หลิงฮันเรียกจักรพรรดิจอมอสูรมาและกล่าว “เจ้ามองมาที่ข้าสิ!”
“ขอรับนายท่าน! นายท่านผู้แข็งแกร่ง!” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวเลียแข้งเลียขาก่อนจะตะโกนออกมา “นายท่านช่างดูสง่ากว่าเดิมยิ่งนัก! เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน จักรพรรดิน้อยอย่างข้าราวกับกำลังมองไปยังดวงตะวัน ต่อหน้าท่านข้าทำได้เพียงคุกเข่าเพื่อมองดูความรุ่งโรจน์ของท่าน!”
“ไม่ใช่ให้พูดประจบ มองดูว่าตัวข้าในตอนนี้เป็นอย่างไร!” หลิงฮันโคจรก้อนพลังงาน ทันใดนั้นร่างของเขาก็ปลดปล่อยปราณสีดำออกมา รูปลักษณ์ของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป แต่กลิ่นอายที่สัมผัสได้นั้นต่างจากตัวเขาปกติอย่างสิ้นเชิง
“จะ จะ จ้าวอสูร!” จักรพรรดิจอมอสูรขาอ่อนคุกเข่าลง กลิ่นอายที่รู้สึกได้จากหลิงฮันนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มันทรงพลังกว่าใครในดินแดนใต้พิภพที่เขาเคยพบเจอมา
นี่มัน… ระดับจ้าวอสูร!
“นายท่าน ท่านคือคนของดินแดนใต้พิภพ?” เขาถามด้วยเสียงแหบแห้ง
“แน่นอนว่าข้าเป็นมนุษย์ ข้าแค่บังเอิญได้ดูดซับพลังของจ้าวอสูรก็เท่านั้น” หลิงฮันกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าในตอนนี้ต่างกับสิ่งมีชีวิตใตพิภพหรือไม่?”
“ไม่เลย ไม่แม้แต่น้อย!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบส่ายหัว “นายท่านไม่มีส่วนใดที่แตกต่างกับสิ่งมีชีวิตใตพิภพแม้แต่น้อย ไม่สิ นายท่านดูราวกับเป็นอสูรที่แท้จริงเสียด้วยซ้ำ!”
“นายท่านของข้า ได้โปรดให้ข้าได้กอดขาของท่านด้วยเถิด!”
“ไสหัวไป” หลิงฮันใช้เท้าเตะจักรพรรดิจอมอสูร
เขาสะบัดมือส่งจักรพรรดิจอมอสูรไปยังอีกฝากของหอคอยทมิฬและนำกล่องหยกออกมา
นี่คือสมบัติที่แม้แต่จอมยุทธระดับดาราก็ไม่สามารถเปิดมันได้
ถ้าเป็นด้านนอกหลิงฮันคงไม่สามารถเปิดมันได้แน่นอน แต่ที่นี่คือหอคอยทมิฬ!
เขาลองสำรวจมันก่อนและพบว่าถึงแม้มันจะเป็นกล่อง แต่กล่องได้ถูกเชื่อมติดกันอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ไม่มีช่องให้เปิดเลย มันราวกับเป็นก้อนหยกที่มีรูปร่างเหมือนกล่องเสียมากกว่า
หลิงฮันลองเขย่าดูก็ไม่รู้สึกว่าข้างในมีอะไรอยู่
“ถ้าหาช่องเปิดไม่ได้ก็ต้องใช้กำลังเปิด” หลิงฮันชี้นิ้วตรงราวกับกระบี่และเฉือนเข้าใส่กล่องหยก
พลังของหอคอยทมิฬเอ่อล้นไปทั่วร่างของเขา หลิงฮันรู้สึกว่าเขาคือตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา
“เปิด” เขากล่าวด้วยเสียงเบา
‘พรึบ’ กล่องที่ถูกเขาตัดเปิดออก
ภายในกล่องหยกมีเพียงกระดาษสีเงินใส่เอาไว้ หลิงฮันต้องการหยิบมันขึ้นมาแต่ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าทันที นั่นเพราะจู่ๆก็มีคลื่นดาบพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง มันเร็วมากจนเขาไม่สามารถหลบได้ทัน
ฟุบ
หอคอยน้อยปรากฏตัวเพื่อหยุดยั้งคลื่นดาบ “นี่เจ้าไปทำอะไรให้สวรรค์โกรธรึไง ทำไมถึงได้ชอบมีเรื่องใส่ตัวตลอด?”
“ฮ่าๆๆ ถ้าเจ้าช่วยข้าก็คงตายไปแล้ว” คลื่นดาบนั้นรวดเร็วเกินกว่าเกินกว่าสามัญสำนึกทั่วไป
หรือกระดาษนั่นจะเป็นยันต์โจมตีของปรมาจารย์?
ครั้งนี้หลิงฮันใช้พลังของหอคอยทมิฬโอบล้อมตัวเขาเขาไว้ เกรงว่าเขาในตอนนี้คงมีเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งถึงจะสามารถคุกคามเขาได้ เขาเอื้อมมือไปยังกระดาษสีน้ำเงินอีกครั้ง
‘พรึบ’ คลื่นดาบปรากฏอีกครั้งและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
เร็วมาก!
ถึงแม้เขาจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี คลื่นดาบรวดเร็วยิ่งกว่าศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเสียอีก มันเร็วจนไม่สามารถหาคำใดมาบรรยายได้!
ฉึบ!
คลื่นดาบพุ่งเข้าใส่ด้านหน้าหลิงฮัน มันเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต
แต่ถึงแม้คลื่นดาบจะเร็วขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับอำนาจของหอคอย ในมิตินี้หลิงฮันคือพระเจ้าที่แท้จริง
“สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่!” หัวใจของหลิงฮันเต้นแรง เขารู้สึกว่าเขาอาจจะพบกับสมบัติสุดล้ำค่าเข้าแล้ว มันอาจจะล้ำค่าสมกับที่ปรมาจารย์ระดับดาราสองจนต้องแย่งชิงกันจริงๆก็ได้
เขาเปิดกระดาษสีเงินดู ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ แต่นั่นก็ยิ่งโชคร้ายเข้าไปใหญ่ คลื่นดาบนับไม่ถ้วนส่องประกายพร้อมกัน คลื่นดาบนับร้อยล้านเล่มพุ่งเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกัน
ที่ด้านหน้าหลิงฮันปรากฏมีม่านใสถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันคลื่นดาบนับไม่ถ้วน
“หายไปซะ!” หลิงฮันเค้นเสียง คลื่นดาบค่อยๆถูกทำให้สลายไปทีละเล่มจนไม่เหลือ
ฟู่ว…
หลิงฮันถอนหายใจ ถ้าถูกนำตัวเข้ามาอยู่ในหอคอยทมิฬล่ะก็ ต่อให้เป็นจักรพรรดินีแห่งดาราหรือจ้าวแห่งจักรวาลนี้ พวกเขาก็ต้องถูกสยบให้คุกเข่าลง
ในที่สุดการดาษสีเงินก็แน่นิ่งไม่ปล่อยคลื่นดาบใดๆออกมาอีก
บนกระดาษไม่มีอักษรอะไรถูกเขียนอยู่ มีเพียงกระดาษที่ว่างเปล่า
นี่มันบ้าเกินไปหน่อยแล้ว การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่มีไว้เพื่อคุ้มกันกระดาษเปล่าๆงั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้!
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วครูก่อนจะชี้นำสัมผัสสวรรค์แทรกเข้าไป
ทันใดนั้นคำพูดนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเข้ามาในความคิดของเขา
ทักษะดาบสี่บัญญัติ!
ตอนนี้มีเพียงอักษรสีคำเหลืออยู่ในความคิดของเขา
กระดาษสีเงินนั้นรู้ว่าถูกทิ้งเอาไว้โดยปรมาจารย์มานานเท่าใดแล้ว ผู้ที่ทิ้งเอาไว้คือปรมาจารย์ผู้ใช้ดาบที่ถูกเรียกว่า เซียนดาบไร้พ่าย!
อักขระทั้งสี่คือพลังอำนาจที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้ใช้ดาบระดับสร้างสรรพสิ่ง โดยปกติแล้วถ้าหากไม่ใช่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งก็ไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่า ‘เซียนดาบ’ หรือ ‘เซียนกระบี่’ เพราะหากเรียกตนเองเช่นนี้ก็หมายถึงพวกเขาคือผู้ใช้ดาบหรือผู้ใช้กระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
เซียนดาบไร้พ่ายไม่ฉายาที่เขาตั้งเองแต่เขาถูกคนอื่นเรียกเช่นนั้น เขาไม่ใช่แค่ถูกเรียกว่าเซียนดาบธรรมแต่ยังเป็นเซียนดาบไร้พ่าย นั่นหมายถึงเขาแข็งแกร่งที่สุดและมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้ดาบอันดับหนึ่งตลอดกาล
ทักษะดาบที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือทักษะดาบสี่บัญญัติ ซึ่งแบ่งเป็น ‘บัญญัติดาบเร็ว’ ‘บัญญัติดาบช้า’ ‘บัญญัติดาบคลั่ง’ และ ‘บัญญัติดาบสงบนิ่ง’
ตอนนี้สิ่งที่ถูกทิ้งเอาไว้ในกระดาษสีเงินคือทักษะบัญญัติดาบเร็ว
ความเชี่ยวชาญดาบของหลิงฮันนั้นไม่ได้สูงมาก แต่ทักษะดาบที่ได้รับมานั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ทักษะที่ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ระดับสร้างสรรพสิ่ง แต่ยังเป็นทักษะที่จอมยุทธทั่วไปไม่อาจฝึกฝนได้
เหตุผลก็เป็นเพราะการจะฝึกทักษะนี้จำเป็นต้องมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง
บัญญัติดาบเร็วคือทักษะดาบที่รวดเร็วเกินกว่าขีดจำกัดของระดับพลังโดยใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เข้ามาช่วย หากไม่มีกายหยาบที่แข็งแกร่งอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็จะทำลายร่างกายของผู้ใช้
“ทักษะนี่ราวกับว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อข้า!”
หลิงฮันอดมีความสุขไม่ได้ บัญญัติดาบเร็วจำเป็นต้องใช้กายหยาบที่แข็งแกร่งเทียบเท่าระดับพลังของผู้ใช้ แต่กายหยาบของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าระดับพลังบ่มเพาะ ซึ่งนั่นหมายถึงเขาอาจจะสามารถใช้บัญญัติดาบเร็วได้ทรงพลังยิ่งกว่าเซียนดาบไร้พ่าย
“เพียงแต่ว่าเซียนดาบไร้พ่ายสามารถบรรลุขั้นสูงสุดของทักษะดาบสี่บัญญัติได้ก็ตอนที่เขาบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งแล้ว ทักษะนี้มความเกี่ยวข้องกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของระดับสร้างสรรค์พสิ่ง บางทีข้าในตอนนี้อาจจะทำความเข้าใจมันไม่สำเร็จ!”
หลิงฮันส่ายหัว เขามีพรสวรรค์ในการทำความเข้าใจศาสตร์วรยุทธต่างๆในระดับที่น่าสะพรึงกลัว แต่ด้วยระดับพลังที่ถูกจำกัด เขาคงไม่สามารถทำความเข้าใจทักษะของระดับสร้างสรรค์พสิ่งได้
“จะอย่างไรก็ช่าง อย่างแรกเลยคือข้าต้องพัฒนาความเชี่ยวชาญดาบของตัวเองก่อน”