“ข้าคือใคร?” รุ่นเยาว์ยิ้ม “ข้าคือจางโม่ ในอดีตข้ามีฉายาว่าราชันดาบน้อย เพียงแต่ว่าที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่ ถ้าข้ากล้าเรียกตนเองว่าราชันดาบข้าคงจะถูกสังหารในไม่กี่ลมหายใจ!”
“นิกายดาบสวรรค์!” ติงผิงกล่าวอย่างเย็นชา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าความโกลาหลในมุมมืดของจักรวรรดิเดินจากอะไร ที่แท้ห้านิกายโบราณก็อยู่เบื้องหลังนี่เอง
ทุกคนในตระกูลร่วมมือกับห้านิกายแล้ว?
ติงผิงรู้ว่าแต่เดิมห้านิกายต้องการจะหลอมพวกเขาทุกคนให้กลายเป็นเม็ดยา ถึงอย่างนั้นกลับยังมีผู้คนที่คิดเนรคุณหันไปให้ความสนับสนุนห้านิกายโบราณ!
“ช่างบังเอิญจริงๆ” จางโม่กล่าว “ที่จริงพวกข้ายังคิดหาทางหลอกให้เจ้ากลับตระกูลอยู่พอดี ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายกลับมาเองแบบนี้”
ติงผิงไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นสามแล้ว นอกจากนี้เขายังมีพลังทำลายที่ทรงพลังและพลังต่อสู้ยี่สิบดาว บวกกับการใช้อำนาจแห่งจักรภพและสมบัติที่หลิงฮันให้เขาติดตัวไว้ เขาไร้ความหวาดกลัวต่อจอมยุทธระดับทลายมิติทุกคน
เขามีท่าทีสงบนิ่งและกล่าว “ข้าไม่มีทางทรยศอาจารย์ของข้า”
“ฮ่าๆๆ สิ่งที่พวกเราต้องการมีอย่างเดียว!” ติงฉังกล่าว “เจ้าเป็นลูกศิษย์ของหลิงฮัน ถ้าจะกล่าวถึงการสืบทอดบัลลังก์เจ้ามีสิทธิ์อันชอบธรรม!”
ติงฉังตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ เขาไม่เคยคาดคิดว่าวันหนึ่งเขาจะมีโอกาสได้กลายเป็นผู้นำของจักรวรรดิ
เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้มังกรชราใต้หว่างขาของเขากลับมามีชีวิตชีวา เขารู้สึกอยากจะหาสตรีสักคนมาช่วยปลดปล่อยเหลือเกิน
“ช่างเป็นคนที่โง่เสียจริง!” จางโม้ใช้ฝ่ามือแทนดาบปลดปล่อยปราณดาบออกมา ทันใดนั้นศีรษะของติงฉังก็ถูกตัดขาด ‘ฉัวะ’ โลหิตกระฉูดออกจากลำคอลอยขึ้นด้านบน
หัวของติงฉังร่วงลงสู่พื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าจางโม้สังหารเขาทำไม ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นพรรคพวกกันรึยังไง? ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะยึดครองจักรวรรดิต้าหลิงฮันด้วยกันรึไง?
ติงผิงไม่รู้สึกสงสาร ชายคนนี้เป็นคนทรยศหลิงฮัน เขาไม่ลงมือสังหารเขาด้วยตัวเองก็ดีแค่ไหนแล้ว ติงผิงส่ายหัวและกล่าว “ปู่เจ็ด ท่านพยายามซ่อนเสือไว้ข้างกายเอง พวกเขาแค่ต้องการใช้ท่านเพื่อให้พาข้ากลับมาเท่านั้น”
แววตาของต้าฉังส่องประกายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนก่อนจะสิ้นชีวิต
เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปได้อีกสองร้อยปีแท้ๆ และด้วยสายใยความเป็นญาติกับต้าผิง เขาเคยคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุระดับก้าวสู่เทวาหรือระดับสวรรค์ด้วยซ้ำ เพราะอย่างไรที่นี่ก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทรัพยากรสำหรับบ่มเพาะพลังของระดับพลังของมนุษย์ไม่นับว่าล้ำค่าหายาก!
แต่เขากลับทะเยอทะยานเกินขีfจำกัดของตัวเองและราคาที่เขาต้องจ่ายก็คือชีวิต
“ส่วนเจ้า จะยอมเชื่อฟังแต่โดยดีหรือจะใช้กำลัง?” จางโม่กล่าว
เขาเป็นอัจฉริยะที่บรรลุระดับทลายมิติก่อนที่หลิงฮันจะเปิดสวรรค์ ในช่วงเวลาสองปีบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาได้บ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าและขัดเกลาพลังต่อสู้จนถึงสิบห้าดาว
นี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขาดังนั้นเขาจึงยังไม่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแต่เลือกขัดเกลาพลังต่อสู้ต่อไปให้ถึงยี่สิบดาว
ติงผิงหัวเราะและกล่าว “ใครอ่อนแอหรือแข็งแกร่งกว่ากัน เมื่อได้สู้เดียวก็รู้!”
“เหอๆ ข้อมูลที่ได้มาผิดพลาดสินั ข้าไม่นึกเลยว่าเข้าจะบรรลุระดับทลายมิติได้รวดเร็วเพียงนี้!” จางโม่ยิ้ม “เจ้าเหมือนกับอาจารย์ของเจ้าไม่น้อย บ่มเพาะพลังได้รวดเร็วจนน่าโมโห!”
ถ้าพวกเขาสามารถสังหารหลิงฮันได้ตั้งแต่แรง ทวีปฮงเทียนในตอนนี้คงจะยังอยู่บนโลกใบเล็กเพื่อรอให้ห้านิกายโบราณลงมือหลอมเป็นเม็ดยา
หลังจากนั่นพวกเขาก็ยังขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ใช่ดาวดวงนี้แต่เป็นที่ตั้งรากฐานของห้านิกายโบราณ!
ในดาวดวงนี้พวกเขาไม่ได้รับทรัพยากรบ่มเพาะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่นิดเดียว พวกเขาราวกับว่าใช้ชีวิตอยู่ที่ดินแดนรกร้างอันแสนสิ้นหวัง! เพราะงั้นหลังจากเวลาผ่านไปเกือบสองปีพวกเขาจึงตัดสินใจวางแผนยึดครองจักรวรรดิต้าหลิง
“เจ้าจะลองดูก็ได้!” ติงผิงกำหมัดทั้งสองข้าง ตั้งแต่บรรลุระดับทลายมิติเขาก็ยังไม่เคยสู้กับจอมยุทธระดับเดียวกันมาก่อน ถึงแม้หลิงฮันจะยับยั้งพลังบ่มเพาะให้เท่ากับเขา แต่อาจารย์ของเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่เขาสู้ด้วยแล้วหมดหวัง
“โอ้ ขนาดความมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นนั้นเจ้ายังเหมือนกับอาจารย์ของเจ้าจนน่าหงุดหงิดยิ่งไปอีก!” จางโม่แสยะยิ้ม เขามือขึ้นมาสะบัด ปราณดาบหลายสิบเล่มพุ่งเข้าใส่ติงผิง
ติงผิงไม่เกรงกลัว เขากำหมัดแน่นแหละปล่อยออกไป
ตูม!
พลังปราณถูกบีบอัดกลายเป็นโล่ ‘พรึบ’ ปราณดาบที่พุ่งเข้าใส่โล่ถูกทำให้สลายไป
“หืม?” จางโม่ตกตะลึง พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายดูแล้วทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
แค่ระดับทลายมิติขั้นสามทำไมถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้?
“แม้ข้าจะเทียบอาจารย์ไม่ได้ แต่แค่จัดการเจ้าไม่นับว่าเป็นปัญหา!” ติงผิงส่งเสียงในลำคอ ร่างของเขาเกิดเสียงกล้ามเนื้อบีบรัด
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แต่เขาก็ได้รับการถ่ายทอดทักษะกายาเจ้ามังกรทรราชบวกกับร่างกายที่ทนทานมาแต่กำเนิด ด้วยสองสิ่งนี้ทำให้เขาเขามีพลังทัดเทียมกับระดับทลายมิติขั้นเก้าในขณะที่เขามีพลังระดับทลายมิติขั้นสาม ไม่ต้องพูดถึงพลังต่อสู้ของเขาที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านี้อีก
จางโม่เกรี้ยวกราด เขาเกิดมาในยุคสมัยเดียวกับหลิงฮันทำให้เขาถูกหลิงฮันเหยียบย่ำ และตอนนี้ลูกศิษย์ของอีกฝ่ายกลับกล้าพูดว่าจะจัดการเขาได้โดยไม่มีปัญหางั้นรึ?
ช่างอวดดี!
เขาดึงดาบออกมาและกล่าว “เจ้าหนู เจ้าคงบ้าไปแล้วที่คิดว่าเหนือกว่าข้า!”
“ไม่ได้บ้า แต่ข้ามั่นใจ!” ห้ามหวั่นเกรงต่อศัตรูตรงหน้า นี่คืออีกสิ่งที่หลิงฮันสอนเขา ความขี้ขลาดกับรักชีวิตนั้นต่างกัน ถ้ารู้ว่าตนเองกับศัตรูห่างชั้นกันเกินไปค่อยหาทางหนี
“น่าหงุดหงิดยิ่งนัก!” จางโม่เค้นเสียงกล่าวและกวัดแกว่งดาบโจมตี
จางโม่ลงมืออย่างไม่ลังเลล ที่นี่คือตระกูลติงหรืออะไรสักอย่างสินะ? ดาบของเขาปลดปล่อยรัศมีดาบออกมายาวร้อยฟุตก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง
ติงผิงคำราม “ออกไปสู้กันข้างนอก!”
จางโม่ไม่แยแส ในสายตาของเขา ไม่ว่าอย่างไรผู้คนที่นี่ก็ยังเป็นมดปลวกของโลกใบเล็กที่แต่เดิมเคยเป็นวัตถุดิบสำหรับหลอมเป็นเม็ดยา ตอนนี้ต่อให้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่แยแส
‘ตูม’ รัศมีดาบกวาดผ่านทั่วบริเวณ บ้านทั้งหลังถูกบดขยี้ หลายชีวิตที่อยู่ข้างในตกตาย
“บัดซบ!” ติงผิงคำรามและปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมาและเข้าปะทะทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสังหารหมู่ตามใจชอบ