หูเฟยหยินยังคงมีรูปลักษณ์เช่นเดิมและมีนิสัยไร้เดียงสา
นางเป็นคนประเภทเก็บความลับไม่ได้ ตราบใดที่นางรู้สึกดีกับใคร นางก็จะบอกทุกเรื่องอย่างไม่ปิดบัง
และอาจจะเพราะด้วยนิสัยเช่นนั้นของนาง จักรพรรดินีจึงไม่บอกความลับใดๆกับนางหรือไม่ให้นางรู้ความลับใดๆเลย
หลิงฮันถามถึงที่มาของราชินีทั้งแปด แต่หูเฟยหยินกลับรู้เพียงว่าพวกนางเป็นพี่น้องของจักรพรรดินี ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นนางไม่รู้แม้แต่น้อย
ราชินีทั้งเก้ามีต้นกำเนิดแตกต่างกัน แซ่ต่างกันและรูปลักษณ์ต่างกัน มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกนางเหมือนกันคือพวกนางไม่มีบิดาหรือมารดา ราวกับว่าพวกนางนั้นเกิดขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่าและถูกแต่งตั้งเป็นราชินี
แม้แต่เรื่องในอดีตของตัวเองหูเฟยหยินยังจำไม่ได้ ความทรงจำของนางมีเพียงแค่ว่านางอยู่กับจักรพรรดินีโดยที่ไม่มีครอบครัวหรือมรดกสืบทอดใดๆ ซึ่งนางก็ไม่ได้สงสัยหรืออยากรู้เลย
เรื่องทำให้หลิงฮันกับสุ่ยเยียนยวี่ใจเต้นหวาดกลัว โชคดีที่ในรถม้าไม่มีองครักษ์อยู่ ไม่เช่นนั้นหากองครักษ์รู้ถึงเรื่องที่หูเฟยหยินกล่าวถึงจักรพรรดินีในวันนี้ พวกองครักษ์อาจจะลงมือสังหารพวกเขาทั้งสองเลยก็ได้
ถึงแม้จะไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์ แต่ต้นกำเนิดของของเก้าราชินีนั้นดูเหมือนจะลึกลับมาก บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าไปแตะต้อง
ต้องรู้ว่านอกจากหูเฟยหยิน ราชินีอีกแปดคนได้ทะลวงผ่านระดับดาราแล้ว ซึ่งนับว่าน่าอัศจรรย์มาก
ต่อให้เป็นอัจฉริยะเช่นหลิงฮันก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะพบคอขวดที่ไม่สามารถผ่านไปถึงจุดนั้นได้
แปลก… แปลกมาก
หูเฟยหยินนั้นไร้ความกังวล ท่าทีของนางนั้นไม่เหมือนกับทหารที่กำลังจะไปรบแต่ราวกับเป็นเพียงการออกมาเที่ยวนอกเมือง ในรถม้ามีทั้งห้องนอน ห้องครัว หรือกระทั่งสวนเล็กๆ
เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์บิน ความเร็วจึงเชื่องช้ามาก พวกเขาใช้เวลาถึงสองเดือนเต็มในการออกจากอาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะและเข้าสู่พื้นที่ของแคว้นพิรุณบูรพา
ชั่วพริบตาหนึ่ง หลิงฮันรู้สึกว่าอำนาจแห่งจักรภพที่อยู่รอบตัวเขาจางหายไป
โชคดีที่มีเพียงราชินีที่เก้าและเขาที่สามารถใช้งานอำนาจแห่งจักรภพของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะได้ ผลกระทบต่อกองทัพจึงเป็นศูนย์
หลายวันที่ผ่านมานี้หลิงฮันทำการดูดซับแก่นพลังของจ้าวอสูรอย่างขะมักเขม้น การที่พลังบ่มเพาะของจ้าวหลุนและหุเฟยหยินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้สร้างแรงกดดันให้กับเขา ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เขาไม่มีทางพึงพอใจกับความเร็วในการบ่มเพาะตอนนี้
ด้วยการช่วยเหลือของหอคอยทมิฬ ความเร็วในการดูดซับแก่นพลังของเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มจากเป็นระดับภูผาวีขั้นกลางชั้นปลายเป็นชั้นสูงสุดแล้ว
การหลอมเม็ดยาจิตสวรรค์ก็พัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้าจนน่าปวดใจ ตอนนี้เงินของเขาถูกผลาญจนแทบไม่เหลือแล้ว
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่นั้น การทำวัตถุดิบสูญเปล่าชุดเดียวก็เท่ากับสูญเสียผลึกก่อเกิดไปหลายพันก้อน
“คารวะราชินีที่เก้า!” หลังจากที่พวกเขาเข้ามายังแคว้นพิรุณบูรพา เป็นธรรมดาที่ผู้คนตำแหน่งระดับสูงของแคว้นจะปรากฏตัวต้อนรับ
หูเฟยหยินเห็นฉากแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางพูดคุยกับอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยถึงความช่วยเหลือในสงคราม
ในตอนแรกผู้อาวุโสของแคว้นพิรุณบูรพาเกิดความไม่พอใจ ถึงแม้จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจะส่งราชินีมาช่วย แต่พลังของนางก็ยังอ่อนแอเกินไป นางไม่ได้เป็นแม้แต่ระดับสุริยันจันทรา แล้วผู้นำทัพเช่นนี้จะทำอะไรได้บ้าง?
การที่ได้นางมาเข้าร่วมสงคราม แคว้นพิรุณบูรพาไม่เพียงแค่แรงกดดันจากสงครามจะไม่ลดลง แต่พวกเขายังต้องนำกำลังพลมาปกป้องราชินีที่เก้าด้วย ใครจะไม่รู้บ้างว่าเก้าราชินีนั้นเป็นน้องสาวของจักรพรรดินี?
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับราชินีที่เก้า รับประดันได้เลยว่าองค์จักรพรรดินีจะเป็นคนทำลายแคว้นราชสีห์ทองคำหรือแม้แต่ทำลายจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ด้วยมือตัวเอง
นอกจากนั้นหูเฟยหยินก็นำกองทัพมาเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น
แต่เมื่อคิดอีกครั้ง กลุ่มจอมยุทธระดับภูผาวารีเหล่านี้ไม่ใช่จอมยุทธทั่วไป พวกเขาคือเสาหลักในอนาคตของจักรวรรดิและยังเป็นทายาทของขุมอำนาจที่ทรงพลังด้วย ถ้าพวกเขาตกอยู่ในอันตราย ขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาจะยอมอยู่เฉยๆรึ?
เรียกได้ว่าตอนนี้แคว้นพิรุณบูรพามีกำลังสนับสนุนอยู่นับไม่ถ้วน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ผู้อาวุโสของแคว้นพิรุณบูรพาก็หมดห่วง เขารีบให้กองทัพเสริมไปสนามรบทันที หากคนที่ถูกส่งมาตกตายไปบ้าง เมื่อนั้นจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็ต้องส่งกองทัพที่แข็งแกร่งกว่านี้มาแน่
ไม่กี่วันต่อมากองทัพศิษย์จากสำนักสภาสีชาดก็มาถึงชายฝั่งของแม่น้ำขนาดใหญ่ มันคือแม่น้ำนี่ขวางกั้นระหว่างแคว้นราชสีห์ทองคำกับแคว้นพิรุณบูรพา
นี่คือแม่น้ำคลื่นพิโรธ คลื่นของแม่น้ำแห่งนี้มีพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวมาก
มีตำนานกล่าวว่าแม่น้ำคลื่นพิโรธนั้นเกิดจากอำนาจของเจตจำนงแห่งดาบของปรมาจารย์ยุทธ แม้เวลาจะผ่านไปร้อยล้านปีอำนาจของมันก็ยังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะงั้นแม่น้ำแห่งนี้จึงไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วจะย่างกาย การจะข้ามไปได้ต้องมีเรือที่สามารถต่อต้านเจตจำนงดาบและต้องเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขึ้นไป
แม่น้ำแห่งนี้คือเขตกั้นระหว่างแคว้นราชสีห์ทองคำและแคว้นพิรุณบูรพาไม่ให้รุกรานกัน
กองทัพของเหล่าศิษย์ตั้งค่ายพักแรมกันที่นี่ ซึ่งเหล่าศิษย์แต่ละคนล้วนไม่คิดจะไปสุมหัวกับทหารของแคว้นพิรุณบูรพา
เมื่อสามารถเข้าร่วมกับสำนักนภาสีชาดได้ ศิษย์พวกนี้จึงมีศักดิ์ศรีสูงเสียดฟ้า พวกเขาย่อมไม่ลดตัวไปก้มมองทหารเหล่านั้น ต้องรู้ก่อนว่าทหารเหล่านี้นั้นมีเพียงไม่กี่คนที่มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารี พวกเขาส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ ระดับสวรรค์ และระดับก้าวสู่เทวา
หลังจากผ่านไปสองสามวัน กองทัพของทั้งสองแคว้นก็ต้องการจะบุกไปเข่นฆ่าอีกฝ่าย
แต่ก็ทำเช่นนั้นไม่ได้เนื่องจากกองทัพของทั้งสองแคว้นถูกแยกด้วยแม่น้ำที่น่ากลัว หากเจ้าไม่บุกมาหาข้า ข้าก็ไม่ต้องการไปหาเจ้าเช่นกัน
ทางฝั่งของแคว้นราชสีห์ทองคำ ทุกๆวันพวกเขาทำเพียงยิงบอลเพลิงข้ามมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนเล็กๆน้อยๆ แต่ในทางกลับกัน แคว้นพิรุณบูรพานั้นไม่อาจนิ่งนอนใจอยู่เฉยๆ หากพวกเขาไม่รีบลงมืออาณาเขตทางตอนเหนือของแม่น้ำคลื่นพิโรธจะต้องตกเป็นของแคว้นราชสีห์ทองคำเป็นแน่
บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออาณาเขตพื้นที่ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้อำนาจแห่งจักรภพแข็งแกร่ง
ผู้นำของแคว้นพิรุณบูรพากำลังพูดคุยกับหูเฟยหยินเกี่ยวกับการตอบโต้อีกฝ่าย
“ข้าขออนุญาติเข้าพบ” ทันใดนั้นประตูของสถานที่ประชุมก็ถูกเปิดพร้อมกับชายหนุ่มสวมชุดเกราะที่เดินเข้ามา เสื้อเกราะของเขาส่องประกายสีเงิน ภายในหมวกเหล็กเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่หล่อเหลา ผมสีดำของเขายาวสลวยห้อยลงมา
จ้าวหลุน!
ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?
“องค์ราชินี แม่ทัพจ้าวได้มีคำสั่งให้ข้านำกองกำลังเล็กๆมาเข้าร่วมเพื่อรักษาความปลอดภัยขององค์ราชินี” จ้าวหลุนกล่าวขณะที่คุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าราชินีที่เก้า
มุมปากของเขาแสยะยิ้ม โอกาสดีๆเช่นนี้เขาจะพลาดได้อย่างไร?
ท่ามกลางสนามรบ การตายย่อมเป็นเรื่องปกติ และหลิงฮันจะต้องนอนแน่นิ่งอยู่ที่นี่ตลอดไป!