วันนี้คือวันที่จะมีการตรวจสอบต่อหน้าสาธารณชนในข้อห้ากบฏของหลิงฮัน
ช่วงเวลากลางวันกองทัพได้ส่งตัวทหารไปนำตัวหลิงฮันมายังห้องโถงกลางของกองทัพที่มีไว้สำหรับสอบสวนความผิด ที่นี่แต่เดิมแล้วใช้เป็นห้องประลอง ตรงกลางห้องโถงเป็นพื้นเรียบทรงกลมโดยที่ถูกล้อมไปด้วยอัฒจันทร์ขั้นบันไดและไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
ที่นั่งมีเพียงสามที่สำหรับผู้ตัดสิน พวกเขานั่งอยู่ในแท่นที่ยกสูงขึ้นไปอีกเพื่อมองสอบสวนหลิงฮัน ผู้ตัดสินทุกคนที่ดวงตะวันและจันทราอยู่ด้านหลังพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา
หลิงฮันไม่ถูกสวมกุญแจมือเพราะเขาเพียงถูกสงสัยว่าอาจจะเป็นกบฏเท่านั้น
เขายืนอยู่คนเดียวตรงกลางห้องสอบสวนโดยถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนโดยรอบที่ยืนอยู่
ทุกคนล้วนแต่อดสงสัยไม่ได้ว่า ชายหนุ่มที่ถูกจักรพรรดินีเรียกเข้าพบหลายครั้งในหนึ่งปีคนนี้จะจบชีวิตลงในการสอบสวนครั้งนี้จริงๆ?
สุ่ยเยี่ยนยวี่ หลี่เหว่ยเหว่ย จื่อหยุนเอ๋อ สตรีคนอื่นๆรวมถึงสหายของหลิงฮัน หลินยู่ หม่าชิงและเย่เชิงหยุนก็มาเช่นกัน ส่วนจ้าวหลุนกับชาหยวนนั้นพวกเขามาล่วงหน้าก่อนแล้วเพื่อรอดูการแสดงสนุกๆ
“หลิงฮัน เจ้ายอมสารภาพผิดรึไม่?” ผู้ตัดสินทั้งสามคนคือ คงเฉิ่งเหอ กู่เทียนชู หนานเม่ยหยาง เสียงของกู่เทียนชูดังก้องกังวาลและสร้างแรงกดดันไปถึงจิตวิญญาณ
ถ้าเป็นคนอื่นหากถูกถามด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังไปถึงจิตวิญญาณเช่นนี้คงจะสารภาพออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ ที่พวกเขาทั้งสามคนได้ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขาฝึกฝนทักษะทางจิตวิญญาณอย่างเชี่ยวชาญ
แต่จิตวิญญาณของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งและมั่นคง บวกกับแก่นพลังของจ้าวอสูรด้วยแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำจิตวิญญาณของหลิงฮันหวั่นไหว อย่างน้อยก็ต้องเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางที่แข็งแกร่งถึงจะสามารถทำได้
หลิงฮันตอบอย่างสงบนิ่ง “ข้าไม่รู้ว่าข้ามีความผิดใดที่ต้องสารภาพ!”
“ช่างกล้า!” คงเฉิ่งเหอจ้องเขม่นด้วยสายตา “ต่อหน้าการสอบสวนเจ้ายังกล้าเล่นลิ้นอยู่อีก จงรีบสารภาพความเกี่ยวข้องระหว่างเจ้ากับแคว้นราชสีห์ทองมาซะ”
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด จะให้ข้าสารภาพอะไร?”
“เหอะ ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องทำเป็นไม่รู้ ก็ได้ งั้นเรียกพยานมา!” หนานเม่ยหยางสะบัดมือ
พยานเดินลงมาคนแรกคือจ้าวหลุน!
ขณะที่มองอีกฝ่ายเดินลงมาจากอัฒจันทร์หลิงฮันก็อดส่ายหัวในใจไม่ได้ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นบุตรของจอมพลจ้าวที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้ากลับเอาแต่ทำเรื่องที่ลดค่าตัวเอง?
คนที่มีจิตใจคับแคบเช่นนี้การสำเร็จในอนาคตย่อมถูกจำกัด
ทุกคนกล่าวกันเป็นเสียงเดียวกันว่าจ้าวหลุนเป็นอัจฉริยะที่อยู่เหนืออัจฉริยะในหมู่จอมยุทธอายุใกล้เคียงกัน ในอนาคตมีแต่คนคิดว่าเขาจะกลายเป็นตัวตนระดับดารา แต่หลิงฮันมองเช่นนั้น
เขาเคยเห็นตัวตนระดับดารามาพอสมควร ถึงแม้นิสัยอารมณ์ของแต่ละคนจะต่างกัน แต่สิ่งที่พวกเขาทุกคนมีเหมือนกันคือกลิ่นอายราชันที่อยู่เหนือคนทั่วไปและความแน่วแน่ แต่ตัวจ้าวหลุนเขามองเห็นเพียงความอ่อนหัดและใจเสาะ คนเช่นนี้ถูกกำหนดให้มีสามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้สำเร็จแน่นอน
ที่จ้าวหลุนในตอนนี้ยังสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วอย่างแรกเป็นเพราะระดับพลังยังต่ำอยู่ อย่างที่สองคือเขามีบิดาที่ไม่ลังเลจะมอบทรัพยากรทุกอย่างให้กับเขา ไม่เช่นนั้นคนที่มุมมองเช่นเขาไม่มีทางทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราในระยะเวลาหมื่นปีแน่นอน
จ้าวหลุนมองมาที่หลิงฮัน เมื่อเห็นสายตาที่เหยียดหยามจากอีกฝ่ายเขาก็แทบจะปะทุความโกรธออกมา
เจ้าเป็นผู้ต้องหาแถมยังเป็นเพียงจอมยุทธจากโลกใบเล็ก เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเหยียดหยามข้า?
เขาเป็นถึงบุตรของจอมพลจ้าว สถานะของเขาสูงกว่าผู้คนเกินกว่าเก้าส่วนในจักรวรรดิแห่งนี้!
ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้!
จ้าวหลุนแสยะยิ้มแสยะกล่าว “จ้าวหลุนคารวะผู้อาวุโสทั้งสาม!”
ผู้ติดสินทั้งสามเป็นคนของกองทัพ พวกเขามีตำแหน่งเป็นอัศวินของจักรพรรดิ ในห้องโถงแห่งนี้พวกเขาจึงมีสถานะสูงกว่าจ้าวหลุน ต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้จ้าวหลุนจึงต้องยอมลดฐิติลงมา
“ทายาทจ้าวไม่ต้องมากพิธี!” ถึงแม้พวกคงเฉิ่งเหอทั้งสามคนจะมีสถานะสูงกว่า พวกเขาก็กล่าวตอบจ้าวหลุนด้วยน้ำเสียงสุภาพ พวกเขาจะไม่ไว้หน้าบุตรของจอมพลจ้าวได้อย่างไร?
“พวกบัดซบ!” หลี่เหว่ยเหว่ยพึมพำ แต่เสียงของนางไม่ใช่ว่าจะเบาๆ
ในสถานที่เช่นนี้คนที่กล้ากล่าวดูถูกผู้พิพากษาคงจะมีแค่หลี่เหว่ยเหว่ย ชาหยวน จ้าวหลุนและทายาทขุมอำนาจที่ทรงอำนาจอื่นๆ
พวกคงเฉิ่งเหอทั้งสามคนชะงักเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย
คงเฉิ่งเหอกล่าว “ทายาทจ้าว ท่านเป็นหนึ่งในผู้นำกองทัพสำรวจและเป็นคนนำกองกำลังบุกลอบโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำด้วยตัวเอง ช่วยเล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นหน่อยได้รึไม่”
“ได้แน่นอน” จ้าวหลุนกล่าวด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเพื่อเป็นการไว้หน้าผู้สอบสวนทั้งสาม “ข้าได้ปรึกษาหารือกับราชินีที่เก้าและนำกำลังคนข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ…” เขาเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น เขาไม่ได้บิดเบือนเรื่องราวใดๆเพื่อจงใจใส่ร้ายหลิงฮัน
นั่นเพราะหน้าที่นี้ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องทำเอง แต่เป็นหน้าที่ของ ‘พยาน’ คนอื่นๆ
จ้าวหลุนแสยะยิ้ม เจ้าจงใจเอ่ยถึงราชินีที่เก้าหลายต่อหลายครั้งเพื่อประชดหลิงฮัน ขนาดหลิงฮันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนี้นางก็ยังไม่ปรากฏตัว
เจ้ารู้สึกปวดใจรึไม่?
ที่นางไม่ปรากฏตัวก็ไม่แปลก ใครไม่รู้บ้างว่าราชินีทั้งเก้ามีสถานะสูงส่งขนาดไหน พวกนางอยู่เหนือกฎทั้งปวงและมีอำนาจไม่ต่างกับองค์จักรพรรดินี พวกนางไม่มีใครเลยที่แต่งงาน!
ในเมื่อราชินีแปดคนยังไม่ได้แต่งงาน ราชินีที่เก้าก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ราชินีที่เก้าใกล้ชิดกันหลิงฮันเกินไป ซึ่งจักรพรรดินีจะต้องแทรกแซงเรื่องนี้แน่นอน!
ในตอนแรกเขามีความรู้สึกไม่พอใจราชินีที่เก้าอย่างมาก แต่หลังจากที่กลับมาเขาก็ถูกจอมพลจ้าวกล่าวเตือนอย่างเอาเป็นเอาตายว่าห้ามมีความคิดเช่นนั้นกับราชินีที่เก้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นตัวของจอมพลจ้าวเองคงไม่พ้นถูกจักรพรรดินีตัดหัว
การคิดร้ายต่อราชินีเป็นความผิดอันใหญ่หลวง!
ขนาดข้าจ้าวหลุนยังไม่มีคุณสมบัติพอ แล้วมดปลวกจากโลกใบเล็กเช่นเจ้าจะมีสิทธิ์อะไร?
สุดท้ายจ้าวหลุนก็แสดงความคิดของตนเองออกไป “ในตอนนั้นข้าสวมใส่เกราะสมบัติที่บิดาข้ามอบให้เอาไว้อยู่ เมื่อเกราะถูกกระตุ้นใช้งานเต็มที่ข้าจะสามารถป้องกันการโจมตีของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังหลบหนีมาได้อย่างยากลำบากกว่าจอมยุทธของแคว้นราชสีห์ทองคำจะล่าถอยกลับไป”
“ที่ข้าอยากถามก็คือขนาดตัวข้ายังลำบากแทบตายกว่าจะผ่าการไล่ล่ามาได้ แถมกองทัพที่ข้าพาไปด้วยทุกคนก็ล้วนแต่ตกตายด้วยเงื้อมมือของศัตรู แล้วจอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะเพียงภูผาวารีเช่นเจ้าจะสามารถหนีพ้นได้อย่างไร?”
จ้าวหลุนกล่าวเสียงดังและชี้ไปยังหลิงฮัน