จ้าวหลุนหน้าด้านเป็นอย่างมาก เขาไม่ลืมที่จะกล่าวสร้างข้อสงสัยให้กับหลิงฮัน
ที่จริงแทบไม่มีใครรู้เลยว่าเนื่องจากจักรพรรดินีแห่งดาราเป็นคนลงมือเอง แคว้นราชสีห์ทองคำหรือจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ถึงได้ถอนกำลังกลับไปทันที ไม่เช่นนั้นหากผู้นำของทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ทำสงครามต่อกันจริงๆ ก็มีเพียงจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบต่อจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามเท่านั้น
ดังนั้นจ้าวหลุนจึงใช้ประโยชน์จากการที่ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ได้เต็มที่ เพราะอย่างไรกองทัพลอบโจมตีที่เขานำไปนอกจากเขาแล้วไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเล่าเรื่องนี้
แต่เดิมแล้วการนำทัพของเขาครั้งนั้นถือว่าเป็นความสมเหลวครั้งใหญ่ที่ลงมือโดยไม่รู้ข้อมูลลึกตื้นหนาบางของกองกำลังศัตรูก่อนที่จะบุกไปลอบโจมตี แต่จ้าวหลุนกลับใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ช่างเป็นชายที่หน้าด้านยิ่งนัก
“หลิงฮันเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวรึไม่?” หนานเหมยหยางถามหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “อย่างที่จ้าวหลุนกล่าว ข้าเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลาง แต่เพราะข้าอ่อนแอเช่นนี้จึงไม่มีใครสนใจข้าทำให้ข้าหลบหนีมาได้ ยิ่งกว่านั้นที่ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากถามทายาทจ้าวว่า ตัวข้าที่เป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางทำไมถึงได้ถูกเลือกให้เข้าร่วมกองทัพลอบโจมตี?”
“เรื่องนี้…” จ้าวหลุนชะงัก เขาไม่นึกว่าหลิงฮันจะย้อนถามเขาต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้
จะให้เขาพูดออกไปรึว่าข้าตั้งใจจะยืมมือศัตรูเพื่อสังหารเจ้า? หากเขาพูดออกไปคงหนีไม่พ้นถูกทางจักรวรรดิลงโทษแน่นอน นอกจากนั้นในภายภาคหน้าจะยังมีใครกล้าติดตามเขาโดยไม่กลัวว่าวันหนึ่งจะถูกส่งไปตายบ้าง?
“หลิงฮัน เจ้ากำลังเบี่ยงประเด็น!” จ้าวหลุนรีบกล่าว คิดว่าข้าจะยอมถูกหลิงฮันควบคุมงั้นรึ? นี่มันคือการสอบสวนเจ้าหรือข้ากันแน่?
“ถูกแล้ว เจ้าอย่าได้คิดเบี่ยงประเด็น” กู่เทียนชูพยักหน้า แน่นอนว่าเขาต้องพยายามทำให้จ้าวหลุนพึงพอใจ
“หลิงฮัน เลิกหาเรื่องแก้ตัวได้แล้ว มีคนมากมายที่นี่สามารถช่วยยืนยันได้ว่าในวันนั้นเจ้าถูกจับกุมตัวไป เพราะงั้นเลิกปฏิเสธความผิดเสียดีกว่า” คงเฉิ่งเหอกล่าวอย่างเย็นชา
“โอ้ งั้นข้าก็อยากได้ยินแล้วสิว่าข้าถูกจับกุมตัวไปอย่างไร” หลิงฮันยิ้ม
“เบิกตัวพยาน!” คงเฉิ่งเหอแสดงสีหน้าไม่พอใจ เจ้าหนูคนนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ
กลุ่มรุ่นเยาว์เดินเข้ามายังห้องสอบสวน พวกเขาเป็นศิษย์ของสำนักที่เข้าร่วมสงครามกองทัพและถูกจับกุมตัวไป ชคดีที่จักรพรรดินีแห่งดาราปรากฏตัวและลงมือได้ทัน ไม่เช่นนั้นบางทีพยานเหล่านี้คงยังถูกกักขังอยู่ในกรงของศัตรู
สายตาของจ้าวหลุนมองกวาดผ่านและอดแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้ นั่นเพราะก่อนหน้านี้เขาพบเจอกับพยานเพียงแค่สิบกว่าคน แต่ตอนนี้พยานกลับมีถึงราวๆสามสิบคน
ทำไมถึงได้มีมาเพิ่ม?
“ข้าหนิงจื่อหมิง” “ข้าหมิงเล่อ” “ข้าปูฉิง” “ข้า…” พยานแต่ละคนแจ้งชื่อแซ่ของตัวเอง จากแซ่ของแต่ละคนหากผู้อาวุโสของพวกเขาไม่ใช่คนของจอมพลชาก็เป็นคนของจอมพลจ้าว
จ้าวหลุนเข้าใจทันทีว่าชาหยวนก็มีจุดประสงค์เหมือนกันกับเขา
ไม่คาดคิดมาก่อนเลย…
บุตรทั้งสองของจอมพลร่วมมือกันขนาดนี้ หากยังกำจัดมดปลวกจากโลกใบเล็กไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“ข้าเห็นกับตาว่าหลิงฮันถูกจับไปกับพวกข้า แถมยังถูกขังอยู่ในกรงเดียวกับข้าอีกด้วย”
“หลังจากถูกศัตรูนำตัวไปนานสองนาน หลิงฮันก็ไม่กลับมาอีกเลย!”
“หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นสายลับ เขาจะลบหนีจากเงื้อมมือของศัตรูและกลับมาค่ายพักแรมได้อย่างไร?”
“โชคดีที่แคว้นราชสีห์ทองคำกับจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ถอยทัพกลับไปก่อน ไม่เช่นนั้นหากยังก่อสงครามโดยที่มีหลิงฮันเป็นผู้ทรยศอยู่ภายในกองทัพ จักรพรรดิของพวกเราคงไม่รู้ว่าจะได้รับความเสียหายมากมายเพียงใด!”
พยานเหล่านี้พูดโกหกกันคล่องโดยไม่แม้แต่กระพริบตา
ที่ทำการสอบสวนต่อหน้าสาธารณชนก็เพราะต้องการให้พยานเหล่านี้พิสูจน์หลิงฮัน เช่นนี้แล้วใครบ้างจะไม่เชื่อว่าเรื่องที่หลิงฮันทรยศเป็นความจริง?
แน่นอนว่าย่อมมีคนมากมายที่เชื่อ!
“คนทรยศ!” ท่ามกลางฝูงคนที่มาดูการสอบสวน ไม่รู้ใครเป็นคนเอ่ยขึ้นมาคนแรก
“คนทรยศ!” หลังจากนั้นเสียงคนอื่นๆก็เอ่ยถาม ภายในชั่ววินาทีเสียงโห่ก็ดังกระหน่ำราวกับคลื่นทะเล จื่อหยุนเอ๋อและสหายคนอื่นๆเชื่อในตัวหลิงฮัน แต่เสียงของพวกเขาก็ถูกกลบไปด้วยเสียงโห่ร้องอันเกรี้ยวกราด
สุ่ยเยี่ยนยวี่กำหมัดแน่น ตราบใดที่หลิงฮันเข้าไปในหอคอยทมิฬก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะถูกศัตรูจับตัวได้ แต่ถ้าหากเขาเปิดเผยความลับเรื่องอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าใดที่จะไล่ล่าเขา
ถึงแม้หลิงฮันจะมีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาด แต่พลังบ่มเพาะของเขาก็ยังต่ำเกินไปทำให้ผู้อาวุโสซ้ายขวา จอมพลทั้งเจ็ดและตัวตนที่แข็งแกร่งคนอื่นจึงยังไม่สนใจเขา แต่ถ้าหากความลับเรื่องอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดเผน เกรงว่าแม้แต่จักรพรรดินีแหง่ดาราก็คงหวั่นไหว
สถานการณ์ในตอนนี้คือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏหรือถูกตัวตนที่แข็งแกร่งไล่ล่า จะทางเลือกไหนก็แย่ไม่ต่างกัน
ทำไมองค์จักรพรรดินียังไม่ส่งความช่วยเหลือมาอีก? หรือปัญหาเล็กน้อยเช่นนี้ไม่มีค่าพอให้องค์จักรพรรดินีเหลียวมอง?
“หลิงฮัน เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวอีก?” คงเฉิ่งเหอกล่าวเดียวท่าทีดุร้าย
“ข้าไม่มีอะไรจะกล่าว” หลิงฮันส่ายหัว
“หมายความว่าเจ้ายอมรับความผิดแล้วงั้นรึ?” กู่เทียนชูกล่าว
หลิงฮันยังคงส่ายหัว “ข้าไม่มีอะไรจะกล่าวเถียงกับกลุ่มคนโง่งมเช่นเหล่านี้ พวกเขาแต่ล่ะคนต่างพูดโกหกอย่างน้ำไหลไฟดับจนไม่มีช่องว่างให้ข้าแทรก”
“เจ้า!”
“คนทรยศมีสิทธิ์โต้เถียงงั้นรึ!”
“กบฏเช่นเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงโต้แย้งพวกข้า!”
เหล่าพยานต่างรู้สึกหงุดหงิดเมื่อถูกเรียกว่าตัวโง่งมต่อหน้าสาธารณชน
หลิงฮันกล่าวแบบไร้อารมณ์ “ใครทำผิดฟ้าย่อมเป็นตา ลองถามจิตใจที่ใช้ฝึกฝนวรยุทธของพวกเจ้าเอาเองแล้วกัน” เขาโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารโดยควบคุมความรุนแรงเพียงแค่ให้คำพูดฝังลึกไปยังจิตใจเท่านั้น ไม่ได้ใช้โจมตีอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเหล่าพยานก็ใบหน้าซีดขาว หัวใจของพวกเขาบีบรัดทรมานไปถึงจิตวิญญาณ
“หลิงฮัน เจ้ากล้าข่มขู่พยานเชียวรึ!” จ้าวหลุนกล่าว ดวงตะวันและดวงจันทร์ด้านหลังของเขาส่องสว่างปลดปล่อยแรงกดดันของระดับสุริยันจันทราเข้าใส่หลิงฮัน
ร่างของหลิงฮันชะงักหยุดนิ่ง เขาไม่หวาดกลัวแม้แต่กลิ่นอายของระดับวารีนิรันดร์ แต่กลิ่นอายกับแรงกดดันนั้นแตกต่างกัน ซึ่งสิ่งที่กำลังกดขี่เขาอยู่ตอนนี้คือแรงกดดัน
ระดับที่ต่างกันถึงหนึ่งระดับใหญ่นั้นเป็นช่องว่างที่ไม่มีอัจฉริยะคนใดต่อต้านได้ ร่างของหลิงฮันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อทันที ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ กระดูกของเขาส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ทายาทจ้าว เจ้ากำลังบังคับให้ข้าเอ่ยคำสารภาพ?” หลิงฮันไม่ยินยอมและถามกลับอย่างเย็นชา
“ต่อหน้าหยานมากมายเช่นนี้เจ้ายังกล้าโต้เถียง หากข้าบังคับให้เจ้าสารภาพแล้วจะทำไม?” จ้าวหลุนแสยะยิ้ม
“จ้าวหลุน เจ้าทำเกินไปแล้ว!” หลี่เหว่ยเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป
“คุณหนูสี่” เซียงเฉิงหยินรีบใช้หนึ่งมือทำให้หลี่เหว่ยเหว่ยเปิดปากพูดไม่ถนัด เขาที่มีพลังระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดย่อมรั้งหลี่เหว่ยเหว่ยที่มีพลังขั้นต่ำได้ไม่ยากเย็น
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายมีคำสั่งให้ห้ามไม่ให้หลี่เหว่ยเหว่ยเข้าหาใกล้ชิดกับหลิงฮันเท่าที่จะทำได้ เขารู้ว่าหลี่เหว่ยเหว่ยไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่ต่อให้จะถูกอีกฝ่ายเกลียดแค่ไหนขอแค่เขาได้รับใช้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็พอแล้ว
“หลิงฮัน เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าเจ้ายังคงปฏิเสธที่จะสารภาพ พวกเราคงต้องใช้วิธีทรมานเจ้า!” หนานเหมยหยางกล่าวอย่างโหดเหี้ยม