ภายในแรกกดดันดังกล่าวมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังยืนหยัดไหว
พวกเขายังคงกัดฟันสู้และไม่มีใครยอมแพ้
ด่านที่เจ็ด!
ความเร็วของเซี่ยอู๋เฉียนลดลงอย่างกระทันหัน จนแทบจะหยุดนิ่ง
ค่ายอาคมรูปปั้นหินไม่ได้พูดเกินจริงอย่างที่หลิงฮันคิด มันอาจมีไว้สำหรับอัจฉริยะระดับสิบดาวก็เป็นได้
ทุกคนเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ยากขึ้น และเริ่มสิ้นหวัง เพราะนี่เป็นแค่ด่านเจ็ดเท่านั้น และถึงแม้พวกเขาจะผ่านมันไปได้ แต่ก็ยังมีอีกสามด่านรออยู่ข้างหน้า ซึ่งจะต้องยากกว่านี้อย่างแน่นอน
หากอิงตามความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของรูปปั้นหิน ถ้าเป็นด่านสิบความแข็งแกร่งของมันอาจอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลายหกดาว
อย่าว่าแต่จำนวนหลายหมื่นตัวเลย แค่พวกมันตัวเดียวก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับเซี่ยอู๋เฉียนได้แล้ว
หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ การคาดเดาของเขาไม่ผิด ค่ายอาคมรูปปั้นหินมันจะต้องมีไว้สำหรับอัจฉริยะสิบดาวอย่างแน่นอน
แต่พลังป้องกันและความยืดหยุ่นของร่างกายจะช่วยให้เขาผ่านค่ายอาคมรูปปั้นหินนี้ได้หรือไม่?
ตอนนี้หลิงฮันไม่เก็บเรื่องพวกนั้นมาคิดให้รกหัว นั่นเป็นเพราะระดับพลังของเขาต่ำกว่าคนอื่น ถ้าเขาสามารถยกระดับกายหยาบได้อีกขั้นเทียบเท่ากับแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้า เขาก็จะสามารถอาละวาดที่นี่ได้อย่างเต็มที่
แต่เรื่องนี้เองที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ทั้งที่ระดับพลังของหลิงฮันตามหลังเซี่ยอู๋เฉียนตั้งหกขั้นเล็ก แต่ก็ยังตามอีกฝ่ายได้ทัน นี่ถ้าเขาอยู่ในระดับเดียวกับเซี่ยอู๋เฉียน ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้ด้วยมือข้างเดียวหรอกหรือ?
หลิงฮันยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดยมุ่งเน้นไปที่การป้องกันเป็นหลัก การโจมตีจากรูปปั้นหินยากที่จะหลบ แม้ว่าร่างกายของเขาจะมีบาดแผลมากมาย แต่เมื่อโคจรทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ บาดแผลของเขาก็หายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
อีกไม่กี่ก้าวต่อมา หลิงฮันก็แซงหน้าตู่อันที่เป็นอันดับสี่
เมื่อเขาถูกหลิงฮันแซง ตู่อันเผยสีหน้าไม่พอใจ แต่หลังจากที่ขบคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็ตัดสินใจที่จะถอนตัว
แม้จะไปได้ต่อ ทำไมเขาจะต้องเปิดเผยไพ่ลับต่อหน้าทุกคนด้วย?
มันเป็นการกระทำที่ไม่คุ้มค่า
เขาเพียงแค่ยอมแพ้และถอนตัวไปอยู่ด้านข้าง
หลังจากนั้นไม่นาน หลิงฮันก็แซงซูจิงและกลายเป็นอันดับสาม อย่างไรก็ตาม อันดับสามของเขาก็กลายเป็นอันดับโหล่อย่างรวดเร็ว เพราะซูจิงเองก็เลือกที่จะยอมแพ้
มันน่าเหลือเชื่อมาก
ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าหลิงฮันจะสามารถเป็นอันดับหนึ่งได้หรือไม่? ถ้าเป็นตอนแรกพวกเขาคงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ไร้สาระที่สุดในโลก แต่ตอนนี้เขามีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่ง
ใครจะคิดกันล่ะว่าจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
หลังจากนั้น หลิงฮันก็เริ่มตามเส้าซือซือทัน
ขณะต่อสู้ นางหันมามองหลิงฮันด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ข้าเส้าซือซือ ข้าควรเรียกพี่ชายว่าอะไรดี?”
นางเป็นคนที่งดงามมากอยู่แล้ว และรอยยิ้มนั่นทำให้นางงดงามยิ่งขึ้นไปอีก
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “หลิงฮัน”
“พี่ชายหลิง ข้าขอพูดคุยกับท่านทีหลังได้หรือไม่?” เส้าซือซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนได้อยู่แล้ว” หลิงฮันพยักหน้า
เขาเดินผ่านเส้นซือซือไป และนางก็เลือกที่จะถอนตัวเหมือนกับสองคนก่อนหน้านี้และเดินออกจากค่ายอาคมรูปปั้นหิน
ตอนนี้เหลือแค่สองคนเท่านั้นที่ยังคงแข่งขันกันอยู่
ในความเป็นจริงเซี่ยอู๋เฉียนอยากจะยอมแพ้ไปนานแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไร จะยอมแพ้ช้าหรือเร็วก็ไม่แตกต่างกัน แต่เขาจะปล่อยให้หลิงฮันตามทันได้อย่างไร?
เขาแบกความภาคภูมิใจเอาไว้และกัดฟันเดินหน้าต่อ
ด่านที่แปด!
ความแข็งแกร่งของรูปปั้นหินเพิ่มขึ้นอีกครั้งและมีอักขระศักดิ์สิทธิ์เจ็ดแถวเปล่งประกายอยู่ที่หมัดของพวกมัน พลังทำลายล้างจะต้องน่าทึ่งอย่างแน่นอน
“อั๊ก!” เซี่ยอู๋เฉียนกระอักเลือดเป็นครั้งแรก อัจฉริยะอย่างเขาจะมาลงเอ่ยเช่นนี้ได้อย่างไร? ความแข็งแกร่งของรูปปั้นหินไม่ได้อ่อนแอกว่าเขามากนัก แต่พวกมันหลายสิบตัวโจมตีพร้อมกัน เกือบทำให้เขาถูกจัดการ
ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นหลิงฮันแซงหน้า
“อั๊ก!” เขากระอักเลือดออกมาอีกครั้งด้วยความโกรธ
คนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขากำลังแซงหน้าเขา นี่ทำให้ความภาคภูมิใจในตัวเองของเขาพังทลายทันที
“หึ่ม!” เขาปลดปล่อยจิตสังหารออกมาและต้องการจะโจมตีใส่หลิงฮัน แต่มีรูปปั้นหินมากเกินไป ทำให้เขาไม่มีโอกาสลงมือ
หลิงฮันหันกลับไปมองและเห็นว่าเซี่ยอู๋เฉียนไม่ลงมือ แต่ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่สนใจและหันหลับมาจดจ่อการต่อสู้ตรงหน้า
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ไม่อยากยอมแพ้
เขาเริ่มใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์แรงโน้มถ่วง ทำให้รูปปั้นหินพวกนั้นถูกกดทับ และเขาก็ใช้โอกาสนี้วิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
มันได้ผลมาก นั่นเป็นเพราะรูปปั้นหินพวกนั้นมีดีแค่พลังโจมตีและพลังป้องกันเท่านั้น
“หึหึ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะต้องผ่านค่ายอาคมรูปปั้นหินได้อย่างแน่นอน”
“เหลืออีกแค่สองด่านเท่านั้น”
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง แม้กระทั่งเซี่ยอู๋เฉียนที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะก็ยังเป็นฝ่ายตามหลังหลิงฮัน เขาไม่สามารถตามอีกฝ่ายที่เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นได้ทัน นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
หลิงฮันยังคงเร่งความเร็วขึ้น รูปปั้นหินพวกนั้นไม่สามารถหยุดเขาได้ มันทำได้แค่ทิ้งรอยบาดแผลและโลหิตบนร่างกายของเขาเท่านั้น แต่เท้าของเขาก็ยังคงไม่หยุดวิ่ง
ตัวเขาเปรียบเหมือนลูกศรที่ถูกยิงออกมาจากธนู ความเร็วของเขามีแต่จะเพิ่มขึ้นและไม่ลดลง!