี่ยนยวี่ให้จงได้
นางเคยเห็นหลิงฮันหลอมเม็ดยามาก่อน แต่เพราะเขาหลอมเม็ดยาล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง นางจึงคิดว่าเขาเพิ่งจะก้าวเดินบนศาสตร์ปรุงยา และไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหลอมเม็ดยาปราณสวรรค์สำเร็จ
ในเมื่อนางอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิ นางสามารถซื้อเม็ดยาปราณสวรรค์ได้ด้วยผลึกก่อเกิดหนึ่งร้อยก้อน!
เตาแรกหลิงฮันหลอมเม็ดยาสำเร็จแค่สามเม็ด แต่เตาที่สองเขาหลอมได้ห้าเม็ด เตาที่สามได้เจ็ดเม็ด และเตาที่สิบเขาหลอมได้สิบเม็ด
ในความเห็นของเขา นี่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาคือจักรพรรดินักปรุงยา
สุ่ยเยี่ยนยวี่ทึ่งมาก นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง? เขาไม่เพียงแค่มีพรสวรรค์ด้านวรยุทธเท่านั้น แต่ยังมีพรสวรรค์ด้านศาสตร์ปรุงยาที่หน้าทึ่งด้วย นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
แต่ยังไงก็ตาม นางก็รู้สึกมีความสุขมากเพราะตอนนี้นางต้องการเม็ดยาปราณสวรรค์มาก มันจะช่วยนางให้นางยกรากฐานพลังได้เร็วยิ่งขึ้น
หลังจากที่หลิงฮันใช้วัตถุดิบจนหมด เขาก็เริ่มศึกษาเม็ดยาอีกชนิดหนึ่ง
เม็ดยาไข่มุกนภา
มันเป็นเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงพลังก่อเกิดและกายหยาบของจอมยุทธให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีผู้คนจำนวนมากที่กำลังฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะกายา แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ เพราะการขัดเกลากายหยาบเป็นเรื่องยาก น้อยคนนักที่จะมีกายหยาบเทียบกับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ เพราะใช้ทรัพยากรมากเกินไป
ดังนั้นเม็ดยาไข่มุกนภาจึงมีราคาแพงมาก หนึ่งเม็ดเท่ากับผลึกก่อเกิดสามร้อยก้อน และมักจะไม่มีขายในตลาด
ในปัจจุบัน เม็ดยาไข่มุกนภาเป็นเม็ดยาที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับหลิงฮันแล้ว และตอนนี้เขายังเต็มไปด้วยแรงจูงใจ หากเขาหลอมมันสำเร็จ เขาก็จะกลับมามั่งคั่งอีกครั้ง