เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ทุกระดับนั้นมีราคาแพงมาก
มีเพียงแค่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งและสองเท่านั้นที่มีจำนวนมาก ดังนั้นเม็ดยาทั้งสองระดับจึงมีราคาค่อนข้างถูกกว่า แต่หลังจากที่เป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขึ้นไป มันจะมีราคาแพงเกินจนไม่มีปัญญาซื้อ
ถ้าเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งและสอง จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปก็สามารถซื้อได้ แต่ถ้าเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามมันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามราคาถูกที่สุดคือหนึ่งพันผลึกก่อเกิด แต่ยากที่จะดูดซับ ดังนั้นราคาเริ่มต้นสองพันผลึกก่อเกิดนั้นถือว่าไม่ผิดปกติ เม็ดยาเวหาสีคราม
เม็ดยาเวหาสีครามเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ซึ่งยากต่อการหลอมขึ้นมา และอัตราสำเร็จอยู่ในระดับต่ำมาก ดังนั้นนักปรุงยาระดับสามจึงไม่ชอบหลอมเม็ดยาเวหาสีครามมากนัก แล้วถึงแม้ว่านักปรุงยาระดับสี่จะหลอมขึ้นมาได้ แต่ในเมื่อเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่มีราคาแพงกว่า แล้วพวกเขาจะหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามไปทำไม?
ดังนั้น เมื่อหลิงฮันสามารถหลอมเม็ดยาเวหาสีครามได้จำนวนมาก ความมั่งคั่งมหาศาลก็จะหลั่งไหลเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เขาคิดจะเปิดร้านขายเม็ดยาเป็นของตัวเอง
ถึงแม้เขาจะนำเม็ดยาที่หลอมขึ้นมาเองขายให้กับร้านขายเม็ดยาได้โดยตรง แต่ก็ต้องเสียส่วนแบ่งให้กับร้าน ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
เขาบอกเรื่องนั้นให้กับหลี่เหว่ยเหว่ยฟัง แต่ดูเหมือนว่าหลี่เหว่ยเหว่ยจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเปิดร้านขายเม็ดยาเท่าไหร่นัก เพราะนางเกลียดปัญหา
หลิงฮันจึงหันไปพูดคุยกับสุ่ยเยี่ยนยวี่แทน
ตระกูลสุ่ยไม่เคยยอมรับตัวตนของเขา แม้ว่าหลิงฮันจะไม่สนใจความคิดเห็นของตระกูลสุ่ยก็ตาม แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่เหมือนกับเขาเพราะนางเป็นคนตระกูลสุ่ย ดังนั้นเขาจึงต้องยอมอ่อนข้อ
หากเขาเปิดร้านขายเม็ดยา เขาก็จะมีสินสอดหมั้น แล้วการต่อต้านของตระกูลสุ่ยก็จะน้อยลง
สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนฉลาด นางคาดเดาได้ทันทีว่าหลิงฮันตั้งใจจะทำอะไร ซึ่งแน่นอนว่านางเห็นด้วย และนางเป็นฝ่ายเริ่มจูบเขาทันทีเพื่อตั้งหน้าตั้งตารอ
หลิงฮันบอกว่าจะทำมัน เขาจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน
ถ้าเขามีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ในมือ เขาก็จะสามารถทำธุรกิจในเมืองจักรพรรดิได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขามีสถานะพิเศษอยู่หรอกหรือ ใครจะไม่รู้ว่าราชินีที่เก้าให้การสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง?
หลังจากเลือกทำเลที่ตั้งแล้วต่อไปคือการตกแต่งและรับสมัครคน
แต่ในขณะนั้นเอง หลิงฮันก็ประสบกับปัญหา
ปัญหาคือไม่มีใครสมัครมาแม้แต่คนเดียว!
หลิงฮันจึงหาสาเหตุ แล้วก็พบว่ามันเป็นเพราะจ้าวหลุนและซาหยวนที่ร่วมมือกันและสั่งว่าห้ามใครไปสมัครทำงานในร้านของเขา
พวกเขาเป็นทายาทของแม่ทัพทั้งสองคน แล้วใครจะไม่กล้าเชื่อฟังคำพูดของพวกเขา?
ถึงแม้หลิงฮันจะได้รับความโปรดปรานจากราชินีที่เก้า แต่ราชินีที่เก้าจะเคลื่อนไหวจะทำอะไรได้?
ดังนั้น แม้ว่าหลิงฮันจะเสนอเงินตอบแทนที่สูงมากให้ แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาสมัคร
เมื่อเป็นเช่นนั้น หลิงฮันจึงหันไปรับสมัครผู้คนในสำนักแทน
คราวนี้เงื่อนไขที่เขาเสนอให้สูงขึ้นมาก – ถ้าใครทำงานในร้านของเขาจะได้รับเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ทุกเดือน
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งสิบเม็ด! เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสองห้าเม็ด! เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามหนึ่งเม็ด!
ด้วยวิธีนี้จึงมีคนตอบรับข้อเสนอของเขาเยอะมาก
เป้าหมายหลักของพวกเขาคือเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม แม้ว่าจะได้รับเดือนละหนึ่งเม็ดก็ตาม
หลิงฮันสรรหาคนได้ทั้งหมดสิบคนและแบ่งพวกเขาออกเป็นสองกะ
ด้วยเหตุนี้ร้านขายเม็ดยาของเขาก็จะเปิดทำการได้สักที แต่หลิงฮันได้เปลี่ยนวิธีการขาย เขาจะขายเม็ดยาเวหาสีครามแค่ห้าเม็ดต่อวันเท่านั้น และหนึ่งคนต่อหนึ่งเม็ด
นั่นเป็นเพราะหลิงฮันสามารถหลอมเม็ดยาเวหาสีครามได้แค่สิบเม็ดต่อวันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการปรุงยาหลิงฮันไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเขาจะขาดแคลนพลังปราณ ที่เขาขาดแคลนคือความเข้าใจใจพลังแห่งกฎเกณฑ์
การปรุงยาเป็นกระบวนการของความเข้าใจ
เพราะสมุนไพรเติบโตขึ้นโดยการดูดซับพลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพี กระบวนการปรุงยานั้นเชื่อมโยงกับอักขระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของพลังแห่งกฎเกณฑ์ ยิ่งเขาหลอมเม็ดยามากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีความเข้าใจพลังแห่งกฎเกณฑ์มากขึ้นเท่านั้น
“ดั่งคำพูดที่เรียกว่า พลังแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดบนโลกมารวมกันในวิธีการที่แตกต่างกัน” หลิงฮันพยักหน้า
อย่างไรก็ตามการปรุงยานั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจ ส่วนทักษะหรือเทคนิคลับอะไรพวกนั้นจะต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง
ดังนั้น นอกเหนือจากการปรุงยาแล้ว หลิงฮันจะยังนำพลังทั้งหมดของเขาไปฝึกฝนทักษะบัญญัติดาบเร็ว
ทักษะบัญญัติดาบเร็วถูกสร้างขึ้นโดยเซียนดาบไร้พ่าย มันเป็นทักษะลับชั้นสูงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อเขาสามารถฝึกฝนทักษะบัญญัติดาบเร็วได้ แน่นอนเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นไปเด็ดขาด
……
“พี่หลุน ข้านึกออกแล้วว่าจะสังหารหลิงฮันยังไงดี” ในคฤหาสน์แม่ทัพจ้าว หยังลั่วตันอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวหลุน “นั่นคือจ้างมือสังหารจากสมาคมราตรีนิรันดร์ ทั้งที่เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ยังคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลาง”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขามีทักษะลับติดตัวอยู่ด้วย เมื่อใดที่เขาใช้ทักษะลับนั่น มันจะทำให้พลังต่อสู้ของเขากลายเป็นระดับสุริยันจันทรา แต่เขาจะมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
“ให้เขาไปฆ่าหลิงฮัน หลังจากฆ่าหลิงฮันแล้ว เขาจะตายในไม่ช้าแล้วความลับของเราก็จะไม่ถูกเปิดเผยแม้แต่น้อย”
หยังลั่วตันยิ้มอย่างชั่วร้าย นางอยากเป็นนายหญิงของคฤหาสน์แม่ทัพ แน่นอนว่านางจะต้องฆ่าหลิงฮันให้ได้ มิฉะนั้นจะเป็นความอัปยศของจ้าวหลุนและนาง
จ้าวหลุนถอนหายใจและคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ และพูดว่า “มันจะไม่หลงเหลืออะไรแน่รึ?”
“ไม่ ข้าจะเปลี่ยนโฉมหน้าและกลิ่นอาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนในสมาคมราตรีนิรันดร์จะตระหนักถึงตัวตนของข้า” หยังลั่วตันกล่าว
“ก็ได้ ให้เขาเป็นคนกำจัดหลิงฮัน!” จ้าวหลุนพยักหน้าเห็นด้วย ในเมืองจักรพรรดิเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าหลิงฮัน แม้แต่สมาคมราตรีนิรันดร์ก็ยังหาโอกาสไม่ได้
“แต่ว่าค่าจ้างที่สมาคมราตรีนิรันดร์เรียกร้องคือสามแสนผลึกก่อเกิด” หยังลั่วตันพูดด้วยความลังเล
“สามแสน!”
แม้แต่บุตรชายของแม่ทัพจ้าวอย่างจ้าวหลุนก็ยังรู้สึกตกใจ แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ของตัวเองลงและพูดว่า “ตกลง! ตราบใดที่สามารถฆ่าหลิงฮันได้ ข้าจะจ่ายสามแสนผลึกก่อเกิด! แต่ที่ข้าจ่ายไปเพื่อซื้อชีวิตของหลิงฮัน ถ้าทำไม่ได้ข้าจะขอเงินคืน”
“พี่หลุนช่างฉลาดยิ่งนัก!” หยังลั่วตันกล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง นางจะไม่ทราบความคิดของจ้าวหลุนได้อย่างไร แต่ที่จ้าวหลุนไม่รู้คือนางจะปลอมตัวเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปที่สมาคมราตรีนิรันดร์ ความคล้ายคลึงกันระหว่างพวกนางทั้งสองคน คนอื่นจะต้องเข้าใจผิดว่านางเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่อย่างแน่นอน
เมื่อหลิงฮันตายและสืบสาวพบว่าเป็นฝีมือของสมาคมราตรีนิรันดร์ ความผิดทั้งหมดก็จะตกมาอยู่ที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ นี่เป็นเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้ตกสองตัว
นางไม่ต้องการเป็นตัวสำรอง!