ตอนที่ 1094 นายน้อยอู๋เฉียน
“อะไร พวกเจ้าคิดจะเข้ามายุ่งธุระของท่านปู่ของพวกเจ้าอย่างนั้นรึ!” ชายคนหนึ่งหันหน้ากลับมาและตะโกนใส่ชายหนุ่มผมเขียว
“สามห้าว เจ้ากล้าพูดจาแบบนั้นกับนายน้อยอู๋ซือได้เยี่ยงไร!” ในหมู่ชายหนุ่มพวกนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งกระโจนออกมาและพูดว่า “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เขาโจมตีด้วยหอก
ชายร่างใหญ่รีบยกดาบขึ้นมาป้องกัน ปัง ปัง ปัง หลังจากรับการโจมตีอยู่สามกระบวนท่า ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดขาว
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงทั้งคู่ แต่พลังต่อสู้ของเขาอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายมาก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตกใจ และถูกฝ่ายตรงข้ามกระหน่ำโจมตีด้วยหอกด้วยจิตสังหารที่เดือดพล่าน ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังคลืบคลานเข้ามา
แข็งแกร่งมาก!
ชายร่างใหญ่เริ่มตื่นตระหนก เขารีบเค้นพลังทั้งหมดออกมาและร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่สูงสามฟุต
ปัง เขากระแทกฝ่ามือไปที่หอก แต่เหมือนกับว่าร่างกายของเขาไม่มีโลหิตมาหล่อเลี้ยง ฝ่ามือของเขาไม่มีโลหิตไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย แล้วใช้อีกมือหนึ่งแกว่งดาบไปที่ชายหนุ่มที่ใช้หอก
ชายหนุ่มที่ใช้หอกช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ เขารีบดึงหอกกลับมาอย่างรวดเร็วและใช้ปัดดาบ จากนั้นเขาก็พูดว่า “เจ้าไม่ได้ขยายร่าง แต่แค่ทำให้ร่างกายได้รับการเติมเต็มและดูใหญ่ขึ้นเท่านั้น ดังนั้นร่างกายที่ใหญ่โตจึงไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของเจ้า หอกของข้าจึงทำอะไรเจ้าไม่ได้”
“ถึงแม้เจ้าจะรู้ความจริง แล้วมันทำไม?” ชายร่างใหญ่หัวเราะ “ตอนนี้ข้ามีร่างกายที่ใหญ่โต เจ้ายังต้องการที่จะโจมตีข้าอีกงั้นรึ? แล้วเจ้ารู้หรือว่าร่างที่แท้จริงของข้าอยู่ตรงไหน?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าร่างที่แท้จริงของเจ้าอยู่ตรงไหน ต่อหน้าหอกวายุหิมะของข้า แค่การโจมตีเดียวชีวิตของเจ้าก็ถึงจุดจบแล้ว!” ชายหนุ่มที่ใช้หอกเริ่มตั้งท่า ทันใดนั้นอักขระศักดิ์สิทธิ์บนหอกก็ส่องแสงและมีกระแสพลังปราณที่หนาวเย็นอันไร้ที่สิ้นสุดไหลออกมา ราวกับว่าเขาต้องการเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นดินแดนแห่งน้ำแข็ง
ช่วยไม่ได้ที่ชายหนุ่มร่างใหญ่จะตัวสั่นและกัดฟัน ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจและพูดว่า “สี่…หรือว่ามันจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่!”
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มผู้ใช้หอกจะเคารพเชื่อฟังคำสั่งชายหนุ่มผมเขียว แต่เขาเป็นแค่ “ผู้ติดตาม” แต่กลับมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ นี่เป็นเรื่องบ้าอะไรกัน? ถ้างั้นชายหนุ่มผมเขียว…จะมีภูมิหลังที่น่าตกตะลึงแค่ไหน
“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว!” ชายร่างใหญ่อีกคนกล่าว “หากทั้งสองคนเป็นสหายของเจ้า โปรดยกโทษให้พวกเราด้วยเถิด!”
ชายหนุ่มที่ใช้หอกหันหน้าไปมองชายหนุ่มผมเขียว อีกฝ่ายเพียงแค่แสดงรอยยิ้มที่หนาวเย็นออกมาและพูดว่า “กล้าที่จะทำเรื่องชั่วร้ายกับหยกที่งดงาม แต่ยังต้องการให้ข้าไว้ชีวิตอีกงั้นรึ?” นี่ทำให้ชายหนุ่มที่ใช้หอกเข้าใจทันทีและจะโจมตีชายร่างใหญ่ทั้งสี่คนพร้อมกัน
ตอนนี้เขาแข็งแกร่งมาก หอกของเขาทำให้บริเวณรอบข้างกลายเป็นดินแดนน้ำแข็ง พลังของหอกวายุหิมะของเขาเทียบได้กับระดับภูผาวารีขั้นสูง บวกกับพลังต่อสู้ของเขาเอง จึงเทียบได้กับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสองคน
แม้อีกฝ่ายจะมีสี่คน แต่เขาก็ยังคงเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบ จากมุมมองของเขา เขาสามารถสังหารชายร่างใหญ่ทั้งสี่คนได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า จอมยุท แต่อาวุธนั้นแตกต่างกัน เพราะมันสามารถส่งต่อให้คนอื่นได้หลังจากที่ยกระดับมันจนแข็งแกร่ง
นี่ทำให้หลิงฮันคาดหวังมากขึ้นว่าดาบอสูรนิรันดร์จะแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อเขายกระดับพลังของมันจนถึงขีดจำกัด
“อะไรกัน!”
หลังจากนั้นไม่นาน ชายร่างใหญ่ทั้งสี่คนก็ถูกสังหารจนหมด และชายหนุ่มที่ใช้หอกก็ลดอาวุธลงและเดินกลับไปหาชายหนุ่มผมเขียวด้วยความเคารพ นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ต้องทราบก่อนว่าชายหนุ่มที่ใช้หอกมีพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเหมือนเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่เขากลับเป็นได้แค่ผู้ติดตาม
ชายหนุ่มผมเขียวเดินเข้ามาใกล้หลิงฮันและยิ้มให้กับสุ่ยเยี่ยนยวี่พร้อมกับพูดว่า “ความงามของเจ้า ทำให้ข้าตกตกลึงยิ่งนัก”
หลิงฮันส่ายหัวอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเขาจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
ภรรยาของเขาเป็นเหมือนตัวหายนะ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีคนเข้ามาทัก ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ได้มีสถานะที่ต่ำต้อยอะไรเลย ในอดีตเป็นจ้าวหลุน และตอนนี้เป็นชายหนุ่มผมเขียวที่ดูเหมือนว่าจะมีภูมิหลังไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวหลุน
“ถ้าเจ้ามาเพื่อพูดกับภรรยาข้า โปรดอย่าได้เข้ามาใกล้!” หลิงฮันอ้าแขนกัน
“สามห้าว!” ชายหนุ่มที่ใช้หอกกระโจนออกมาทันที และชี้หอกยาวไปที่หลิงฮัน
“ต้าต่าน อย่าเพิ่งรีบร้อน!” ชายหนุ่มผมเขียวพูดด้วยรอยยิ้มและยื่นมือกดปลายหอกลง “ข้าเซี่ยอู๋เฉียน จากดาวต้าจาง จักรวรรดิราชวงศ์ป้าเซี่ย”
ชายหนุ่มที่ใช้หอกมีชื่อว่าต้าต่าน เขารีบลดหอกลงทันทีและพูดด้วยความเคารพ “ขออภัยนายน้อย โปรดยกโทษที่ข้าทำตัวไร้ซึ่งมารยาทด้วย!”
เซี่ยอู๋เฉียนโบกมือและพูดกับหลิงฮันว่า “ข้าควรเรียกพวกเจ้าสองคนว่าอะไรดี?”
“ข้าหลิงฮัน ส่วนสุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นภรรยาของข้า” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของเซี่ยอู๋เฉียนกลายเป็นมัวหมองทันทีเมื่อได้ยิน เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนใดที่งดงามและมีเสน่ห์เท่าสุ่ยเยี่ยนยวี่มาก่อน
ด้วยความงดงามของนาง ทำให้เขาตกหลุมรักและคิดอยากจะครอบครอง แต่นางมีเจ้าของแล้ว?
เขาจ้องมองหลิงฮันไม่หยุด และอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางเยาะเย้ย ชายหนุ่มคนนี้น่าหรือที่ได้ครอบครองหยกเม็ดงามเช่นนาง? เขาแสยะยิ้ม คนที่มีตาทุกคนสามารถแยกแยะได้ว่าเขากับหลิงฮันใครมีดีมากกว่ากัน
โดยธรรมชาติแล้ว เขามั่นใจมากว่าตัวเองมีดีกว่าหลิงฮัน
– เขาเป็นบุตรชายคนที่หกสิบเจ็ดของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ป้าเซี่ย ถึงแม้เขาจะมีอายุน้อยที่สุด แต่เขาก็เป็นลูกหลานที่โดดเด่นที่สุด เขามีอายุแค่ห้าร้อยเจ็ดปีเท่านั้น แต่ก็มาถึงระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาคยถูกส่งไปยังโลกใบเล็กตอนที่อายุสี่สิบปี และประสบความสำเร็จในการเปิดสวรรค์ ทั้งยังฝึกฝนถึงขั้นสมบูรณ์ทุกระดับพลัง
เขาเต็มไปด้วยความคาดหวังอันแรงกล้าที่จะได้เป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
“พวกเจ้าสองคนสถานที่แห่งนี้เป็นที่ไม่รู้จัก และอาจมีอันตรายอย่างมากรอคอยอยู่ ทำไมพวกเราไม่ร่วมเดินทางไปด้วยกันล่ะ?” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จำเป็น!”
แน่นอนว่านางรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้นางพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาให้กับหลิงฮันและไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเขา
พวกเขาทั้งสองคนเริ่มปลีกตัวออกไปทันที แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มที่ใช้หอกก็ก้าวไปข้างหน้าและหยุดพวกเขาเอาไว้
“ต้าต่าน เจ้าคิดจะทำอะไร!” เซี่ยอู๋เฉียนตะโกน
ชายหนุ่มที่ใช้หอกรีบถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งและพูดว่า “ข้าขออภัยนายน้อยด้วยที่ทำอะไรโดยพละการ!”
“แม่นางสุ่ย แล้วพวกเราจะพบเจอกันอีก!” เซี่ยอู๋เฉียนยิ้มด้วยความมั่นใจ
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่พูดตอบโต้อะไร และเดินจากไปพร้อมกับหลิงฮัน
“นายน้อย!” ชายหนุ่มที่ใช้หอกดูสับสนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านายน้อยตกหลุมรักหญิงสาวคนนั้น แต่ทำไมเขาถึงปล่อยนางไป? ด้วยตัวตน สถานะและพรสวรรค์ของนายน้อยจะไม่มีหญิงสาวคนใดตกหลุมรักเขาได้อย่างไร?
“เจ้าไม่จำเป็ต้องเข้าใจ!” เซี่ยอู๋เฉียนแสดงรอยยิ้มที่มีเล่ห์นัย
ผู้หญิงที่ใจง่ายมันจะไปสนุกอะไร? คิดว่าเขาขาดแคลนสาวงามอย่างนั้นหรือ?
แต่หญิงสาวที่งดงามและมีเสน่ห์อย่างสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เหมือนกับไวน์ที่ต้องลิ้มรสอย่างช้าๆ ไม่เพียงแค่เขาจะต้องทำความรู้จักกับอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ต้องทำให้เขาอยู่ในใจของอีกฝ่ายด้วย
“แล้วเราจะได้พบกันโดยบังเอิญ!” เขาโบกมือและพูดว่า “ตามพวกเขาไป!”