ถ้าพูดถึงคนที่ทะลวงผ่านระดับเยอะที่สุดก็คือติงผิง
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่ในสามเดือนมานี้เขากลับบรรลุผ่านระดับทลายมิติแล้ว เรียกได้ว่าเขาทะลวงผ่านสามระดับใหญ่ ซึ่งนับเป็นเกือบๆสามสิบขั้นย่อย
ต่อให้เป็นบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พัฒนาการที่รวดเร็วเช่นนี้ก็นับว่าตกตะลึง
แต่นอกจากหลิงฮันแล้ว มีใครอีกรึไงที่ครอบครองต้นสังสารวัฏ?
อย่ามองว่าเวลาผ่านไปเพียงสามเดือน แต่ความจริงแล้วเวลาที่ติงผิงใช้บ่มเพาะพลังจริงๆคือเกือบๆเก้าสิบปี! ภายใต้อำนาจของต้นสังสารวัฏคือการบ่มเพาะผ่านการรับรู้จากจิตวิญญาณโดยที่ร่างกายแก่ชราตามเวลาปกติไม่ใช่แก่ขึ้นเก้าสิบเก้าปีอย่างที่บ่มเพาะพลังผ่านจิตวิญญาณ
ติงผิงตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจว่าจะบ่มเพาะพลังไล่ตามอาจารย์ลุงทั้งสามได้ทันและช่วยเหลือปัญหาต่างๆของหลิงฮัน ภาพเหตุการณ์ที่หลิงฮันถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตาเขสตอนเปิดสวรรค์สำเร็จยังคงค้างอยู่ในหัวของติงผิง เชาไม่ต้องการถูกทำให้แยกกับอาจารย์เช่นนี้
ที่ติงผิงพัฒนาการได้รวดเร็วเช่นนี้เป็นเพราะเขาหมั่นเพียร มีพรสวรรค์และทรัพยากร
ในทางกลับกัน หลังจากที่บรรลุระดับพระเจ้าแล้ว พัฒนาการของจักรพรรดิพิรุณ เฮ่อเหลียนเทียนหยุนและคนอื่นๆเป็นไปอย่างช้าลง มีความเป็นไปได้สูงมากที่ติงผิงจะไล่ตามพวกเขาทัน… แค่ไล่ตามทันเท่านั้น
ยิ่งติงผิงพัฒนาได้รวดเร็วหลิงฮันก็ยิ่งมีความสุข เขายิ้มและกล่าว “พี่ชายทั้งสาม เดี๋ยวพวกท่านจะถูกติงผิงไล่ตามทันเอานะ พี่ใหญ่มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะถูกไล่ตามทัน ส่วนพี่สองนั้นมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุด ถ้าติงผิงไม่พบเจอวาสนาที่พิเศษ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ตามพี่สองทัน”
มู่หลงชิงที่เป็นพี่คนที่สามร้องโอดครวญ การที่ผู้อาวุโสถูกรุ่นเยาว์แซงหน้านั้นเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ามาก
ทุกคนอดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้
“อาจารย์ลุงสาม ท่านรอถูกข้าแซงหน้าได้เลย!” ติงผิงกล่าวโดยแบกหินก้อนใหญ่เอาไว้ที่หลัง ดูเหมือนเขาจะชื่นชอบหินใหญ่ก้อนนี้อย่างมาก แม้แต่ตอนหลับเขาก็ยังติดหินเอาไว้ที่หลังจนโดนล้อว่าเป็นเต่า
นอกจากนี้ยังมีอีกคน(?)ที่ที่แข็งแกร่งขึ้นมากเช่นกัน นั่นก็คือจิตวิญญาณศิลา
หลายปีผ่านมาจิตวิญญาณศิลาพัฒนาพลังได้เชื่องช้ามาก จนถึงเมื่อไม่นานนี้มันยังคงมีพลังเพียงระดับทลายมิติ แต่เมื่อหลิงฮันกลับมาและจิตวิญญาณศิลาได้กินศิลาของหอคอยทมิฬ ผ่านไปสองเดือนมันก็หดตัวเป็นก้อนกลมเพื่อจำศีล
แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ จู่ๆมันก็ตื่นขึ้นและมีพลังบ่มเพาะที่เลื่อนขึ้นเป็นระดับพระเจ้า
หลังจากเลื่อนเป็นระดับพระเจ้า จิตวิญญาณศิลาก็สามารถพูดได้แล้ว
เพียงแต่ว่าจิตวิญญาณศิลาไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่จึงทำตัวเหมือนกับพูดไม่ได้ดังเดิม มันชอบที่จะนำหัวไปถูกับขาของหลิงฮันเพื่อประจบ เรื่องนี้ทำให้จักรพรรดิจอมอสูรไม่พอใจ เจ้าไม่ใช่สุนัขเสียหน่อยทำไมต้องทำเหมือนกับเป็นสุนัขด้วย?
โฮ่ง โฮ่ง! เขาเห่าใส่จิตวิญญาณศิลา ทำไมต้องมีคนแย่งหน้าที่ของเขาอยู่เรื่อย เขาไม่ใช่รึไงที่เป็นสุนัขของจริง?
หลิงฮันไม่ได้เพียงช่วยบ่มเพาะพลังให้กับจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆ องครักษ์ของพระราชวังก็ได้เขาช่วยให้พัฒนาพลังให้เช่นกัน เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาในหอคอยทมิฬและบ่มเพาะพลังภายใต้ต้นสังสารวัฏ
และเพราะเหตุนี้พลังของเหล่าองครักษ์พระราชวังจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้จากที่พวกเขามีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานได้ถูกยกระดับให้เป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณภายในเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
“ติงผิง เจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านก่อน อย่างมากก็ไม่เกินเดือนนึงพวกเราจะไปยังจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะด้วยกัน ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาที่นี่อีก” หลิงฮันกล่าวกับศิษย์ของตน
ที่จริงติงผิงไม่ได้อย่างกลับไปบ้านเท่าไหร่ ตระกูลติงไม่ใช่บ้านสำหรับเขา ที่นั่นเป็นเพียงสถานที่ที่เขาเกิดและเคยอาศัยอยู่
แต่ในเมื่ออาจารย์เป็นคนกล่าวเขาก็ไม่กล้าขัดขืนและเตรียมตัวเล็กน้อยเพื่อเดินทางกลับบ้าน
ติงผิงในทุกวันนี้ไม่ใช่ขยะเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เขาเป็นถึงลูกศิษย์ของจักรพรรดิที่ตอนนี้มีพลังบ่มเพาะสูงส่ง ตระกูลติงยังไม่รู้ว่าเขาได้บรรลุระดับทลายมิติแล้ว แต่ด้วยพลังบ่มเพาะระดับตัวอ่อนวิญญาณก่อนหน้านี้ สำหรับตระกูลติงก็นับว่าสูงมากแล้ว
ดังนั้นเมื่อเขากลับตระกูลผิงเขาจึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ก็มีบางคนดูไม่แยแสเล็กน้อยและมีท่าทีแปลกประหลาดทำให้ติงผิงรู้สึกประหลาดใจ
เขารู้ว่าตอนนี้มีขุมอำนาจลับที่กำลังคิดล้มล้างจักรพรรดิต้าหลิงและก่อตั้งอาณาจักรใหม่ขึ้นมา
อาจารย์ของเขาได้เปิดสวรรค์สำเร็จและช่วยทุกคนให้พ้นจากแผนการของห้านิกายโบราณ แถมอาจารย์ยังถูกนำตัวไปเป็นตัวประกันอีกด้วย แต่กลับมีคนบางคนที่เนรคุณคิดจะก่อกบฏในตอนที่อาจารย์ของเขาไม่อยู่!
ไม่รู้ว่าตระกูลผิงเป็นเช่นนั้นหรือไม่ แต่ถ้าเป็นจริงๆ เขาจะลบตระกูลผิงให้หายไปเอง
“โอ้ ติงผิง มาคุยกันหน่อยสิ” ชายชราคนหนึ่งกวักมือเรียกติงผิง ชายชราผู้นี้คือติงฉัง เขาเป็นผู้อาวุโสเก่าแก่ที่มีอำนาจมากในตระกูลผิง
ตอนที่อยู่บนโลกใบเล็กเขาเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานและคิดว่าตนเองคงจะจบชีวิตลงในระดับพลังนี้ แต่เขากลับได้รับวาสนาอย่างไม่คาดคิดจากการเปิดสวรรค์ของหลิงฮัน ภายในสองปีนี้เขาพัฒนาตนเองจนบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณและมีอายุขับเพิ่มขึ้นสองร้อยปี
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ แต่เมื่อเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองร้อยปีจิตใจของเขาก็เริ่มหวั่นไหว
“คารวะท่านปู่เจ็ด” ติงผิงเชื่อฟังหลิงฮัน ถึงแม้เขาจะไม่ชอบตระกูลผิงเขาก็ยังแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสของตระกูล
ติงฉังพยักหน้าแสดงความเป็นผู้อาวุโส ในความคิดของเขาไม่ว่าอย่างติงผิงก็ยังเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูลผิง ดังนั้นติงผิงจึงสมควรแล้วที่จะเชื่อฟังคำพูดของเขา ชายชราชี้ไปยังเก้าอี้ด้านหน้าและกล่าว “นั่งก่อนสิ”
หลังจากติงผิงนั่งลง ชายชราก็กล่าว “ผิงน้อย นี่เป็นเกือบสองปีแล้วที่จักรพรรดิของเขาจากไป”
หัวใจของติงผิงเต้นแรง แต่ใบหน้าของเขายังสงบนิ่งตามที่หลิงฮันสอนเขา ติงผิงพยักหน้าและกล่าว “เป็นอย่างที่ท่านว่า อาจารย์ได้จากจักรวรรดิไปเป็นเวลาสองปีแล้ว”
“ผิงน้อย มีคำกล่าวว่าจักรวรรดิไม่อาจอยู่รอดหากไร้จักรพรรดิ!” ติงฉังยิ้ม ทันใดนั้นแววตาของชายชราก็เปลี่ยนไป
นี่คือความรู้สึกทะเยอทะยานในการโหยหาอำนาจ ชายชรามีท่าทีตื่นเต้นราวกับรุ่นเยาว์ที่พบเจอสาวงามเป็นครั้งแรก
“ท่านปู่เจ็ดหมายความว่าอย่างไร?” ติงผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ติงฉังยิ้มและตอบ “เจ้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของจักรพรรดิ ในตอนนี้จักรพรรดิไม่อยู่เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าสมควรเป็นเจ้าที่จะสืบทอดราชบัลลังก์หรอกรึ?”
‘ตุบ’ ติงผิงลุกขึ้นยืนและกล่าว “ปู่เจ็ด ระวังคำพูดด้วย!”
“ท่าทีเช่นนั้นคืออะไร!” ติงฉังเกรี้ยวกราด เจ้าหนูคนนี้คิดต่อต้านและกล้าใช้คำพูดไร้ความเคารพเช่นนั้นกับเขา
“ปู่เจ็ด ท่านคงเมาแล้ว!” ติงผิงกำลังจะเดินจากไป
“หยุด!” ติงฉังตบโต๊ะ
ติงผิงยังคงเมินเฉยและเดินต่อ
“โอ้ หนุ่มน้อย ท่านปู่ของเจ้าบอกให้หยุดเจ้าไม่ได้ยินรึไง?” จู่ๆก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาขวางทางติงผิงเอาไว้ “การไม่เคารพผู้อาวุโสไม่ใช่นิสัยที่ดีเลยนะ”
ติงผิงจ้องไปยังอีกฝ่าย คนที่ปรากฏตัวเป็นรุ่นเยาว์เช่นกัน อีกฝ่ายมีอายุราวๆยี่สิบห้าปีและห้อยดาบยาวไว้ที่ด้านหลัง ทั่วร่างของคนคนนี้ปลดปล่อยเจตจำนงแห่งดาบที่ทรงพลังออกมา ราวกับว่าเขากับดาบเป็นหนึ่งเดียวกัน
“เจ้าเป็นใคร!” ติงผิงเอ่ยถาม อีกฝ่ายนั้นทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วง ระดับพลังของรุ่นเยาว์ตรงหน้าจะต้องไม่ต่ำกว่าเขาแน่นอน
ระดับทลายมิติ!