“เหอๆ สภาพแวดล้อมที่นี่แปรปรวนไม่น้อย เหมาะสำหรับให้พวกเราต่อสู้กันยิ่งนัก!” จู่เล่อหยุนแสยะยิ้ม “โฮ่วหยาง ถ้าเจ้าไม่อยากตายที่นี่ก็ส่งมันมา!”
โฮ่วหยางหัวเราะและกล่าว “จู่เล่อหยุน เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นรึ? เจ้ามีพลังบ่มเพาะเพียงขั้นต้นชั้นสูงสุด ด้วยพลังต่อสู้สองดาวของข้าคนนี้ ถ้าหากสู้กันก็ไม่รู้หรอกนะว่าใครกันแน่ที่จะตาย”
“ข้ารู้เพียงแค่ว่าหากเจ้าไม่ส่งสิ่งนั้นมา ข้าจะสังหารเจ้า!” จู่เล่อหยุนกล่าว
“ทำไมกัน สิ่งนั้นไม่สามารถเปิดออกมาได้ เพื่อสิ่งที่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไรเจ้าถึงขนาดต้องยอมสู้ตายละทิ้งความพยายามในการบ่มเพาะพลังหลายหมื่นปีของเจ้าเลยรึ?” โฮ่วหยางกล่าวแนะนำ
จู่เล่อหยุนตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าและข้าพบสิ่งนั้นพร้อมกัน เจ้าบอกว่าพวกเราจะศึกษามันไปด้วยกันแท้ๆแต่เจ้ากลับขโมยมันไปคนเดียว ถ้าข้าไม่สังหารเจ้าแล้วข้าจะระงับความโกรธได้อย่างไร?”
โฮ่วหยางยิ้ม “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะไร้เดียงสาเช่นนี้! ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ในหัวของเจ้ามีเพียงการบ่มเพาะพลัง เจ้ามันช่างโง่งม!”
“ตาย!” จู่เล่อหยุนโกรธและลงมือโจมตี
‘ตูม!’
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดปรากฏการณ์สายฟ้าแลบ มหาสมุทรเกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงทำให้เกิดคลื่นน้ำขนาดร้อยฟุตที่สูงราวกับภูเขาท่าโถมลงมา
“บัดซบ ตัวตนระดับนั้นปะทะกันให้จอมยุทธตัวเล็กๆเช่นพวกเราติดร่างแหไปด้วย!” หลิงฮันสบถให้กับความโชคร้ายของตนเองเนื่องจากปรมาจารย์ระดับดาราสองคนเลือกปะทะกันบนท้องห้าเหนือหัวพวกเขา
สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือเผชิญหน้าผ่านพ้นไปให้ได้
หลิงฮันลุกขึ้นยืนต้านลมอยู่บริเวณบนหัวเรือโดยกำดาบแน่นอยู่ในมือ เมื่อคลื่นยักษ์ใกล้เข้ามา เขาก็คำรามและสะบั้นดาบออกไป เขาคิดจะสร้างรูตรงคลื่นเพื่อให้ตัวเรือแล่นทะลุคลื่น
‘ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ’ เขาสะบั้นดาบรัวไม่ยั้ง
คลื่นมหาสมุทรหนามาก ดาบสามารถผ่าเปิดช่องว่างได้ลึกเพียงสิบฟุต ดังนั้นเขาจึงต้องกระหน่ำสะบั้นดาบอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเรือก็แล่นทะลุคลื่นไปได้สำเร็จ หลิงฮันในตอนนี้เหนื่อยล้ามาก
ครืน! ครืน! ครืน!
ยังไม่ทันที่หลิงฮันจะได้พักหายใจ เขาก็มองเห็นคลื่นยักษ์มากมายถาโถมเข้ามาไม่หยุด
“ให้ตายเถอะ!” หลิงฮันต้องการยอมแพ้และนำเรือเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ เมื่อจอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนสู้กันเสร็จเขาจึงค่อยกลับออกมาและออกเดินเรืออีกครั้ง
แต่การจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธระดับดารานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากได้เห็นการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองความเข้าใจของหลิงฮันจะต้องพัฒนาขึ้นแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงกัดฟันยอมทนต่อไป
เขากวัดแกว่งดาบใช้ทักษะหมื่นผสานเป็นหนึ่งเพื่อทะลวงคลื่น
โชคดีที่ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาสูงแล้ว การเผาผลาญพลังงานจากการใช้หมื่นแปรผันเป็นหนึ่งจึงลดลงอย่างมาก
แต่แน่นอนว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เขาใช้ทักษะได้อย่างต่อเนื่องเป็นเพราะกายหยาบที่ทรงพลังของเขา ไม่เช่นนั้นหากเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปแขนของพวกเขาคงจะอ่อนแรงจนยกไม่ขึ้นแล้ว
หลิงฮันยังคงพยายามต่อต้านอย่างสุดความสามารถ
เพียงแต่ว่าการต่อสู้ของปรมาจารย์ระดับดาราทั้งสองก็ยิ่งรุนแรงขึ้น หมู่เมฆถูกพัดกระจาย แสงจากดวงตะมันสาดฉายลงมาทั่วทำให้ดูราวกับท้องฟ้ากำลังถูกเผาไหม้
ทรงพลังสมเป็นระดับดับดารา
หลิงฮันรู้สึได้เพียงว่าต่อหน้าตัวตนเช่นนี้เขาเป็นเพียงมดปลวก ไม่สิ อาจจะต่ำกว่ามดปลวกเสียด้วยซ้ำ ถ้าใครสักคนในสองคนนี้ต้องการสังหารเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเพียงแค่ชำเลืองมองพวกเขาก็สามารถสังหารหลิงฮันได้แล้ว
อำนาจ! นี่ล่ะคืออำนาจที่แท้จริง!
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน เขาสัมผัสได้เลยว่าทั่วร่างของเขากำลั่งตื่นเต้น
เขามองไม่เห็นการต่อสู้บนท้องฟ้าของทั้งสองคนแม้แต่น้อย
ท้องฟ้ากำลังถูกเผาไหม้ มหาสมุทรกำลังเดือดด้วยความร้อนสูง นี่มันราวกับเป็นขุมนรกบนพื้นดินชัดๆ!
โชคดีที่ปรมาจารย์สองคนอยู่ห่างจากตำแหน่งของพวกเขา ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงไม่สามารถต้านทานผลกระทบจากการต่อสู้ของทั้งสองคนได้แน่ๆ
ตูม!
ภายใต้ผิวสมุทร จู่ๆก็มีเสาแสงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า คาดว่าต่อให้เป็นคนที่อยู่ไกลหลายพันไมล์ก็ต้องมองเห็นเสาแสงนี้
“จู่เล่อหยุน ดูเหมือนจะมีซากโบราณสถานที่ตกทอดอยู่ใต้ล่างนี้ เจ้าลงไปสำรวจมันสิ ข้าไม่ไปแย่งเจ้าหรอก!” โฮ่วหยางหัวเราะ
“ไร้สาระ ก็แค่ซากโบราณสถานของระดับสุริยันจันทรา มันจะเทียบกับกล่องนั่นได้?” จู่เล่อหยุนคำราม
“ยังไงกล่องนั่นก็เปิดไม่ได้อยู่แล้ว มันไม่มีค่าอะไรหรอก”
“ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ส่งมันมาให้ข้าล่ะ!”
“ก็ข้าชอบของแปลกๆ”
“ไร้สาระ!”
ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้การปะทะรุนแรงกว่าเดิม พวกเขามีบาดแผลจนโลหิตไหลออกมา โลหิตสาดกระจายทั่วท้องฟ้ากลายเป็นฝนโลหิต
สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง พวกมันถูกฝนโลหิตกระทบจนร่างระเบิด
โลหิตของระดับดารานั้นแค่หยดเดียวก็หนักแน่นราวกับดวงดาวที่ร่วงลงสู่พื้น
หลิงฮันนำทั้งสุ่ยเยี่ยนยวี่และเรือพร้อมกับตัวเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬเรียบร้อยแล้ว โดยหอคอยทมิฬได้ลอยไปตามคลื่นมหาสมุทร
หอคอยทมิฬนั้นเล็กราวกับไรฝุ่น มันไม่ได้รับผลกระทบจากทั้งแรงโนมถ่วงและอำนาจแห่งกฎเกณณ์ของที่แห่งนี้มันจึงไม่จมลงมหาสมุทร
‘พรึบ’ อะไรบางอย่างที่ส่องประกายตกลงมาจากท้องฟ้า
ดวงตาของหลิงฮันจดจ้องไปที่มันและพบว่าสิ่งที่ร่วงลงมาคือกล่องหยกสีขาว เมื่อมันตกลงสู่ผิวมหาสมุทรมันก็จมลงอย่างรวดเร็ว
หรือนั่นจะเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ระดับดาราสองคนแย่งชิงกันอยู่?
เขาเคยคิดว่าเขาไม่มีทางแย่งสมบัติมาจากมือของปรมาจารย์ระดับดาราได้ แต่ตอนนี้สมบัติที่ว่าได้ร่วงลงมาราวกับว่ามอบโอกาสให้เขา
เพียงแต่… มันอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย!
ภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันมองเห็นร่างสองร่างลอยลงมาจากฟ้าและดำลงไปในมหาสมุทรเพื่อไล่ตามกล่องหยก แม้ในขณะไล่ตามพวกเขาก็ยังต่อสู้กันอยู่เพื่อแย่งกันนำหน้า
แต่ด้วยแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงของที่นี่ทำให้กล่องหยกดิ่งลงด้วยความเร็วสูง หลิงฮันคลาดสายตาจากกล่องหยกอย่างรวดเร็ว ปรมาจารย์ทั้งสองคนก็หายไปจากสายตาของเขาแล้วเช่นกัน
หอคอยทมิฬยังคงลอยอยู่โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
หลิงฮันติดสินใจในที่สุดและออกมาจากหอคอยทมิฬ ‘ตูม’ แรงโน้มถ่วงที่น่าสะพรึงกลัวกระแทกเข้ากับร่างของเขาทำให้เขาจมลงสู่ใต้ท้องมหาสมุทร
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ