“มีอะไรแปลกรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่และเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบ
หมู่บ้านแห่งนี้มีแต่เสียงใบ้ไม้และลม มันเป็นสถานที่ที่สงบสุขจนทำให้เธอลืมความทุกข์
“ภรรยาข้า เจ้าอยู่ในเมืองจักรพรรดินานจนสายตาเลอะเลือนไปแล้วรึไง?” หลิงฮันยิ้ม
“ไม่ได้อยากจะพูดโต้เถียงกับเจ้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ปิดตาทำท่าทีไม่พอใจ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “สาวน้อย เจ้าไม่คิดว่าที่นี่มันแปลกๆบ้างรึไง?”
“แล้วตรงไหนล่ะที่แปลก?” สุ่ยเยี่ยนยวี่พึมพำ ผมและผิวอันงามราวกับหยกของนางเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์
“หลังจากที่พวกเราเข้าหมู่บ้านมา ไม่มีใครเลยที่สนใจมองมาที่พวกเรา” หลิงฮันกล่าว
“ไม่ใช่ว่าเขาก็บอกแล้วรึ? หลังจากมาอยู่ที่นี่ผู้คนจะต้องลืมสถานะเดิมของตนและเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่เรียบง่าย” สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่คิดเช่นเดียวกับหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม “เพลิดเพลินไปกับชีวิตเรียบง่ายก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่สถานที่ที่เจ้าอยู่ หากมีคนแปลกหน้ามา อย่างน้อยเจ้าก็สมควรเหลือบมองเสียหน่อย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเมินเฉยราวกับคนตาบอด”
สุ่ยเยี่ยนยวี่เริ่มพยักหน้า “แปลกจริงๆด้วย”
“นอกจากนี้…” หลิงฮันกล่าวต่อ “ที่หมู่บ้านนี้ไม่มีเด็กเลยแม้แต่คนเดียว! ที่ข้าเห็นคือไม่ใช่นคนชราก็เป็นเหล่ารุ่นเยาว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่”
“ต่อให้บอกว่าต้องละทิ้งสถานะเก่าก็ไม่เห็นต้องเป็นเช่นนั้นเลย”
“ที่บอกว่าตอนกลางวันผู้คนจะทำไร่ทำสวนกัน แล้วพอตกดึกล่ะจะทำอะไร?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึงและเผลออ้าปากเล็กน้อย
สิ่งที่หลิงฮันพูดทำให้นางรู้สึกขนลุก แต่เมื่อคิดอีกครั้งหลิงฮันก็นับว่าพูดมีเหตุผล
ทำไมถึงไม่มีเด็กเลยในหมู่บ้านที่สงบสุขเช่นนี้?
ตามหลักความจริง คนที่สมควรจะทำสวนทำไร่ควรจะเป็นรุ่นเยาว์ คนที่ควรจะนั่งพักผ่อนอยู่ในสวนควรเป็นชายชรา และเด็กก็ควรจะวิ่งเล่นอยู่ในหมู่บ้าน
“เจ้าอันธพาล ช่วยอย่าพูดเรื่องแบบนั้นให้ข้ากลัวได้ไหม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อดพูดตำหนิไม่ได้
หลิงฮันหัวเราะ “ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว พวกเรา…”
“ต่อให้ตายข้าก็จะไม่ทำเช่นนั้นกับเจ้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึงและคิดไปเองว่าหลิงฮันอดกลั้นที่จะกินนางไม่ไหวแล้ว
หลิงฮันมองบนและส่ายหัว “สมองของเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ข้าหมายถึงเมื่อถึงค่ำแล้ว พวกเราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันดีกว่า”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ที่เข้าใจหลิงฮันผิดก็หน้าเปลี่ยนไปเป็นแดงทันที แต่เมื่อเห็นใบหน้าเยาะเย้ยของหลิงฮัน นางก็รู้ตัวว่าหลิงฮันนั้นจงใจพูดให้นางคิดเช่นนั้น นางทนไม่ไหวและยืนมือออกไปที่เอวหลิงฮันและบิดอย่างแรง
“เจ้าอันธพาลตัวเหม็น!”
หลังจากพวกเขาจู๋จี๋กันอยู่พักนึง พวกเขาก็ออกไปข้างนอกอย่างเงียบเชียบ
“หยุดก่อน ดึกดื่นป่านนี้พวกเจ้าสองคนจะไปไหน?” เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากที่พัก ซุ่ยเต๋อก็ปรากฏตัวออกมาจากความมืดพร้อมกับขี่ช้างสีขาว แน่นอนว่าช้างสีขาวนี่คือหุ่นเชิด มันมีความสูงสองฟุตและมีงวงที่เคลื่อนที่ขยับไปมา ท่ามกลางความมืดเป็นเรื่องยากมากที่จะมองออกว่าเป็นหุ่นเชิดหรือของจริง
“ทิวทัศน์ที่นี่งดงามและเงียบสงบมาก พวกข้าเลยอยากไปเดินเล่นเสียหน่อย” หลิงฮันกล่าว
“โอ้ ผู้คนที่ชอบความสงบ โดยเฉพาะตอนกลางคืน หากไม่รบกวนพวกเขาคงจะไม่ดี” ซุ่ยเต๋อส่ายหัว “พวกเจ้าสองคนกลับไปพักผ่อนดีกว่า”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ขยับมือเล็กน้อยเพื่อเตรียมชักดาบ แต่หลิงฮันเอื้อมมือไปจับมือนางเอาไว้ นางที่อยู่กลับหลิงฮันมานานย่อมเข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้เพื่อรั้งไม่ให้นางผลีผลาม
“ตกลง งั้นพวกเรากลับกันเถอะ” หลิงฮันยิ้มและหันไปส่ายหัวเล็กน้อยให้สุ่ยเยี่ยนยวี่