หลิงฮันไม่รีบออกจากหอคอยทมิฬและศึกษาทักษะดาบอย่างคร่าวๆ
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…
“ฝืนกฎแห่งธรรมดาเพื่อเพิ่มความเร็วอย่างไร้ขีดจำกัด เมื่อสะบั้นดาบออกไปศัตรูจะไม่มีทางหยุดยั้งได้”
หลิงฮันพึมพำ ร่างของเขาลอยขึ้นและกวัดแกว่งดาบ
เมื่อสะบั้นดาบออกไป คลื่นดาบก็ถูกปลดปล่อยออกมาราวกับกระแสสายฟ้า แต่มันก็ทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้ที่ขาซ้าย เมื่อมองลงไปเขาก็พบว่าเท้าซ้ายของเขานั้นบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง ขาของเขาแตกหักหมุนเป็นเกลียว
“อืม นี่คือผลลัพธ์ของการที่เราฝืนกฎธรรมชาติ?”
หลิงฮันพึมพำพร้อมโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อฟื้นฟูบาดแผล
“ข้าทำผิดพลาด ถึงแม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้นแต่มันก็ทำให้ร่างกายพังทลาย”
“เพียงแต่ว่าที่กระดูกข้าแตกหักเช่นนี้เป็นเพราะอยู่ในหอคอยทมิฬ พลังที่ใช้ออกไปได้จึงมากกว่าปกติ หากเป็นข้างนอกเป็นไปไม่ได้เลยที่พลังดาบที่ใช้ออกไปจะทำให้กระดูกของข้าแตกหักเช่นนี้”
“ข้าจะฝึกในนี้ไม่ได้”
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและพบว่าแรงดันที่รุนแรงได้หายไปแล้ว
จะบอกว่าหายไปก็ไม่ถูก แรงดันน้ำจากใต้สมุทรยังคงมีอยู่ แต่แรงดันน้ำธรรมดาเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับฝนที่หยดใส่ร่างเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างกายของเขาจะถูกบดขยี้
“อืม อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จะสามารถใช้ได้รึไม่?”
หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมา พาหนะของเขาทะลวงคลื่นมหาสมุทรและภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจเขาก็ลอยผ่านผิวมหาสมุทรขึ้นสู่ท้องฟ้า
“อย่างที่คาด!!”
หลิงฮันเรียกสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกมาและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“เซียนดาบไร้พ่าย?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ประหลาดใจ นางไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
แต่นั่นก็เป็นเพราะจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดบนดาวดวงนี้ก็คือระดับดาราเท่านั้น บางทีในอดีตกาลอาจจะมีอัจฉริยะที่สามารถทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งได้ แต่จอมยุทธที่ว่าก็คงตกตายไปแล้ว
กาลเวลาที่ยาวนานสามารำระล้างได้ทุกสิ่ง จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งนั้นไม่ได้เป็นอมตะ
“น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถเรียนรู้ทักษะดาบสี่บัญญัติได้” หลิงฮันผิดหวัง
“ใครบอกว่าข้าจะเรียนรู้มันไม่ได้!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างขึงขัง
เขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว อะไรก็ตามที่ดีเขาก็พร้อมจะแบ่งปันกับพวกพ้อง
พวกหลิงฮันมาถึงเกาะเล็กๆด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆา เขาตัดสินใจพักที่นี่ก่อนและจะฝึกฝนทักษะบัญญัติดาบเร็ว
เขาศึกษาทักษะดาบกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่นั้นมึนงงมากและไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน
ที่จริงหลิงฮันก็สับสนไม่แพ้กัน แต่เมื่อเขาพบเจอกับทางตัน ก้อนพลังงานในตันเถียนของเขาก็จะปลดปล่อยพลังบางอย่างออกมาเพื่อช่วยเหลือเขาให้ก้าวผ่านไปได้
นั่นเพราะก้อนพลังคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่หลงเหลืออยู่ของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่ง
หลิงฮันไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย แต่ด้วยความช่วยเหลือของมันเขามันทำให้เขาค่อยๆเชี่ยวชาญทักษะบัญญัติดาบเร็วขึ้นทีละน้อย
เพราะงั้นตามหลักแล้วแม้เขาจะยังไม่สามารถฝึกฝนทักษะดาบนี้ได้ แต่พระเจ้าได้มอบโชคให้เขา ตำแหน่งที่กล่องหยกตกลงไปดันบังเอิญไปเป็นตำแหน่งที่จ้าวอสูรหลับใหลอยู่ เขาที่มีหอคอยทมิฬก็สามารถสยบเจตจำนงของจ้าวอสูรได้และเขาที่ฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จะมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วจึงมีผลลัพธ์เช่นนี้
ต่อให้เป็นแบบนั้น การพัฒนาของหลิงฮันก็ยังเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก
เมื่อลองใช้ทักษะออกไป หลิงฮันก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่อาจบรรยายได้ ทั้งมือ เท้า ข้อมือ ทุกๆส่วนของร่างกายเขาบิดเบี้ยวไปหมด
เขาค่อยก้าวผ่านความผิดพลาดและความเร็วของดาบก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทุกๆครั้งที่เร็วขึ้น ร่างกายเขาก็จะรับภาระหนักตาม ทุกๆครั้งที่ดาบถูกฟันออกไป กระดูกของเขาส่งเสียงสั่นสะท้านอย่างแรง ถ้าหากเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ กระดูกทั่วร่างนางคงแหลกไปแล้ว
“เร็วมาก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่มองการพัฒนาของหลิงฮันอยู่ทุกวัน ดาบของเขาจะเคลื่อนไหวเร็วขึ้นทุกครั้ง ในตอนแรกสายตาของนางยังมองคลื่นดาบของหลิงฮันได้ทันอยู่ แต่ตอนนี้นางมองไม่เห็นแล้ว
มันรวดเร็วเกินกว่าสามัญสำนึกทั่วไป
ไม่น่าแปลกใจทำไมจอมยุทธคนนั้นถึงถูกเรียกว่าเซียนดาบไร้พ่าย ทักษะดาบของเขาแข็งแกร่งฝืนสวรรค์อย่างแท้จริง
“นี่คือหนึ่งในสี่ทักษะดาบสี่บัญญัติ แล้วทักษะบัญญัติอื่นๆจะเป็นอย่างไร?” ทั้งหลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกอยากรู้อยากเห็น
หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดหลิงฮันก็บรรลุทักษะบัญญัติดาบเร็วส่วนต้น ในด้านพลังบ่มเพาะของเขานั้นด้วยการช่วยเหลือของก้อนพลังงาน เขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นกลางเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นเขาก็ยังแบ่งเวลาไปฝึกฝนการหลอมเม็ดยา
“เอาล่ะ ไปล่าโจรสลัดเพิ่มกันเถอะ” หลิงฮันหัวเราะ เขาฝึกฝนทักษะดาบสำเร็จแล้ว แต่นอนว่าหากจะให้ใช้อย่างเชี่ยวชาญเขาก็ต้องลองไปฝึกฝนของจริง
พวกเขาขึ้นอุปกรณ์บินแหวกเมฆาโดยไม่ต้องกังวลจะไปพบเจอกับศัตรูระดับสุรันยันจันทรา เนื่องจากอุปกรณ์บินเพียงพอที่จะช่วยพวกเขาหลบหนี
แม้มหาสมุทรดาราจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตระกูลหยาง ในทางกลับกันธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองมากขึ้นด้วยซ้ำเพราะว่าในมหาสมุทรแห่งนี้ไม่มีแรงโน้มถ่วงแล้ว จอมยุทธมากมายจึงออกทะเลเพื่อล่าสมบัติ
ก่อนหน้านี้มีต้องเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีเป็นอย่างน้อยถึงจะออกทะเลได้ แต่ตอนนี้แม้แต่ระดับทลายมิติหรือระดับสวรรค์ก็สามารถทำได้ แรงกดดันน้ำลึกพันฟุตไม่ได้คุกคามใดๆต่อพวกเขา แต่แน่นอนว่าสัตว์อสูรใต้มหาสมุทรก็ยังคงเป็นภัยอันตรายที่ใหญ่หลวงอยู่ดี ถ้าพบเจอกับสัตว์อสูรในขณะที่กำลังหาสมบัติอยู่พวกเขาก็ทำได้เพียงยอมรับในความโชคร้ายของตัวเอง
เมื่อไม่มีพลังอำนาจของจ้าวอสูร อุปกรณ์บินแหวกเมฆาจึงสามารถแสดงประสิทธิ์ภาพออกมาอย่างเต็มที่ พวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการวนรอบมหาสมุทร
หลังจากลอยอยู่เหนือมหาสมุทรได้สองสามวัน อุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็ลอยเข้าสู่เส้นทางการเดินเรือของตระกูลหยางที่หยางเทียนเฉินเคยพวกเขาแล่นผ่าน
“ตรงนั้น!” เขาควบคุมอุปกรณ์บินให้ต่ำลงและมองเห็นการต่อสู้อันดุเดือดบนเรือขนาดใหญ่
มันคือเรือใหญ่ของตระกูลหยาง ซึ่งมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นคนดูแล ฝ่ายโจรสลัดเองก็ส่งจอมยุทธระดับเดียวกันไปปะทะกันอยู่เหนือผิวมหาสมุทร
แต่ก่อนการสู้บนผิวน้ำอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีแรงโมถ่วงแล้ว มันจะเป็นเรื่องยากอะไรหากปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราจะเดินอยู่บนผิวน้ำได้?
หลิงฮันลงไปบนเรือพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่และเข้าร่วมต่อสู้ ทั้งสองกระหน่ำโจมตีใส่เหล่าโจรสลัด
“เจ้าหนู ตายซะ!” จู่ๆโจรสลัดคนหนึ่งก็แทงกระบี่เข้าใส่หลิงฮัน เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชัน้สูงสุด
หลิงฮันยิ้มและปลดปล่อยทักษะบัญญัติดาบเร็ว
‘ฉัวะ’ โจรสลัดกำลังแทงกระบี่เข้ามา ทันใดนั้นเขาก็พบว่าแขนตอนตัวเองหลุดออกจากไหล่ จากนั้นร่างของเขาก็ถูกหั่นออกเป็นหลายส่วนในพริบตา
เขาตกตะลึงมาก ทำไมเขาถึงได้เห็นร่างของตัวเองถูกฟันจนแยกออกเป็นหลายส่วน? นี่เขาถูกฟันคอขาดแล้วงั้นรึ? นี่เขาไปโดนฟันตอนไหน? ทำไมเขาถึงไม่เห็นอีกฝ่ายขยับเลย!
นี่คือความคิดสุดท้ายของชีวิตโจรสลัดคนนี้