หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรดินี หลิงฮันก็ถูกพาตัวออกไปโดยเหล่าองครักษ์หญิง จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะรู้สึกสนใจหินต้นกำเนิดสวรรค์เป็นอย่างมาก ดังนั้นนางจึงศึกษามันอย่างระมัดระวัง
เมื่อหลิงฮันกลับไปที่สำนัก เขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มคนที่ต้องการพาเขาไปดื่มฉลอง
มันน่าทึ่งมาก!
เขาสามารถสังหารหวูซื่อเหรินที่มีพลังต่อสู้ของระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
“อะไรนะ เจ้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพลทหารระดับเก้า?” หลังจากที่ได้ยินข่าวของหลิงฮัน ทุกคนดูตกใจมาก
แม้แต่หลี่เหว่ยเหว่ย จื่อหยุนเอ๋อและหลินโหยวที่เป็นทายาทของขุนนาง แต่พวกนางก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรนี ในทางทฤษฎีแล้วพวกนางมีสถานะเช่นเดียวกับคนทั่วไป ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครคิดว่าพวกนางมีสถานะเหมือนคนทั่วไป
ในจักรวรรดิ เพลทหารเป็นบุคลากรที่มีค่ามากที่สุด เพราะพวกเขาสามารถใช้พลังแห่งจักรภพเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับตนเองได้ และพวกเขายังสามารถใช้พลังแห่งจักรภพเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ของพวกเขาเองได้เช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาอยู่ในอาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ
นอกจากนั้น ผู้คนที่เป็นพลทหารนั้นเปรียบเสมือนหน้าตาของจักรวรรดิ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเขาแม้แต่คนเดียว
“ตอนนี้คงไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแล้ว” หลินโหยวหัวเราะและตบไปที่ไหล่ของหลิงฮัน “ข้ารู้สึกอิจฉาเจ้ามาก ถ้าเจ้าอยากได้ตำแหน่งสูงกว่านี้ในเวลาอันสั้น เจ้าจะต้องฆ่าศัตรูอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน!”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “มันยากขนาดนั้นเลยรึ?”
“เจ้าคิดว่าไงล่ะ?” หลี่เเหว่ยเหว่ยถาม “สำหรับพ่อข้ามันก็เป็นเหมือนการปอกกล้วยเข้าปาก”
“….นี่เจ้าไม่ได้พูดเพื่อโอ้อวดพ่อของตัวเองใช่หรือไม่?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
“อย่างไรก็ตาม เจ้าอย่างเพิ่งเหลิงเพราะตำแหน่งแค่นั้น” จื่อหยุนเอ๋อกล่าว
หลิงฮันพยักหน้า ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีสถานะสูงกว่าคนอื่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขามีอำนาจพอที่จะทำอะไรก็ได้
แล้วตอนนี้เมื่อหลิงฮันพบผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายหรือแม่ทัพทั้งเจ็ดคน เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
ส่วนพวกที่อยู่ในเงามืด อย่างน้อยสมาคมราตรีนิรันดร์ที่ไม่เคยให้ความสนใจกับจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่ง ตราบใดที่พวกเขาได้ค่าจ้างมากพอ พวกเขาก็จะส่งมือสังหารไปฆ่าให้ แม้จะต้องใช้เวลายี่สิบปีหรือร้อยปีก็ตาม
นั่นเป็นเพราะตัวตนระดับพระเจ้ามีอายุขัยเริ่มต้นแสนปี สำหรับพวกเขาแล้วเวลาสิบปีหรือร้อยปีคงไม่แตกต่างจากสองสามเดือนของคนธรรมดา
ทุกคนดื่มเฉลิมฉลองให้กับหลิงฮันจนมึนเมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุ่ยเยี่ยนยวี่ นางรู้สึกมีความสุขมากที่หลิงฮันได้รับตำแหน่ง โอกาสที่ตระกูลสุ่ยจะยอมรับการแต่งงานของพวกเขาก็จะสูงขึ้น
หลังจากดื่มเฉลิมฉลองกันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันจากไป
หลิงฮันทำตามแผน ในเมื่อตอนนี้เขามีตำแหน่งแล้ว เขาก็ไม่ถูกผูกมัดอีกต่อไปและสามารถเข้าออกที่ใดก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องรายงานตัว
ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะกลับไปที่จักรวรรดิต้าหลิง
เขาจะนำทรัพยากรบ่มเพาะพลังจำนวนมากกลับไปด้วยเพื่อให้พี่น้องสามคนของเขาแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้จะให้พี่น้องทั้งสามคนออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงคือการต่อสู้ไม่ใช่การฝึกฝน
หลิงฮันวางแผนเช่นนั้นเอาไว้ เพราะในปีที่ผ่านมา เฟิงโป๋วหยุนยังไม่ทะลวงผ่านระดับพระเจ้า ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องเตรียมคือทรัพยากรที่ต่ำกว่าระดับพระเจ้า ซึ่งถือเป็นทรัพยากรทั่วไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมีราคาไม่สูงมากนัก
อีกครึ่งเดือน ข้าจะกลับไปที่จักรวรรดิต้าหลิง นั่นเป็นเพราะพาหนะแหวกเมฆาใช้เวลาไม่กี่วันก็เดินทางไปถึงที่นั่นแล้ว
หนึ่งคืนผ่านไป เมื่อหลิงฮันตื่นขึ้นมาเขาก็รู้สึกปวดหัว เมื่อคืนหลินโหยวและหม่าชิงริมไวน์ให้เขาหลายแก้ว ทำให้หลิงฮันมีอาการเมาค้างและรู้สึกปวดหัว
ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อเสียงเคาะประตูดัง หลิงฮันก็กุมขมับและเดินไปเปิดประตูพร้อมกับพูดว่า “ข้าเดินมาแล้ว ข้าเดินมาแล้ว เช้าตรู่แบบนี้เจ้าจะเคาะประตูเสียงดังทำไม?”
เอี๊ยด เมื่อประตูเปิดก็มีหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู ความงามของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่เหว่ยเหว่ยหรือจื่อหยุนเอ๋อ นางคือกู่หลิงยวี่
“ทำไมเจ้าถึงตื่นสายขนาดนี้? รีบไปกันได้แล้ว!”
“ไปไหน?” หลิงฮันถาม
“อาจารย์ของข้าต้องการพบเจ้า” กู่หลิงยวี่ดึงแขนหลิงฮันและพาเขาไป
“อาจารย์ของเจ้าคือ?”
“อืม!” กู่หลิงยวี่พยักหน้า
หลิงฮันรู้สึกจะเป็นบ้า เขาหมายถึง “อาจารย์ของเจ้าคือใคร?” แต่ดูเหมือนว่ากู่หลิงยวี่จะไม่ฟังที่เขาพูดแม้แต่น้อย หรือว่าสมองของนางจะมีปัญหา?
“ตกลงอาจารย์ของเจ้าเป็นใครกันแน่?” หลิงฮันถามอีกครั้ง
“เยี่ยนเซียวเซวียน รองเจ้าตำหนักตันหยวน” กู่หลิงยวี่ตอบกลับ “เร็วเข้า อย่าให้อาจารย์ของข้าต้องรอนาน”
นางแทบจะลากหลิงฮันไปไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
หลิงฮันคิดว่านางเป็นพวกไม่ฟังคนอื่น ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้นางทำใจชอบ โดยไม่ขัดขืน
ทั้งสองคนเดินวนอยู่ในสำนัก และในที่สุดก็เดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มันไม่ได้เป็นสถานที่ใหญ่โตอะไรมากนัก แต่มีกลิ่นบางอย่างหอมโฉยมาจากระยะไกล
กลิ่นหอมของเม็ดยา!
หลิงฮันรู้ทันทีว่ามันเป็นกลิ่นของอะไร เพราะนักปรุงยาทุกคนต้องคุ้นเคยกับกลิ่นพวกนี้ จากนั้นหลิงฮันก็เริ่มอนุมานส่วนผสมของเม็ดยา
กู่หลิงยวี่พาหลิงฮันไปอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้า ก่อนที่นางจะผลักประตูเข้าไป นางก็เห็นประตูเปิดออกพร้อมกับมีชายหนุ่มชุดขาวเดินออกมา
ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่หล่อเหล่ามาก เสื้อผ้าสีขาวยังดูสะอาดสะอ้านไม่มีแม้แต่ฝุ่น
“ศิษย์น้องกู่!” เมื่อชายหนุ่มชุดขาวเห็นกู่หลิงยวี่ เขารีบหันไปมองทันที แต่เมื่อเห็นว่านางมาพร้อมกับหลิงฮัน ทำให้เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจและพูดว่า “ศิษย์น้องกู่ เหตุใดเจ้าถึงมากับเขา?”
“ข้าได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้พาเขามาที่นี่” กู่หลิงยวี่พูดช้าๆ และไม่สนใจอีกฝ่าย
“อาจารย์ต้องการพบเด็กคนนี้งั้นรึ?” ชายหนุ่มชุดขาวดูตกใจ อาจารย์ของพวกเขาคือรองเจ้าตำหนักตันหยวน และเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ด สถานะของเขานั้นเป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างมากขนาดที่ว่ามีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหลายคนต้องการพบเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาด้วย
“เขาคือหลิงฮัน!” กู่หลิงยวี่กล่าว
“โอ้ว เจ้าคือหลิงฮันคนที่ทุกคนต่างพูดถึงอยู่ในตอนนี้งั้นรึ?” สีหน้าของชายหนุ่มชุดขาวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และดูแย่ยิ่งกว่าเดิม
หลิงฮันหันไปมองกู่หลิงหยวี่และพูดว่า “เขาเป็นใคร นี่สมองของเขามีปัญหางั้นหรือ?”
“เขาคือศิษย์พี่ของข้า ชื่อของเขาคือจิวอู่ชี และสมองของเขาไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นอัจฉริยะ!” เห็นได้ชัดว่ากู่หลิงยวี่ไม่รู้ว่าหลิงฮันแค่พูดล้อเล่น และยังคงพูดอธิบายอย่างจริงจัง
“เจ้าโง่!” จิวอู่ชีรู้สึกโกรธมาก