“เหอๆๆ” หลิงฮันหัวเราะ “ก็ดี ข้าอยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะจัดการข้ายังไง!”
“หลิงฮัน ถ้าเจ้าไม่เปิดปากพูด วันนี้เจ้าก็จะไม่มีทางได้กลับออกไปจากที่นี่!”
“การกระทำมีความหมายมากกว่าคำพูด ถ้าเจ้าทำความผิด ก็ต้องยอมรับบทลงโทษแต่โดยดี!”
“ที่จักรวรรดิไม่มีที่ยืนให้กับคนทรยศ!”
เหล่าพยานตั้งสติได้หลังจากถูกหลิงฮันเล่นงานทางจิตวิญญาณ
“เจ้ากบฏไปลงนรกซะ!” ใครบางคนโยนไข่ลงมาจากอัฒจันทร์
‘โพละ’ แน่นอนว่าไข่ไม่โดนตัวหลิงฮันเนื่องจากถูกโล่พลังปราณป้องกันเอาไว้
หลิงฮันชำเลืองมองไปยังรุ่นเยาว์ที่ปาไข้ เมื่อสายตาปะทะกันรุ่นเยาว์คนนั้นก็รีบหดหัวไม่กล้ามองหน้าเขา
รุ่นเยาว์ที่ปาไข่คงเป็นสุนัขของจ้าวหลุนไม่ก็ชาหยวน
หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าการกระทำของรุ่นเยาว์ผู้นั้นเป็นการชี้นำความโกรธของผู้ชมคนอื่น
แน่นอนเลยว่าหลังจากนั้นได้มีผู้คนมากมายที่เตรียมไข่ออกมาเพื่อปาใส่เขา บางคนที่ไม่มีแบ่งมาจากคนอื่นรอบข้าง
ถึงแม้หลิงฮันจะกางโล่พลังปราณเอาไว้ทำให้ไม่ถูกไข่แม้แต่นิดเดียว แต่ที่นี่มีผู้ชมอยู่นับพันคน และผู้คนอย่างน้อยกว่าครึ่งได้ลงมือปาไข่ใส่เขา นี่มันความอัปยศที่สาหัสขนาดไหน?
จ้าวหลุนแสยะยิ้ม เขาไม่สนใจเรื่องสอบสวนความจริงอยู่แล้ว ถ้าเกิดสามารถใช้ข้อหากบฏในการสังหารหลิงฮันก็นับว่ายอดเยี่ยม แต่ถึงไม่สำเร็จแค่หลิงฮันได้รับความอัปยศก็เพียงพอแล้ว ทีนี้เจ้ายังจะเงยหัวเชิดหน้าได้อีกรึไม่?
ครั้งเขาคือผู้ชนะ ชัยชนะเป็นของเขา!
เหอะ แค่มดปลวกที่ไม่มีคนหนุนหลังหรือรากฐานอำนาจใดๆ คิดว่าจะต่อกรกับเขาได้รึไง?
จ้าวหลุนมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาพบว่านางนั้นกำลังกำหมัดแน่นและมีใบหน้าซีดขาว
เหอะ เจ้าไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือข้า!
“ถ้างั้นก็เริ่มการทรมานได้!” กู่เทียนชูกล่าว ด้วยการที่มีพยานมากมายขนาดนี้ ต่อให้เขาใช้วิธีการทรมานก็ไม่ถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุและเป็นไปตามกฎ
ทันใดนั้นก็มีคนสองคนแบกแท่นบดหินขนาดใหญ่เข้ามา
แท่นบดนี้ใช้หินในการบดร่างนักโทษ กระดูกทุกส่วนและกล้ามเนื้อจะถูกทำให้บิดเบี้ยว จอมยุทธระดับพระเจ้านั้นมีพลังใจที่อึดทน ดังนั้นความเจ็บปวดที่ได้รับจึงรุนแรงและยาวนาน
เมื่อเห็นแท่นบดหินนี้ทุกคนก็หน้าเปลี่ยนสี
เหล่าพยานต่างแสยะยิ้ม บางคนที่ยอมกล่าวคำโกหกเช่นนี้เป็นเพราะได้รับคำสั่ง บางคนพวกเขามีความบาดหมางกับหลิงฮันอยู่แล้วและหวังจะให้หลิงฮันหายไปจากโลกนี้เสียที ตอนนี้เมื่อหน้าที่ของพวกเขาสำเร็จจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีความสุข
“ลงมือทำการทรมาน!” กู่เทียนชูปรบมือและกล่าว
“ช้าก่อน!”
จังหวะนั้นเองก็มีสตรีคนหนึ่งเดินเข้ามา นางสวมชุดเกราะทองคำราวกับเป็นเทพธิดานักรบ รอยกายนางเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงอำนาจ
“คะ คารวะองครักษ์สูงสุด!” ผู้พิพากษาทั้งสามรีบลุกขึ้นยืน พวกเขาเดินออกจากด้านหลังโต๊ะและก้มคำนับองครักษ์สตรี
“คารวะองครักษ์สูงสุด!” จ้าวหลุนและชาหยวนเองก็ก้มคำนับเช่นกัน ทั่วทั้งแท่นอัฒจันทร์ก้มหัวลงโดยไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าเงยหน้า
ฉีเชียวเซวี่ย องครักษ์แห่งจักรพรรดินี จอมยุทธณะดับดารา!
ไม่ว่าจะเป็นสถานะไหนของนางก็เพียงพอจะทำให้ทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหาตกตะลึง คนที่มีสถานะทักเทียมกับนางมีเพียงผู้อาวุโสซ้ายขวาเท่านั้น
เพียงแต่ว่าฉีเชียวเซวี่ยนั้นติดตามจักรพรรดินีมานานหลายปี เรียกได้ว่านางเป็นสหายคนสนิทขององค์จักรพรรดิ หรือจะให้พูดก็คือสถานะของนางยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาที่นี่ด้วยตนเองใครบ้างจะไม่หวาดกลัว?
“เงยหน้าได้!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าว นางเป็นสตรีที่งดงามมากคนหนึ่ง แต่ใครจะไปกล้ามองนางกัน ไม่กลัวตายรึยังไง?
ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง เพียงแค่การสอบสวนเล็กๆของกองทัพทำไมถึงได้ดึงดูดความสนใจของตันตนยิ่งใหญ่ที่เป็นดั่งมือขวาขององค์จักรพรรดินี?
“ที่ข้ามาในวันนี้เพื่อประกาศการมอบรางวัลขององค์จักรพรรดินี!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าว สายตาของนางมองไปที่หลิงฮันกับจ้าวหลุน
มอบรางวัลงั้นรึ?
ต้องเป็นจ้าวหลุนแน่ๆ!
ทุกคนเชื่อว่าเป็นเพราะจ้าวหลุนค้นพบแผนการใหญ่บางอย่างของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ในตอนที่บุกลอบโจมตีและเป็นสาเหตุทำให้อีกฝ่ายล่าถอย หากเป็นเช่นนี้ถือว่าจ้าวหลุนสร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง จึงเป็นธรรมดาที่จักรพรรดิจะมอบรางวัลให้เขา
แต่มอบรางวัลในเวลาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการประกาศสั่งตายหลิงฮันรึไงกัน?
ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องสอบสวนลงโทษอีกต่อไปแล้ว!
แม้แต่จ้าวหลุนก็คิดเช่นนั้นและอดแสดงท่าทีดีใจออกมาไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาได้รับรางวัลจากจักรพรรดินีคือการถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับเจ็ด ด้วยความดีความชอบของเขาในครั้งนี้ยศของเขาจะถูกยกระดับเป็นเท่าใดกัน
เขาทีอายุยังไม่ถึงแม้แต่พันปีหากถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับหกจริงๆ จะเรียกว่าเป็นบุคคลที่พิเศษอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าใดที่จะตกตายเพราะอิจฉาเขา
.
ฉีเชียวเซวี่ยนำม้วนคำสั่งออกมา ‘พรึบ’ ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าสีแทงพร้อมกับแรงกดดันที่ทรงอำนาจ
“คารวะองค์จักพรรดินี!” ทุกคนกล่าวคำนับอีกครั้งและคุกเข่าลงต่อหน้าม้วนคำสั่งของจักรพรรดินี
“คำประกาศ…” ฉีเชียวเซวี่ยเริ่มลงมืออ่าน นางเป็นจอมยุทธระดับดารา นางไม่จำเป็นต้องอ่านเสียงดังก็สามารถส่งผ่านคำพูดได้ทั่วถึง
“หลิงฮันถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับเจ็ด!”
*หลิงฮันเคยถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับเก้าตอนที่มอบหินต้นกำเนิดสวรรค์ให้จักรพรรดินีตอนที่ 1053*
พรวด!
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉีเชียวเซวี่ยทุกคนก็สำลักออกมา แต่ละคนตาถลนพร้อมกับอ้าปากกว้างจนแทนจะเอากำปั้นใส่เข้าไปได้
คนที่จักรพรรดินีมอบรางวัลให้ไม่ใช่จ้าวหลุน… แต่เป็นหลิงฮัน!
นะ นะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
หลิงฮันคือคนทรยศไม่ใช่รึ? ไม่ใช่ว่าจ้าวหลุนเป็นคนเปิดโปงแผนการใหญ่ของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์จึงได้รับความดีความชอบรึไง?
ทำไมเหตุการณ์ถึงได้กลับกันแบบนี้?
ทุกคนสับสน องค์รักษ์ฉีแอบอ้างชื่อของจักรพรรดินีมาล้อเล่นรึเปล่า?
ล้อเล่นล้อสาวเจ้าน่ะสิ!
นั่นคือองครักษ์สูงสุดหรือสหายสนิทของจักรพรรดินี!
จักรพรรดินีไม่เอ่ยถามแม้แต่น้อยว่าหลิงฮันเป็นคนทรยศหรือไม่ และการที่นางประกาศมอบรางวัลให้หลิงฮันเช่นนี้ยังไม่ชัดเจนอีกรึไงกัน?
จักรพรรดินีชื่นชอบในตัวหลิงฮัน!
แบบนี้แล้วใครกันจะกล้าประนามหลิงฮันว่าเป็นกบฏ? ใครที่เรียกหลิงฮันเช่นนั้นจะไม่ถือว่าเป็นการไม่เห็นจักรพรรดินีอยู่ในสายตางั้นรึ?
ใบหน้ายิ้มแย้มของจ้าวหลุนพังทลายทันที แม้แต่ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
เขาเป็นบุตรของจอมพลจ้าวที่สูงส่ง! แต่ต่อหน้าจักรพรรดินีสถานะของเขาไม่ต่างกับการผายลม! ไม่ต้องเอ่ยถึงเขาเลย แม้แต่บิดาของเขาจักรพรรดินีก็สามารถลงมือตัดหัวได้โดยไร้ความลังเล
ไม่เช่นนั้นจอมพลทั้งแปดคงไม่เหลือเจ็ด
จักรพรรดินีพึงพอใจในตัวหลิงฮัน แต่เขากลับใส่ร้ายหลิงฮัน ไม่ว่าการกระทำของเขาเป็นการต่อต้านองค์จักรพรรดินีรึไง? ต่อต้านจักรพรรดินีในจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะนี่น่ะรึ? คนที่จะทำเช่นนั้นต้องบ้าจนไม่เกรงกลัวความตายแน่ๆ
จ้าวหลุนรู้สึกว่าตอนนี้เขากลายเป็นคนบ้าไปแล้ว แต่ถึงจะบ้าเขาก็ยังกลัวความตาย