การประลองสิ้นสุดลง
สังเวียงเหล็กไหลกลายเป็นเงียบกริบ
น่าทึ่งเกินไป… การต่อสู้สิ้นสุดลงอย่างอลังการและรวดเร็วเช่นนี้!
หวูซื่อเหรินมีพลังต่อสู้ของระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำ
แล้วหลิงฮันล่ะ?
เขามีพลังบ่มเพาะเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลาย ไม่เพียงแค่เขาจะแสดงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งออกมา แต่ยังสามารถป้องกันการโจมตีของหวูซื่อเหรินและจบการต่อสู้ด้วยทักษะดาบที่น่าทึ่งอีกด้วย
แปลก… แปลกเกินไป
คนที่มีพลังของระดับสุริยันจันทราจะถูกสังหารง่ายๆเช่นนั้น?
ทุกคนเกาหัวและไม่อาจยอมรับความจริง แม้จะเห็นด้วยตาตัวเองแต่ก็ไม่มีใครยอมรับได้เพราะมันเหลือเชื่อเกินไป
บางทีในจักรวาลนี้อาจจะมีอัจฉริยะสิบดาวอยู่จริงๆ แต่พลังของหลิงฮันในตอนนี้คงยังไม่ถึงระดับนั้นแน่!
แปลก! แปลกมาก!
“แผ่นหินในมือของเจ้าหนูนั่น!” ในที่สุดก็มีคนมองเห็นเงื่อนงำ ไม่งั้นหลิงฮันจะถือแผ่นหินในช่วงเวลาอันตรายแบบนั้นทำไม? แต่แผ่นหินนั่นมันคืออะไรกันแน่ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีอักขระศักดิ์สิทธิ์ใดๆสลักเอาไว้ ดังนั้นมันจึงไม่สมควรเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับสามารถสลายการโจมตีของระดับสุริยันจันทราได้
“ฮ่าๆๆ เจ้าโง่ชนะจริงๆด้วย!” หลีเหว่ยเหว่ยปรบมือและยิ้มไม่หุบ
ซาหยวนตกตะลึงไม่แพ้กัน “เหลือเชื่อ เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นด้วยรึ? แปลก!”
จ้าวหลุนกลายเป็นตัวโง่งม
เพื่อการประลองนี้เขาจ่ายผลึกก่อเกิดไปทั้งหมดสี่แสนผลึก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันราวกับตบหน้าเขา
หลิงฮันไม่เพียงไม่ตายแต่ยังสังหารหวูซื่อเหรินอีกด้วย!
ทั้งเสียหน้าและเสียเงิน!
“จ้าวหลุน ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” หลีเหว่ยเหว่ยหัวเราะ นางไม่ใช่คนที่จะเห็นใจคนอื่น ในเมื่อได้โอกาสนางก็จะตอกย้ำ
ใบหน้าของจ้าวหลุนเปลี่ยนเป็นมิดมน แม้เขาจะเป็นบุตรของแม่ทัพ แต่ผลึกก่อเกิดสี่แสนก้อนก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดมาก ยิ่งตอนนี้หลีเหว่ยเหว่ยมาเยาะเย้ยทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นไปอีก
“กลับ!” เขาทนแบกหน้าอยู่ที่นี่ต่อไม่ไหวและหันหลังกลับทันที
หยังลั่วตันรีบเดินตามไป นางรู้สึกอับอายไม่แพ้กัน ตอนนี้จ้าวหลุนอารมณ์เสียมาก หลังจากกลับไปแล้วไม่รู้ว่านางจะโดนทำอะไรบ้าง
“ต้องรีบทำให้เจ้าหนูนี่หายไปให้เร็วที่สุด!” ชาหยวนจ้องไปยังหลิงฮันที่ยืนอยูบนสังเวียนด้วยแววตาสังหาร “แล้วก็แผ่นหินนั่น มันเป็นสมบัติแบบใดกันถึงสามารถสลายการโจมตีของระดับสุริยันจันทราได้ หากสังหารเจ้าหนูนั่นแล้วนอกจากทักษะบ่มเพาะแล้ว แผ่นหินนั่นก็พลาดไม่ได้เช่นกัน”
หลังจากนั้น สังเวียนเหล็กไหลก็เปิดผลึกออกและให้คนอื่นสามารถขึ้นไปบนสังเวียนได้
“มีคำสั่งจากองค์จักรพรรดินีเรียกหลิงฮันเข้าพบ!” ทันใดนั้นเองก็มีองครักษ์สตรีปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า นางยืนอยู่บนธงของสังเวียนเหล็กไหล
“รวดเร็วเช่นนี้!” ฝูงชนกล่าวด้วยท่าทีหวาดกลัว
จบแล้ว องค์จักรพรรดินีให้ความสนใจแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าใครจะอยากเข้าไปเค้นความลับของหลิงฮันก็ทำไม่ได้แล้ว
ใครจะกล้าต่อต้านจักรพรรดินี?
หลิงฮันส่ายหัวในใจ สถานการณ์ตอนนี้เขามีอยู่สองทางเลือกคือหนึ่งเข้าไปซ่อนตัวในหอคอยทมิฬ สองคือเปิดเผยให้องค์จักรพรรดินีรู้ว่าเขาครอบครองหินต้นกำเนิดสวรรค์ ถึงแม้เขาจะไม่อยากเปิดเผยหินต้นกำเนิดสวรรค์ แต่หอคอยทมิฬสำคัญกว่าไม่รู้กี่เท่า
ดังนั้นเขาจึงเลือกเปิดเผยหินต้นกำเนิดสวรรค์ดีกว่า
หลิงฮันเดินตามองครักษ์ไปยังพระราชวัง ข้างในพระราชวังเรียงรายไปด้วยองครักษ์มากมายและในที่สุดเขาก็มาถึงสวนแห่งหนึ่ง
“องคจักรพรรดินี พาตัวหลิงฮันมาแล้วเจ้าค่ะ!” องครักษ์สตรีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ
จักรพรรดินีแห่งดารามองมายังพวกเขา เรือนร่างที่งดงามของนางสวมใส่ไว้ด้วยผ้าคลุมแดง มีเพียงผมยาวสลวยราวกับปุยเมฆของนางที่สามารถมองเห็นได้ชัด คอที่งดงามราวกับหยกของนางเปิดเผยให้เห็นเล็กน้อย แต่มันก็ยังทำให้ผู้คนที่เห็นหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่ดี
จิตใจของหลิงฮันปั่นป่วนเล็กน้อยอีกครั้ง เสน่ห์ของจักรพรรดินีรุนแรงเกินไป แม้เขาจะพยายามลบภาพของนางที่อยู่ในจิตใจของเขาไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้มาเห็นนางอีกครั้งความหลงไหลก็ปะทะขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
หากอยู่ใกล้ชิดนางไปสักพัก ชายใดในโลกจะสามารถต้านทานความเย้ายวนของนางได้?
“แผ่นหินนั่น ขอข้าดูหน่อย” จักรพรรดินีเป็นฝ่ายกล่าวกับหลิงฮันก่อน
หลิงฮันรู้ว่าไม่สามารถต่อต้านได้ เขานำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมาและกล่าว “นี่คือสิ่งที่ข้าน้อยพบเจอตอนทำภารกิจนอกเมือง มันมีคุณสมบัติสามารถดูดซับการโจมตีทุกรูปแบบ”
องครักษ์ด้านข้างหยิบแผ่นหินและค่อยๆก้าวเดินนำไปมอบให้จักรพรรดินีแห่งดารา นางคุกเข่าข้างเดียวและยื่นแผ่นหินออกไปด้านหน้า
จักรพรรดินีหยิบขึ้นมาและออกแรง
“โอ้?” นางประหลาดใจ ถึงแม้นางจะไม่ได้ใช้แรงมาก แต่พลังที่ใช้ออกไปก็ถูกทำให้สลายไปอย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้เหนือกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก นางเริ่มสะสมพลังและออกแรงอีกครั้งเพื่อทดสอบขีดจำกัดของแผ่นหิน
ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ต้องคุกเข่าลงเหลือเพียงจักรพรรดินีคนเดียวที่คืนอยู่อย่างสง่า กลิ่นอายที่นางปลดปล่อยออกมานั้นทรงพลังเกินจะบรรยาย
แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไป!
หลิงฮันไม่ต้องสงสัยก็รู้ว่าถ้าจักรพรรดิต้องการสังหารเขาจริงๆ เขาคงไม่มีโอกาสแม้จะหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ความแตกต่างของระดับพลังของพระเจ้านั้นกว้างใหญ่ ระดับดาราในตอนนี้อยู่ห่างจากจุดที่เขาอยู่หลายขุม
เพียงแต่ว่าแม้นางจะควบแน่นพลังขนาดนั้นก็ยังไร้ผลต่อหินต้นกำเนิดสวรรค์ แผ่นหินไม่แม้แต่จะสั่นไหวแม้แต่น้อย
หลิงฮันรู้ว่าหินต้นกำเนิดสวรรค์จะถูกทำลายได้ก็ต้องด้วยพลังของตัวตนระดับสร้างสรรค์พสิ่ง
“หลิงฮัน…” จักรพรรดินีแห่งดารากล่าวและหยุดไปกลางคัน
หลิงฮันรู้ถึงเจตนาของอีกฝ่าย แม้จะไม่อยากแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก “ข้าน้อยตั้งใจจะมอบแผ่นหินนี้ให้ท่าน องคจักรพรรดินีได้โปรดรับมันไว้ด้วย”
องจักรพรรดินีพึงพอใจมาก แต่นางที่เป็นจักรพรรดินีของจักรวรรดินี้จะร้องขอบางสิ่งบางอย่างจากประชาชนอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร นางครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “พลังบ่มเพาะของเจ้าพัฒนาไปอย่างเร็วมาก ในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นเสาหลักของจักรวรรดิ ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นกองกำลังอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิ หลังจากนี้เจ้าจะได้รับเงินจากจักรวรรดิทุกๆเดือน!”
พรึบ!
เหนือเมืองจักรพรรดิ ธงสัญลักษณ์ของจักรวรรดิเกิดการเปลี่ยนแปลงและปรากฏชื่อของหลิงฮัน
นี่คือค่าชดใช้?
หลิงฮันถอนหายใจในใจ ถ้าหากองค์จักรพรรดินีตัดสินใจเช่นนี้เขาก็ไม่มีทางเลือก แต่ว่าการได้เป็นกองกำลังอย่างเป็นทางการก็ไม่ใช่เรื่องแจ่ หลังจากนี้เขาจะสามารถใช้อำนาจแห่งจักรภพเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ของตัวเองได้ ยิ่งกว่านั้นแล้วในฐานะเจ้าหน้าที่กองกำลังอย่างเป็นทางการ เขาจะไม่ถูกกักพื้นที่เพราะมาจากโลกใบเล็กอีกต่อไป!
หรือก็คือเขาเป็นอิสระแล้ว!