“เจ้า เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอาจารย์ของข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” โกวชิ่วเหวินตัวสั่น
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นคนโหดเหี้ยมเสียอีก เหตุใดถึงได้ขี้ขลาดเช่นนี้?”
เขาสะบัดมือและนำร่างของหลัวอู้ออกมา
ร่างที่ถูกนำออกมาคือซากศพของจริงเนื่องจากผลึกก่อเกิดภายในถูกนำออกมาแล้ว แถมรูปแบบอาคมก็ถูกทำลายทิ้งด้วย นอกจากกระดูกที่แข็งทนทาน ร่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากศพธรรมดา
“นี่คือหุ่นเชิดที่เจ้าสร้างสินะ?” หลิงฮันชี้ไปยังร่างศพและกล่าว “อวัยวะภายในของศพถูกล้วงออกไป ข้าเกรงว่าคราวนี้คงถึงตาของเจ้าบ้างแล้ว”
โกวชิ่วเหวินสั่นสะท้านและตอบ “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ หมอนั่นก็เป็นแค่วัตถุดิบเท่านั้น เขาไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว”
หลิงฮันตกตะลึงเล็กน้อย ตรรกะในการมองคุณค่าของชีวิตของชายคนนี้ผิดเพี้ยนไปใหญ่แล้ว แม้จะหวาดกลัวความตาย แต่เขาก็ยังพูดจาโหดเหี้ยม
เขาตบหน้าอีกฝ่ายและกล่าว “ข้าไม่ต้องการอ่านความทรงจำของเจ้า จงตอบสิ่งที่ข้าถามมาซะ!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่เดินเข้ามาใกล้และนำดาบไปจ่อไว้ที่คอของโกวชิ่วเหวิน “จะมัวไปพูดกับคนเช่นนี้ทำไม สังหารทิ้งไปเลยดีกว่า!”
“อย่า! อย่า!” โกวชิ่วเหวินหวาดกลัวความตาย “อย่าสังหารข้า เจ้าต้องการรู้อะไรข้าจะบอกหมดเลย ขอแค่อย่าสังหารข้าก็พอ!” ในขณะที่กำลังโอดครวญ โกวชิ่วเหวินก็ฉี่ไหลออกมา หมอนี่หวาดกลัวจนคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบนำมือขึ้นมาปิดจมูกและเดินถอยไปไกล
หลิงฮันต้องการจะตบหน้าอีกซักครั้ง แต่เกรงกว่าอีกฝ่ายจะกลัวจนตกใจจะตายไปเสียก่อน เขาเค้นเสียงเย็นชาและกล่าว “บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มา”
“แน่นอน ข้าบอกแล้ว ข้าจะบอกแล้ว!” โกวชิ่วเหวินพยักหน้ารัวและเริ่มเล่า
ราวๆสามหมื่นปีก่อนเขาเริ่มติดตามเรียนรู้วิชากับเผยจี่ เมื่อตอนนั้นเขาเพิ่งจะมีอายุเพียงหกหรือเจ็ดปีเท่านั้น ดังนั้นความทรงจำจึงคลุมเครือ
ในช่วงสามหมื่นปีนี้เขาติดตามและเรียนรู้จนได้ถูกรับเป็นศิษย์คนที่สี่
เกาะนี้นั้นมักจะเกิดอุบัติเหตุทางทะเลหลายครั้งอย่างเช่นคลื่นยักษ์ บางครั้งก็มีโจรสลัดมาเยือนที่นี่บ้าง ซึ่งคนเหล่านั้นก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดทั้งหมด
บางทีเหยื่อที่มาติดเกาะก็พาลูกมาด้วย เผยจี่เลือกเด็กบางคนจากหมู่เหยื่อเหล่านั้นมาเป็นลูกศิษย์ ถ้าหากเขาพบว่าเด็กที่ว่าไม่มีอนาคตแล้วเขาก็จะสังหารทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
โกวชิ่วเหวินได้สรุปไปเองว่าเขาคงเป็นลูกหลานของเหยื่อเหล่านั้น ครอบครัวหรือญาติของเขาคงจะถูกสังหารไปแล้ว แต่เนื่องจากเขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม เขาจึงถูกเผยจี่รับเป็นศิษย์
ในตอนนั้นเขายังเด็กเกินกว่าที่จะจำอะไรได้ หรือไม่ก็เขาอาจจะหวาดกลัวจนลืมความทรงจำที่เลวร้ายไปหมดสิ้น
แต่ถึงแม้เรื่องที่ว่ามาจะเป็นความจริงเขาก็ไม่กล้าที่จะมีความแค้นต่อเผยจี นั้นเพราะอีกฝ่ายมีหุ่นเชิดสองตัวที่มีพลังต่อสู้ระดับสุริยันจันทรา
เผยจี่คือนักเชิดหุ่นที่แข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการจะแสดงพลังของเขาออกมา เขาจึงเลือกตั้งตนเป็นจักรพรรดิของเกาะนี้และมอบฝันร้ายให้กับคนที่มาติดเกาะนี้
ส่วนเผยจี่มีที่มาอย่างไรนั้น โกวชิ่วเหวินไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่เขารู้คือฃเกาะนี้นั้นอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ทุกๆปีมันจะปลดปล่อยพลังงานลึกลับบางอย่างออกมาในรูปแบบหมอกและจะทำให้หุ่นเชิดมีพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้นหากเป็นในช่วงปกติพวกเขาจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการสร้างหุ่นเชิด แต่เมื่อมีหมอกวิเศษช่วย หุ่นเชิดจะถูกสร้างเสร็จภายในไม่กี่วัน
หมอกวิเศษ?
หลิงฮันสงสัยและกล่าว “มันอยู่ที่ไหน? ให้ข้าดูหน่อย”
โกวชิ่วเหวินรีบลุกขึ้นเพื่อเปิดตู้ใส่ของและนำขวดหยกออกมา “หมอกวิเศษถูกกักเก็บอยู่ภายในนี้” โกวชิ่วเหวินก้มหน้าในขณะที่แววตาของเขาส่องประกายความชั่วร้าย
หมอกวิเศษนี้ช่วยเสริมสร้างหุ่นเชิดก็จริง แต่ถ้าหากมนุษย์เป็นๆสูดดมเข้าไป ความนึกของคนๆนัน้จะถูกกลืนกินและกลายเป็นมนุษย์ไร้ความนึกคิดที่รู้จักแต่การเข่นฆ่าสังหาร มันก็คล้ายกับกลายเป็นหุ่นเชิดแต่คนที่กลายเป็นเช่นนั้นจะไม่รับฟังคำสั่งของใคร
หลิงฮันรับขวดหยกมา ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มีทางเปิดมันซี้ซั้วแน่นอน เขาโยนโกวชิ่วเหวินเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนที่จะตามเข้าไปกับสุ่ยเยี่ยนยวี่
สำหรับการตรวจสอบสิ่งที่ไม่รู้จัก ในหอคอยทมิฬคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
“หอคอยน้อย ตรวจสอบได้รึไม่ว่านี่คืออะไร?” หลิงฮันนำขวดหยกออกมา เขาออกคำสั่งในจิตใจ ‘เพล๊ง’ ขวดหยกแตกกระจายทันที
หมอกสีดำหมุนวนกลางอากาศ มันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นรูปร่างต่างๆ บ้างก็เป็นสัตว์อสูร บ้างก็เป็นนก และจากนั้นก็กลายเป็นรูปร่างมนุษย์ แต่ร่างมนุษย์ที่มันเปลี่ยนสภาพนั้นมีเขาหนึ่งเขาและมีหางที่ก้น
“ปราณอสูร!” หอคอยน้อยปรากฏตัวและกล่าวออกมาพร้อมกับหลิงฮัน
นี่จะต้องเป็นปราณอสูณแน่นอน หลิงฮันเคยเห็ฯมันมาแล้วในทวีปฮงเทียน แต่ปราณอสูรอันนี้นั้นแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันแข็งแกร่งกว่าของจักรพรรดิจอมอสูรไม่รู้ที่เท่า
‘พรึบ!’
หลิงฮันออกคำสั่งในใจ จักรพรรดิจอมอสูรนั้นถูกเขาจับตัวไว้แล้วถูกขังอยู่ในหอคอยทมิฬตลอดมา
“คารวะนายท่าน สวรรค์ให้พรขอให้นายท่านมีอายุยืนยาว!” จักรพรรดิจอมอสูรประจบสอพลอเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่เขาก็คุกเข่าทันที “คารวะนายหญิง! นายท่านช่างมีสายตาที่เฉียบคมยิ่งนัก นายหญิงนั้นงดงามราวกับเทพธิดา สตรีเช่นนี้สามารถพบเจอได้ในรอบร้อยล้านปีเท่านั้น!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ชะงัก ในโลกนี้มีคนที่ขี้ประจบเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
หลิงฮันเค้นเสียง “เลิดพูดไร้สาระได้แล้ว ตรวจสอบปราณอสูรนี่ให้ข้าและบอกที่มาของมันมา”
“ขอรับ! ขอรับ!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบพยักหน้าและมองไปยังปราณอสูร ร่างกายที่เป็นควันของเขาขยับไปมาราวกับกำลังสั่นกลัว “นี่มัน นี่มัน นี่มันปราณอสูรของจ้าวอสูร!”
“จ้าวอสูร?” หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและกล่าว “เล่าให้ชัดเจนหน่อย”
จักรพรรดิจอมอสูรค่อยๆสงบใจและพยักหน้า “ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีระดับพลังที่เรียกว่าระดับสร้างสรรพสิ่ง ในขณะเดียวกัน ที่ดินแดนใต้พิภพตัวตนที่มีพลังเช่นเดียวกันจะถูกเรียกว่าจ้าวอสูร”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึงและอุทาน “นี่เขาเป็นสิ่งมีชีวิตของดินแดนใต้พิภพ?”
หลิงฮันชะงักกับความจริงที่ว่านี่คือออร่าที่ถูกทิ้งไว้โดยจ้าวอสูร ซึ่งเป็นตัวตนระดับเดียวกับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง
จักรพรรดิจอมอสูรจู่ๆก็พุ่งเข้าไปยังกลุ่มก้อนของหมอกปราณอสูร
“ฮ่าๆๆ ตราบใดที่ข้าผสานรวมกับปราณอสูรนี่ได้ พลังของข้าจะเพิ่มขึ้นมหาศาลและสามารถกลับไปมีพลังระดับภูผาวารีเช่นเดิมได้ การสังหารเจ้าหนูนี่ก็เป็นเรื่องง่ายราวกับขยี้ลูกไก่ในกำมือ” เขาอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น