แม้ว่าหยังลั่วตันจะพูดจาประจบประแจงจ้าวหลุน แต่คำพูดส่วนใหญ่ของนางนั้นก็ฟังดูสมเหตุสมผล จอมยุทธระดับสุริยันจันทราอย่างจ้าวหลุนนั้นหาได้ยากทั้งในยุคอดีตกาลและยุคปัจจุบัน!
จ้าวหลุนกลับมาสงบอีกครั้ง ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาสามารถบดขยี้หลิงฮันได้ แล้วทำไมเขาจะต้องไปสนใจเจ้ามดปลวกตัวนี้ด้วย?
โลกของจอมยุทธนั้นไม่เคยมีความยุติธรรม ความแข็งแกร่งเท่านั้นคือหนทางสู่ราชัน
“เยี่ยนยวี่ หลังจากวันนี้ข้าจะไปที่ตระกูลสุ่ยเพื่อสู่ขอเจ้าแต่งงาน!” จ้าวหลุนกล่าว ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเขาจะให้อิสระสุ่ยเยี่ยนยวี่มากเกินไป และในเมื่อเขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว มันคงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะแต่งงานกับสุ่ยเยี่ยนยวี่
“นายน้อยจ้าวอย่าได้ลืมว่าข้ากลายเป็นคนตระกูลหลิงแล้ว! ข้าไม่คิดที่จะมีสามีสองคน โปรดอย่าได้รบกวนข้าอีก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดอย่างเย็นชา
จ้าวหลุนแสยะยิ้มและพูดว่า “เจ้าจะปกป้องคนตายไปทำไม?”
“พี่สาวสุ่ยไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา!” หลี่เหว่ยเหว่ยพาสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกไปและพาไปยังที่นั่ง ซึ่งห่างจากจ้าวหลุนพอสมควร
“พี่หลุน พวกเราก็นั่งกันเถอะ” หยังลั่วตันจับแขนจ้าวหลุน
จ้าวหลุนปัดแขนหยังลั่วตันและนั่งลงบนเก้าอี้
ท่าทางของจ้าวหลุนทำให้หยังลั่วตันรู้สึกไม่พอใจ และช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกอิจฉาสุ่ยเยี่ยนยวี่
นางรู้ว่าถ้านางเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ จ้าวหลุนจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาใจนางอย่างแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงเย็นชากับนางขนาดนี้? นี่เขาไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยหรือ
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่หลิงฮันตาย เบาะแสทั้งหมดก็จะชี้เป้าไปที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ แล้วมาดูกันว่านางจะหลีกเลี่ยงปัญหาได้อย่างไร!
ต้องทราบก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชินีที่เก้ากับหลิงฮันนั้นไม่ธรรม และเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลสุ่ยจะปกป้องสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้
……
ในสังเวียนเหล็ก หลิงฮันและหวูซื่อเหรินพร้อมที่จะต่อสู้กันแล้ว
หวูซื่อเหรินดูเป็นชายธรรมดาในวัยสามสิบปี รูปร่างของเขาไม่ได้สูงมากนัก และมีผมที่ยุ่งเหยิงกับแววตาที่มืดมน แล้วใครจะทำใจเชื่อลงว่าเขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง
ระดับบ่มเพาะพลังของเขาอยู่แค่ระดับภูผาวารีขั้นกลาง แต่ในบรรดาคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เขาเอาชนะมาได้นั้นต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง นั่นเป็นเพราะเขามีพลังต่อสู้มากกว่าห้าดาว!
นี่มันน่าทึ่งมาก ต้องทราบก่อนว่าแม่ทัพทั้งเจ็ดคนและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวานั้นมีพลังต่อสู้แค่สี่ดาวเท่านั้น ถ้าจะมีพลังต่อสู้ระดับห้าดาวได้พวกเขาจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากพลังแห่งจักรภพ แต่หวูซื่อเหรินนั้นพึ่งพาแค่พลังของตัวเองก็มีพลังต่อสู้ห้าดาวแล้ว
“โปรดชี้แนะด้วย!” หลิงฮันเอื้อมมือออกไป
หวูซื่อเหรินแสดงสีหน้า เขาได้รับคำสั่งฆ่าให้ฆ่าชายตรงหน้าภายในสิบกระบวนท่า และนั่นหมายความว่าเขาจะต้องแลกด้วยชีวิตของเขา
“ชี้แนะด้วย!” หวูซื่อเหรินพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง
เขายืดเส้นยืดสาย จากนั้นกระดูกของเขาก็สั่นไหวไปมา ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหันและยังคงขยายใหญ่ไม่หยุด แล้วมีปราณสีดำออกมาจากร่างกาย
หวูซื่อเหรินที่เคยดูธรรมดา แต่ตอนนี้เขากลับดูดุร้ายและน่าราวกับกับปีศาจ
ตู้ม!
กลิ่นอายของเขาดูน่าเกรงขามขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลายเท่านั้น แต่ตอนนี้พลังของเขาพุ่งทะยานไม่หยุดจากระดับภูผาวารีขั้นกลายกลายเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น และดูไม่มีท่าทีว่าจะหยุด นี่มันบ้าไปแล้วฃ
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”
“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางหรอกรึ ทำไมเขาถึงกลายเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงได้อย่างไร?”
“ความก้าวหน้านี้มันไม่สมเหตุสมผล! นอกจากนี้ ถ้าเขาทะลวงผ่านระดับจริง มันควรมีทัณฑ์สวรรค์ปรากฏออกมาแล้ว”
“หืม นี่มันเทคนิคลับอะไรกันถึงทำให้จอมยุทธทะลวงผ่านสองขั้นในครั้งเดียวและมีพลังต่อสู้อย่างน้อยเก้าดาว!”
“มันไม่ใช่เก้าดาว กลิ่นอายที่น่าเกรงขามของเขาในปัจจุบันมันไม่ใช่กลิ่นอายของจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่เป็นกลิ่นอายของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา!”
“สิบดาวหรือสิบเอ็ดดาว!”
“เป็นไปไม่ได้! มันไม่มีทางเป็นไปได้! อัจฉริยะระดับห้าดาวมีอยู่ในตำนานเท่านั้น และอัจฉริยะระดับหกดาวนั้นไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน แล้วมันจะมีอัจฉริยะระดับสิบดาวหรือระดับสิบเอ็ดดาวได้อย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครบอกว่าอัจฉริยะระดับหกดาวไม่มี! ในตอนที่ข้ายังเยาว์วัย ข้าเคยออกท่องโลกกว้างและเห็นอัจฉริยะระดับหกดาวด้วยตาตัวเอง แม้แต่อัจฉริยะระดับเจ็ดดาวก็ยังเคยได้ยิน เหตุผลที่อัจฉริยะเหล่านั้นไม่ปรากฏให้เห็นที่นี่ นั่นเป็นเพราะตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่คือจอมยุทธระดับดาราเท่านั้น”
“แล้วเขาก็ไม่ใช่อัจฉริยะระดับสิบดาว ที่กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนแปลงไปนั่นเป็นเพราะเขาใช้เทคนิคลับบางอย่าง และตอนนี้เทคนิคลับนั่นก็ทำให้เขามีพลังต่อสู้เพิ่มมากขึ้น”
บนอัฒจรรย์มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหลายคนกำลังนั่งพูดคุยกัน
ชายชราคนหนึ่งที่ปิดปากเงียบมาตลอด จู่ๆเขาก็เผยสีหน้าตกใจและพูดว่า “ปราณอสูร!”
“ผู้อาวุโส ปราณอสูรคืออะไรอย่างนั้นหรือ?” จอมยุทธระดับสุริยันจันทราคนหนึ่งถาม แลละดูเหมือนว่าเขาจะเคารพชายชราผู้นี้มาก
ชายชราผู้นี้เป็นคนแซ่อัน เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นสูงสุด ซึ่งถือเป็นตัวตนระดับสูงของเมืองจักรพรรดิ มีเพียงแค่เจ็ดแม่ทัพ ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาและราชินิทั้งเก้าองค์และจักรพรรดินีเท่านั้นที่อยู่เหนือกว่าเขา
นอกจากนี้เขามีอายุมากแล้ว ในตอนที่เขายังเยาว์วัยเขาเคยออกเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ออกจากจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์มากมาย
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีอีกโลกหนึ่งคือดินแดนใต้พิภพ?” ผู้อาวุโสอันไม่ตอบคำถามโดยตรง แต่เลือกที่จะถามกลับ
พวกเขาพยักหน้า มันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่พวกเขาจะเคยได้ยินการมีอยู่ของดินแดนใต้พิภพ
“ปราณสีดำนั่นคือปราณอสูร!” ผู้อาวุโสอันกล่าว “ในตอนที่ข้ายังเยาว์วัย ข้าเคยเข้าร่วมสงครามเพื่อต่อสู้กับจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพอยู่หลายครั้ง ดังนั้นข้าจึงคุ้นเคยกับปราณอสูรที่ชั่วร้ายนั่น”
“ท่านพูดว่าไงนะ นี่หรือว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ?” ทุกคนร้องอุทาน นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก หากมีจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ไหมว่าอาจมีช่องทางที่ทำให้พวกมันเล็ดลอดเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
“ไม่ ชายคนนี้เป็นจอมยุทธจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาได้ปิดผนึกปราณอสูรไว้ในร่างกาย นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก เมื่อใดที่ดูดซับปราณอสูรเข้ามาในร่างกาย มันจะทำให้ร่างของคนผู้นั้นระเบิดตายทันที นั่นเป็นเพราะพลังแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนใต้พิภพนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พลังทั้งสองอย่างไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้”
ใบหน้าของผู้อาวุโสอันเต็มไปด้วยความสงสัย
“แล้วพวกเราควรหยุดการต่อสู้ครั้งนี้หรือไม่?” ใครบางคนถาม
แต่ทันใดนั้นเองใครบางคนก็ส่ายหน้าและพูดว่า “เพื่อการต่อสู้ที่ยุติธรรม ลานสังเวียนเหล็กจึงได้ทำการปิดกั้นเวทีประลองตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งมีเพียงแค่จอมยุทธระดับดาราเท่านั้นที่สามารถทำลายมันได้!”
แต่การต่อสู้ของจอมยุทธระดับภูผาวารีจะดึงดูดความสนใจของจอมยุทธระดับดาราได้อย่างไร?
“ใช่แล้ว!” ผู้อาวุโสอันปรบมือ และลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร แต่การที่เขาใช้ปราณอสูรเพื่อยกระดับพลังของตัวเองนั้น ราคาที่เขาต้องจ่าย…จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!”